ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1736 เปิดหูเปิดตากับฝีมือการทำอาหาร
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คนของเผ่าคำสาปมักจะชอบทำเรื่องที่รนหาที่ตายอยู่เสมอ ถึงจะสมควรตายอยู่แล้วก็เถอะ!”
หลังจากกลืนคนลงไปแล้วคนหนึ่ง แต่สัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกก็ยังรู้สึกถึงความหิวโหยอยู่ดี
“หิว! หิวจะตายอยู่แล้ว”
มันได้โยนเอาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลแห่งยมโลกเข้าไปในปากอย่างบ้าคลั่ง และแน่นอนว่ามันไม่มีทางที่จะปล่อยพวกของมู่เฉียนซีที่อยู่บนผืนทะเลไปด้วยเช่นกัน
หนวดสีดำทะมึนนับไม่ถ้วนของมันจะพุ่งมาคว้าพวกเขาเอาไว้ แต่พวกเขาก็สามารถที่จะหลบหลีกไปได้อย่างรวดเร็ว
บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนี้หิวจนเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องตัวมากนัก จึงทำให้มันจับพวกเขาไม่สำเร็จเลยสักครั้ง
กุยฮุยกล่าวว่า “พวกเรา…พวกเรารีบออกไปจากทะเลแห่งยมโลกกันเถอะ! เร็วเข้า…”
เมื่อได้เห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ก็ทำให้ขาของกุยฮุยในเวลานี้อ่อนยวบลงเล็กน้อย
สุ่ยอู๋ซินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หนีหรือ! ด้วยปริมาณอาหารที่เจ้าตัวนี้กินเข้าไป คาดว่าต่อให้เอาคนทั้งหมดของเผ่าเต่ามังกรของพวกเจ้ามาให้มันกินก็คงจะยังไม่เพียงพอให้มันอิ่มท้องได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องจัดการเจ้าสิ่งนี้ให้สิ้นซาก!”
ธาตุวารีจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวขึ้นมา สุ่ยอู๋ซินเริ่มลงมือแล้ว
ครืนนนน!
สัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกนี้สมกับที่มันเคยเป็นสัตว์ร้ายที่ทำให้ผู้คนต้องตื่นตระหนกเมื่อได้ยินชื่อของมันเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นผลให้สุ่ยอู๋ซินไม่สามารถที่จะจัดการมันได้
เนื่องจากว่าการโจมตีของสุ่ยอู๋ซิน ทำให้สัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกรู้สึกโกรธจัด จนทำให้ความเร็วในการกวัดแกว่งหนวดสีดำทะมึนของมันเร็วมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ โจมตี!”
เมื่อเสี่ยวหงมองเห็นเจ้าสิ่งนี้ ก็รู้สึกทนรับไม่ได้ขึ้นมาทันที!
“ชิ! เจ้าสิ่งนี้มันน่าเกลียดน่ากลัวเกินไปแล้ว! มองแล้วเสียลูกตาเสียจริง”
“หงส์เริงระบำแห่งความมืด!”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องนภาไม่อาจที่จะทำร้ายเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ ผิวของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นมันขลับ ทั้งยังมีพลังในการป้องกันที่แข็งแกร่งอีกด้วย
“เพลิงสังหารจิ่วหลง!”
พวกของมู่เฉียนซีต่างก็พากันลงมือแล้ว แต่ทว่ากุยฮุยกลับยังไม่กล้าที่จะลงมือ นี่คือศัตรูที่ไม่อาจเอาชนะได้อย่างแน่นอน และหากพวกเขายังสู้ต่อไปมันจะมีความหมายจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
เขาไม่กล้าที่จะโจมตี และไม่กล้าที่จะหนีไปด้วย!
ตูมม!
หนวดสีดำทะมึนแต่ละเส้นของมัน เหนี่ยวรั้งสุ่ยอู๋ซินเอาไว้อย่างเหี้ยมโหด และหลังจากนั้นมันก็พุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี
ในตอนที่หนวดอันน่าขยะแขยงนั้นกำลังจะสัมผัสโดนตัวของมู่เฉียนซี มันก็ได้หายวับจนเหลือเพียงว่างเปล่าทันที
ช่างเป็นเกาะป้องกันที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้ และเมื่อเผชิญหน้ากับพลังลึกลับที่แข็งแกร่งนี้ มันก็ได้กลายไปสิ่งที่อ่อนแอไปโดยสิ้นเชิง
ร่างสีดำร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศที่ว่างเปล่า ซึ่งการปรากฏตัวของเขาก็ราวกับเทพเจ้าผู้ทรงพลังในคืนเดือนมืดอย่างไรอย่างนั้น
จิ่วเยี่ยจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “มันก็แค่สัตว์ร้ายเพียงตัวเดียวเท่านั้น ซีปล่อยให้ข้าเป็นผู้จัดการเองเถิด! ”
ตึง!
หนวดที่รัดสุ่ยอู๋ซินไว้ก็ได้หายวับไปเช่นกัน เมื่อสุ่ยอู๋ซินได้รับอิสระ ก็รีบออกมาจากสนามต่อสู้ทันที
ตูมม!
พลังแห่งความมืดที่ทรงพลังนั้น สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่าได้
ความหวาดกลัวของสัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกในเวลานี้มีมากกว่าความรู้สึกหิวโหยของมันแล้ว และคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะดำดิ่งลงไปยังก้นเหวด้วยร่างที่สั่นเทา เพียงเพื่อต้องการที่จะใช้น้ำทะเลอำพรางตัวแล้วหนีไป
เงาสีดำสว่างวาบ และจิ่วเยี่ยก็ดำดิ่งลงไปในทะเลแห่งยมโลกเช่นกัน
เสี่ยวโม่โม่ย่อขนาดตัวให้เล็กลงแล้วบินไปอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซี พร้อมกกันนั้นมันก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังที่ทะลักออกมาจากใต้พื้นพิภพของทะเลแห่งยมโลกนี้
“ฮึ! พลังแห่งความมืดของท่านจิ่วเยี่ยทรงพลังมากถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดข้าจึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้กันเล่า” เสี่ยวโม่โม่รู้สึกเหมือนโดนโจมตีเข้าให้แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รอให้หลังจากนี้เสี่ยวโม่โม่โตขึ้นแล้ว เจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาเองนั่นแหละ”
อู๋ตี้ร้องตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านจิ่วเยี่ย ปลาหมึกยักษ์ย่างนั้นค่อนข้างอร่อยเลยทีเดียว ท่านอย่าทำลายไปจนหมดเสียล่ะขอรับ! เหลือไว้หน่อยเถิด”
เสี่ยวหงก็กล่าวขึ้นมาเช่นกันว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ! ท่านจิ่วเยี่ย ท่านเหลือไว้อีกหน่อยด้วยเถิด!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จิ่วเยี่ย เมื่อจัดการได้แล้ว ข้าจะตอบแทนท่านด้วยอาหารมื้อใหญ่แน่นอน”
เมื่อสัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกปรากฏตัวออกมา เผ่ามังกรต่างก็ถือว่าจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเดิมทีแล้วมันคือปัญหาที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขากลับมีความคิดที่อยากจะกินปลาหมึกยักษ์ย่างกันเช่นนี้?
กุยฮุยมองไปทางพวกเขาอย่างตกตะลึง ความแข็งแกร่งของชายชุดดำผู้นั้นน่าสะพรึงกลัวนัก แต่ทว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดยักษ์ยมโลกได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
ตูมม!
มีเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมาจากท้องทะเล จากนั้นน้ำทะเลก็ไหลทะลักอย่างเชี่ยวกราก
เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดการเคลื่อนไหวใต้ท้องทะเลก็เงียบสงบลง
ทันใดนั้นร่างสีดำร่างหนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีราวกับภูตผี จากนั้นเขาก็ก้มลงไปกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซีบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้ข้าหรือ”
“เหลือไว้แล้วหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ซีบอกให้เหลือไว้ ข้าก็ต้องเหลือไว้ให้แน่นอนอยู่แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ดี! ไป พวกเราไปเตรียมตัวหาเกาะเล็ก ๆ ที่บรรยากาศดีสักแห่งหนึ่งกันเถอะ!”
มันไม่ยากเลยที่จะหาเกาะเล็ก ๆ ที่มีทิวทัศน์อันสวยงาม ซึ่งกุยฮุยก็ได้แอบตามไปด้วยเช่นกัน และเป็นผลให้เขาได้เห็นจิ่วเยี่ยหยิบเอาหนวดปลาหมึกยักษ์ออกมาชิ้นหนึ่ง!
นี่ก็คือหนวดอันนั้นของเจ้าสัตว์ร้ายเมื่อครู่นี้ เขาสามารถจัดการกับสัตว์ร้ายที่อันตรายถึงเพียงนี้ได้จริง ๆ
มู่เฉียนซีได้หยิบเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา
ฉึบ ฉึบ ฉึบ!
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่ไปมา และจากนั้นมันก็ได้กลายเป็นชิ้นเนื้อที่มีความสม่ำเสมอกันเป็นอย่างมาก ต่อมานางก็นำมันไปเสียบไม้ และเริ่มจุดไฟ!
กุยฮุยกล่าวว่า “นะ…นี่น่าจะมีพิษนะ! มันสามารถกินได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าดูมาแล้ว เจ้าสิ่งนี้มันไม่มีพิษหรอก”
มู่เฉียนซีเริ่มยุ่งวุ่นวายขึ้นแล้ว ส่วนผสมเครื่องปรุงต่าง ๆ ล้วนมีพร้อมแล้ว ซึ่งวางอยู่ในห้วงมิติ และตอนนี้มันก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้พอดี
เพียงไม่นานนักก็มีกลิ่นหอมหวนโชยออกมา ซึ่งมันก็ทำให้คนอื่น ๆ มีความอยากอาหารเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ไม้แรกถูกย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนางจึงมองไปที่จิ่วเยี่ยพลางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย มานี่สิ อ้าปาก!”
จิ่วเยี่ยอ้าปาก และรอให้อาหารเลิศรสถูกส่งเข้าไปนั้น หลังจากนั้นเขาก็รับเอาอาหารไม้นั้นมาและเริ่มป้อนมันให้กับมู่เฉียนซีบ้าง
สุ่ยอู๋ซินมีท่าทางที่นิ่งสงบเป็นอย่างมาก แต่ทางกุยฮุยกลับตะลึงงันไปแล้ว
พวกเขากำลังกินสัตว์ร้ายกันอยู่! กินสัตว์ร้ายเลยนะ และนี่ก็คือสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาเผ่าเต่ามังกร ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะกำลังกินมันอยู่!
ชายผู้นี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายเสียอีก! น่าตกใจเกินไปแล้ว!
และสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ เขาก็อยากที่จะกินมันด้วยเช่นกัน!
หลังจากนั้นก็มีไม้ที่ย่างเสร็จแล้วไม่น้อย และพวกอู๋ตี้ เสี่ยวหงและเสี่ยวโม่โม่ก็ได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน
มู่เฉียนซีได้แบ่งไม้หนึ่งให้กับสุ่ยอู๋ซิน “ข้าให้!”
แต่ทันใดนั้นกลับถูกจิ่วเยี่ยขวางเอาไว้ และเขาก็จ้องมองไปที่สุ่ยอู๋ซินด้วยแววตาที่ดุร้าย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แค่ไม้เดียวเท่านั้นเอง อย่าขี้งกไปหน่อยเลย! สุ่ยอู๋ซินพยายามอย่างยากลำบากเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างมาให้พวกเราเชียวนะ และยังต้องมาได้รับบาดเจ็บด้วย…”
จิ่วเยี่ยไม่มีสิ่งใดมาคัดค้านมู่เฉียนซีได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงปล่อยให้สุ่ยอู๋ซินได้ลิ้มรสชาติอาหารที่มู่เฉียนซีย่างออกมา
หลังจากที่สุ่ยอู๋ซินได้กินเข้าไปแล้วก็กล่าวขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มว่า “ฝีมือการทำอาหารของท่านมู่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
พวกเขาต่างก็มีของกินกันหมด มีเพียงกุยฮุยที่ถูกทิ้งไว้อีกด้านหนึ่ง และคนอื่นต่างก็ทำเหมือนว่าเขาเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น
เขากล่าวขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ท่านมู่ ทะ…ท่านจะให้ข้าชิมสักคำได้หรือไม่”
มู่เฉียนซีตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ ข้าไม่ชอบเจ้าเลยสักนิด ไม่มีทางให้กินหรอก!”
เจ้าหมอนี่ทั้งขี้ขลาดตาขาว ไม่มีความรับผิดชอบ แล้วยังคิดที่จะหนีเอาตัวรอดอีก นางเกลียดคนแบบนี้มากที่สุดเลย
กุยฮุยกล่าวว่า “ขะ…ข้าผิดไปแล้ว ฮืออออ ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ”
ไม่คิดเลยว่าเจ้าหมอนี่จะร้องไห้ออกมาได้น่าอับอายเช่นนี้ ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีรำคาญมาก
มุมปากของนางกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “หากเจ้าอยากกินก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้! เพียงแต่ว่าเจ้าสามารถกินได้แต่ของที่จิ่วเยี่ยย่าง เป็นอย่างไร?”
“นั่นมัน…นั่นมันดูจะไม่เหมาะสมเท่าไร! ท่านผู้นี้เป็นผู้ทรงเกียรติถึงเพียงนั้น จะมาย่างปลาหมึกยักษ์ให้ข้าได้อย่างไร ข้า…ข้ารู้สึกปลาบปลื้มใจเหลือเกิน…”
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว เจ้าแค่บอกว่าอยากหรือไม่อยากกินเท่านั้นเอง”
กุยฮุยกล่าวว่า “ต้องอยากแน่นอนอยู่แล้ว!”
“เช่นนั้นเจ้าจะต้องกินให้หมดด้วยนะ! มิฉะนั้นข้าจะไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่”
“แน่นนอนอยู่แล้ว!”
มู่เฉียนซีหัวเราะคิกคักมองไปทางจิ่วเยี่ยพลางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ลงมือทำเถอะ! ข้าก็ไม่ได้เปิดหูเปิดตากับฝีมือการทำอาหารของท่านมานานมากแล้วเช่นกัน”
มู่เฉียนซีอยากที่จะปั่นหัวเจ้าหมอนั่นเล่น และจิ่วเยี่ยก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น เขาจึงเริ่มย่างหนวดปลาหมึกยักษ์ชิ้นใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์