ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1725 ศรัทธาอันเป็นนิรันดร์
มู่เฉียนซีตอบกลับมาอย่างสงบนิ่งเป็นอย่างมาก “พลังวิญญาณของเจ้า กลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว”
“การฝึกฝนของเจ้า ไม่มีทางที่จะเลื่อนระดับได้อีกต่อไป”
“เจ้าทำได้เพียงแค่นอนเฉย ๆ ไปทั้งชีวิตที่เหลือนี้ มันควรที่จะเป็นเช่นนั้น…”
พรวด!
ปิงหมิงกระอักเลือดออกมากองใหญ่แล้วหมดสติไป
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าวว่า “เหลยหมิง พวกเจ้ากำลังรออะไรอยู่? ตอนนี้ยังต้องการที่จะหลบหนีอยู่อีกเช่นนั้นหรือ?”
เหลยหมิงกล่าวว่า “ไม่แน่นอนอยู่แล้ว!”
“หากไม่หนี เช่นนั้นก็เข้าร่วมการต่อสู้เสียเถอะ!”
ตูม!
มู่เฉียนซีและเหลยหมิงกลายเป็นผู้นำและกลับไปไล่ล่าคนเหล่านี้ที่ไล่ฆ่าพวกเขาก่อนหน้านี้
ปิงหมิงถูกกระทำจนน่าเวทนาถึงเพียงนี้แล้ว และเหล่าอาวุโสหลายคนนั้นยังถูกสัตว์เทพทั้งสองตัวไล่ล่าอีก มันจึงทำให้จิตวิญญาณในการต่อสู้ของพวกเขาไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อพวกเขาหวาดกลัวคนวิปริตอย่างมู่เฉียนซี ดังนั้นก็ถึงคราวที่พวกเขาจะต้องหลบหนีบ้างแล้ว
ครืนนนน!
สายฟ้านับไม่ถ้วน ฟาดผ่าลงมาจากฝากฟ้า
“วิ่งหรือ! ตอนนี้อย่าคิดที่จะหนีเลย”
ตูม โครมมม!
พวกเขาต่อสู้กันอย่างกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ และเพียงไม่นานก็สามารถที่จะจัดการคนเหล่านี้ได้ทั้งหมดแล้ว
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ภายในเปลวเพลิงของเสี่ยวหง ได้มีผู้อาวุโสสองสามคนถูกแผดเผาไปจนหมดสิ้น
อู๋ตี้ก็จัดการคนเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และต่อมาทั้งสองก็เริ่มที่จะจ้องตาของอีกฝ่าย
อู๋ตี้กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าหมูขี้เกียจ ท่านอู๋ตี้อย่างข้าเลื่อนขั้นจนกลายเป็นสัตว์เทพได้เร็วยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก”
“เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วแล้วจะไปมีประโยชน์อะไรกัน ข้าเพียงแค่นอนเกินเวลาไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ความสามารถของข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าอย่างแน่นอน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! แข็งแกร่งกว่าข้า ข้าไม่เชื่อหรอก!”
“เจ้าไม่เชื่อ อยากจะลองแข่งกันสักหน่อยไหม!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอาล่ะ! พวกเจ้าไปแข่งกันเถอะ ทางข้างหน้านั้นยังมีศัตรูอีกมากมาย พวกเจ้ารีบไปสังหารเข้าเถอะ!”
“ตกลงเอาตามนี้ก็แล้วกัน!”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงพุ่งทะยานออกไปทันที
ในอีกด้านหนึ่งของสงคราม กองกำลังหลักของเผ่าเทพก็ได้เผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ดุร้ายและกล้าหาญของเหล่าทหารของเทพหงส์จักรพรรดิ
เพียงเท่านี้ก็ปวดหัวอยู่กับกองกำลังของเทพหงส์จักรพรรดิที่ไม่มีสงครามไหนรบแล้วไม่ชนะเลยสักครั้ง ในตอนนี้ยังมีเจ้าตัวประหลาดทั้งสองมาไล่ฆ่าอีก นั่นยิ่งทำให้พวกเข้ารู้สึกปวดหัวมากขึ้นอย่างไม่รู้จบ
อู๋ตี้และเสี่ยวหงออกไปแล้ว มู่เฉียนซีก็เตรียมตัวกลับไปเช่นกัน
เหลยหมิงกล่าวว่า “ข้าก็จะไปด้วย!”
“เจ้าจะมาด้วยก็ได้ ส่วนคนอื่นอยู่ที่นี่เพื่อจัดการกับเชลยศึกเหล่านี้เถิด”
“ขอรับ!”
พวกเขารู้ดีว่าความสามารถของตนเองนั้นไม่สามารถไปช่วยเหลืออะไรได้!
“เผ่าหงส์ของพวกเรา สามารถที่จะชนะได้อย่างนั้นหรือ?” มีคนกล่าวพึมพำกับตนเองราวกับไม่เชื่อขึ้นมา
“ทำได้อย่างแน่นอน! สามารถทำได้อยู่แล้ว!” แววตาของพวกเขาเปล่งประกายวาววับขึ้นมา
“เพลิงเผาสวรรค์!”
“หมัดเก้าจักรพรรดิอมตะ”
ตูม โครมมม!
ทั้งคู่กำลังแข่งขันกัน เช่นนั้นอู๋ตี้และเสี่ยวหงทั้งสองจึงกลายเป็นนักฆ่าของสนามรบใหญ่นี้ไปเสียแล้ว
“เจ้าสัตว์เทพทั้งสองตัวที่เข้ามาช่วยเหลือนี้ ช่างกล้าหาญเกินไปแล้ว”
“หนึ่งในนั้นดูเหมือนว่าข้าจะเคยเห็นมันมาก่อน มันคือสัตว์พันธสัญญาอีกตัวหนึ่งของมู่เฉียนซี”
“วิปริตเกินไปจริง ๆ!”
หงส์นิลแห่งความมืดที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ทั้งยังมีเจ้าสองตัวนี้อีก ช่างง่ายดายเสียจริง ๆ
หลังจากนั้นก็มีร่างของคนสองคนพุ่งเข้ามา และหัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีก็มองเห็นเหลยหมิงกำลังเข้ามาด้วย
“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เหตุใดเจ้าถึงได้มาที่นี่อีกเล่า”
เหลยหมิงกล่าวว่า “หากไม่มาที่นี่ ก็คงจะพลาดฉากแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรานะสิ”
“แล้วเหตุใดข้าถึงจะไม่ย้อนกลับมาล่ะ ในเมื่อสงครามการต่อสู้ครั้งนี้พวกเราสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน เพราะอะไรเราจะต้องล่าถอยด้วยเล่า!”
“ฆ่ามัน!”
ทางฝ่ายของเทพราชา ได้รับบาดเจ็บจนสาหัสไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
พรึ่บ!
และการช่วยเหลือจากภายนอกที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ได้ถูกพลังของหวงจิ่วเยี่ย ทำให้กลายเป็นไร้ค่าไปเสียแล้ว
“อ๊ากกกก! ช่วยด้วย! ช่วยข้า…”
ในเวลานี้ท่านหยาได้กรีดร้องอย่างน่าเวทนาออกมา ในตอนที่เผ่าคำสาปของพวกเขาได้ใช้คำสาปที่แข็งแกร่งมากที่สุดจัดการกับหวงจิ่วเยี่ย กลอุบายของพวกเขาเหล่านั้นล้วนไม่มีผลกับหวงจิ่วเยี่ยไปอย่างสิ้นเชิง
พลันนั้นร่างกายของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า และแม้แต่วิญญาณก็ดับสูญไปแล้วเช่นกัน
“ท่านหยา!”
เทพราชาหลานอี้กัดฟันกล่าวว่า “ถอย! ถอยทัพออกไปเร็วเข้า!”
“เผ่าหงส์น้ำแข็ง หงส์ม่วง หงส์หยก พวกเจ้า…พวกเจ้าคอยขัดขวางเจ้าพวกนี้ให้กับข้า”
เทพราชาล่าถอย และปล่อยให้คนของเผ่าหงส์เหล่านี้กลายเป็นโล่บังหน้าให้กับพวกเขา
มู่เฉียนซีออกคำสั่งว่า “ฆ่าพวกมันซะ! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!”
กองกำลังของเทพหงส์จักรพรรดิได้กวาดล้างออกไป และผู้ที่เป็นความอัปยศของเผ่าหงส์ ที่เหลืออยู่ทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก
ปัง ปัง ปัง!
กองกำลังที่พ่ายแพ้เหล่านี้ยังพยายามที่จะสกัดกั้นกองกำลังของเทพหงส์จักรพรรดิอยู่ แต่ทว่าหลังจากที่เทพราชาหลานอี้คิดว่าตนเองเผ่นแน่บออกมาได้แล้ว จิ่วเยี่ยก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหลังของเขาราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น
มือเรียวยาวตรงเข้าไปบีบลำคอของเทพราชาหลานอี้เอาไว้ และร่างกายของเทพราชาหลานอี้ก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นโครงกระดูก
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ไว้ชีวิตข้าเถิด! โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด!”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้น ยังคงโหดเหี้ยมและไร้ความเมตตาเหมือนเช่นเคย
“หากท่านฆ่าข้า เทพจักรพรรดิก็จะส่งคนอื่นลงมาอีก ท่านไม่เชื่อหรือ ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยเจ้าสามารถที่จะอยู่ปกป้องเผ่าหงส์ไปได้ตลอดเช่นนั้นหรือ คนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างท่านนะหรือ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เมื่อไร้ประโยชน์ที่จะร้องขอชีวิต เทพราชาหลานอี้จึงได้หัวเราะขึ้นมา
“หากว่าท่านปล่อยข้า ขะ…ข้าจะช่วยให้ความมั่นใจกับเทพจักรพรรดิ ให้เข้าไม่ต้องส่งคนมาอีก ข้อตกลงเช่นนี้ ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยคิดว่า…”
แกร่ก! และคอของเขาก็หักไป
ข้อตกลงเช่นนี้ จิ่วเยี่ยไม่ได้มีความสนใจที่จะเจรจากับเขาเลยแม้แต่น้อย!
เทพราชาหลานอี้ได้พ่ายแพ้ไปแล้ว และลูกน้องของเทพราชาเหล่านี้ก็เริ่มถูกเก็บกวดไปจนหมดสิ้นแล้ว
ลูกน้องผู้แข็งแกร่งทั้งเจ็ดคนของเทพราชา นอกจากท่านเหมยและท่านหยูแล้ว คนอื่นก็ไม่มีจุดจบที่ดีเลยสักคนเดียว
คนของเทพราชาพ่ายแพ้ไปแล้ว และเผ่าหงส์น้ำแข็งและหงส์ม่วงต่างก็ยอมแพ้เช่นกัน
พวกเขารู้สึกว่าหากมองจากสถานะของคนเผ่าเดียวกันแล้ว พวกของหัวหน้าเผ่าหงส์อัสนี จะต้องยอมให้อภัยพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่ทว่าพวกของเผ่าหงส์อัสนีไม่ได้มีความเกรงใจอีกต่อไป “พวกเจ้าทรยศต่อเผ่าของข้า ถึงแม้ว่าจะถือว่ามีสายเลือดของเผ่าหงส์เช่นเดียวกัน แต่พวกเจ้าจะมีสิทธิ์กล่าวว่าเป็นคนของเผ่าพวกเราเช่นนั้นหรือ?”
“จับพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นก็เอาคุมขัง! และสถานะของพวกเขาจะไม่ใช่คนของเผ่าหงส์อีกต่อไป แต่เป็นเพียงเชลยเท่านั้น!”
เมื่อสงครามใหญ่สิ้นสุดลงแล้ว คนที่ควรฆ่าต่างก็ฆ่าไปหมดแล้ว และคนที่ควรจับก็ถูกจับเอาไว้แล้วเช่นกัน
เมื่อภารกิจของกองกำลังเทพหงส์จักรพรรดิเสร็จสิ้นแล้วก็ได้หายสาบสูญไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา และป้ายคำสั่งทหารของเทพหงส์จักรพรรดิชิ้นนั้น ก็ถูกเปลวเพลิงห่อหุ้มเอาไว้ แล้วสูญสลายไป
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวอย่างตกใจว่า “กองกำลังของเทพหงส์จักรพรรดิสามารถช่วยพวกเราได้เพียงครั้งเดียวเช่นนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเขาต่างก็เป็นเหล่าผู้อาวุโสที่ล่วงลับไปนานแล้ว พลังสุดท้ายอันน้อยนิดที่อยู่เบื้องหน้านี้ถูกใช้เพื่อปกป้องดินแดนหงส์ แต่กลับไม่อาจที่จะปกป้องได้ตลอดไป! ดินแดนหงส์ต่อจากนี้ไป ก็ต้องเป็นพวกเจ้าทั้งหลายที่จะต้องปกป้องมันด้วยตนเอง”
ราชินีหลานกล่าวว่า “สิ่งนี้ แน่นอนว่าข้าเข้าใจดี! แต่ทว่าสิ่งที่เทพราชาหลานอี้กล่าวนั้นก็ไม่ผิดเช่นกัน ความพ่ายแพ้ของเทพราชาหลานอี้ในครั้งนี้ เทพจักรพรรดิต้องไม่อาจปล่อยเผ่าหงส์ของพวกเราไปได้อย่างง่ายดายแน่นอน! ตอนนี้พวกเราติดอยู่ที่นี่ แม้คิดที่อยากจะออกไปจากบ้านเกิดและไปแสวงหาอิสรภาพ แต่ก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้อยู่ดี”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรื่องนี้ ท่านเทพหงส์จักรพรรดิได้เคยพิจารณาเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แน่นอนว่าย่อมมีวิธีการที่จะจัดการมันได้อยู่”
มู่เฉียนซีได้หยิบเอาลูกบอลลูกนั้นออกมา และได้กรอกเอาพลังจิตวิญญาณของนางใส่เข้าไปภายใน จากนั้นก็โยนขึ้นไปกลางอากาศ!
ทันใดนั้น ภายในลูกบอลลูกนั้นก็ได้มีพลังของเทพหงส์จักรพรรดิเพลิงที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งทะลักออกมา
“นั่นคือเปลวเพลิงของท่านเทพหงส์จักรพรรดิ!”
“ท่านเทพหงส์จักรพรรดิ!”
และในตอนนี้เปลวเพลิงนั้นเอง เปลวเพลิงก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้าของดินแดนหงส์
ผู้คนทั้งหมดที่ได้เห็นเปลวเพลิงนี้ ต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันของเหล่าเทพหงส์จักรพรรดิจากเปลวเพลิงนี้ ไม่ว่าจะมีความสามารถสูงเพียงใด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ต่างก็พากันคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความจริงใจอย่างที่สุด
แม้แต่ผู้ทรยศที่พ่ายแพ้ในสงครามนั้น ต่างก็คุกเข่าให้กับท่านเทพหงส์จักรพรรดิด้วยความจริงใจเช่นกัน เนื่องจากว่าท่านเทพหงส์จักรพรรดิ คือเผ่าหงส์ของพวกเขา และมันก็คือศรัทธาอันเป็นนิรันดร์ที่ไม่มีทางสูญสิ้นไปได้