ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1747 ลำบากเพื่อเขา
“ตายซะเถอะ!” ท่านซือหยางลงมืออีกครั้ง
มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวภายในชั่วพริบตา หลบหลีกอันตรายที่น่าหวาดเสียวนี้ได้
ทว่า ครั้งหน้าคงไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้อีกแล้ว
“ซี!” จิ่วเยี่ยที่โจมตีมังกรปีศาจจนถอยหลังไปในตอนนี้เตรียมที่จะปล่อยพลังของตนเองออกมาเพื่อช่วยมู่เฉียนซี แต่จู่ ๆ ทุกอย่างในบริเวณโดยรอบกลับหยุดชะงักลง
เส้นผมยาวสีเขียวครามพัดสยายไปตามสายลมกลางอากาศ ทันใดนั้นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดุจดั่งทวยเทพผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี
“หญิงอัปลักษณ์ เจ้าเลื่อนขั้นพลังวิญญาณแล้วไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงบาดเจ็บได้อีกเล่า!”
มู่เฉียนซีกล่าวออกมาว่า “อาถิง!”
เขามองไปที่ท่านซือหยาง ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวว่า “ที่แท้ก็เศษเดนที่หลงเหลืออยู่ของเผ่าคำสาปนี่เอง! กำจัดเศษเดนนี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
จิ่วเยี่ยได้ปลดผนึกการกักขังมิติออก ก่อนที่ดวงตาคู่งามก็จ้องมองไปที่อาถิงอย่างขุ่นมัว
จากนั้นก็ลงมือ เตรียมจะกำจัดปีศาจมังกรที่ลอยตัวหยุดชะงักอยู่กลางอากาศผู้นั้นให้ตายคามือ
พลังแห่งความมืดปกคลุมคนผู้นี้เอาไว้ ส่วนอาถิงก็ได้ใช้พลังแห่งกาลเวลาควบคุมคนของเผ่าคำสาปเหล่านั้นเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าหมอนี่คือหัวหน้าของพวกมัน เก็บเขาเอาไว้ก่อน”
“ทิ้งพวกอ่อนแอสามคนเอาไว้ให้เสี่ยวหงและพวกเล่นด้วย”
อาถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ “นี่ หญิงอัปลักษณ์ เจ้าจะนึกถึงพวกมันมากเกินไปแล้ว”
คนเหล่านั้นกำลังจะกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ พวกเขาไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้เกิดอันใดขึ้น ทว่า ภายในชั่วพริบตาเดียวพวกเขารู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองนั้นแก่ลงไปมาก
แม้ว่าพลังจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบกับความชรานี้ได้ ความตายใกล้เข้ามาเยือนแล้ว
ทว่า พลังวิญญาณของท่านซือหยางผู้นั้นกำลังถูกขูดรีดออก และร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ
เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาที่ตอนนี้ร่างกายเล็กลงราวกับเด็กทารก ทำได้เพียงมองดูลูกน้องของตนเองที่ร่างกายแก่ชราและเริ่มเหี่ยวเฉาลงจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก
ส่วนลูกน้องที่เหลือสามคนนั้นก็กำลังถูกสัตว์เทพทั้งสามไล่โจมตี สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวาราวกับได้พบเจอเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็มิปาน
ตูม!
ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเขา มังกรปีศาจที่ดูดเลือดบริสุทธิ์ของเผ่ามังกรปีศาจนั้น ตอนนี้ก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยกำจัดไปจนสิ้นด้วยพลังของเขาแล้ว
ท่านซือหยางหวาดกลัวจนตัวสั่นเครือ อยากจะส่งเสียงกรีดร้องออกมา แต่กลับพบว่าเสียงที่กรีดร้องออกมานั้นเป็นเสียงของเด็กทารก ในใจของเขาหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง
จิ่วเยี่ยที่กำจัดมังกรปีศาจได้แล้วในตอนนี้ก็ได้รีบกลับมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี เขามองมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เจ้าบาดเจ็บแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “แผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น!”
“จะเล็กน้อยก็แผลเหมือนกัน!”
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นกวาดสายตามองไปที่ร่างที่กลายเป็นร่างทารกผู้นั้น ทารกน้อยผู้นี้หวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างมิอาจห้ามร่างกายให้หยุดสั่นได้
ท่านซือหยางไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำกับเขาต่อไป หรือแค่ปล่อยให้เขานอนอยู่บนพื้น มองดูลูกน้องของตัวเองคนหนึ่งถูกหมูตัวนั้นแผดเผาอย่างน่าสังเวช
อีกคนหนึ่งกำลังส่งเสียงกรีดร้องอยู่ในเปลวไฟสีดำมืด ส่วนอีกคนถูกตบตีจนร่างกายแทบจะไม่เป็นร่างอยู่แล้ว
“นายท่าน เรียบร้อยแล้วขอรับ!” สัตว์พันธสัญญาเหล่านี้กล่าวพลางกลับมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ลำบากพวกเจ้าแล้ว กลับเข้าไปพักผ่อนเถอะ!”
“ขอรับ!”
อาถิงชี้ไปที่ร่างทารกนั้นพลางกล่าว “แล้วจะทำเช่นไรกับเจ้านี่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ทำให้โตขึ้นกว่านี้หน่อย ข้ามีเรื่องจะถามเขา”
“ก็ได้!”
อาถิงปรับเวลาให้เขาอยู่ในอายุสามถึงสี่ขวบ เช่นนี้เขาก็สามารถพูดได้แล้ว แต่พลังวิญญาณมีเพียงน้อยนิด แขนขาเล็กจ้อยไม่อาจหนีได้
“พวกเจ้า…นี่พวกเจ้าจะถามอะไรข้า?”
มู่เฉียนซีกล่าว “คำถามแรก นอกจากเผ่าเทพกับเผ่าคำสาปแล้ว คนของพวกเจ้ายังอยู่ที่ไหนอีก บอกข้ามาให้หมด”
ท่านซือหยางตกใจกลัวในวิธีการลงมือของอาถิงและตกใจกับความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยมากจริง ๆ จึงปริปากบอกออกมาทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่เรื่องเดียว
“ทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นความจริง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าเองก็ได้รับคำสั่งมาเหมือนกัน”
มู่เฉียนซี “คำถามที่สอง ปราการของเผ่ามังกรแข็งแกร่งมาก พวกเจ้าใช้วิธีใดเคลื่อนกำลังคนมากมายเช่นนั้นเข้ามาในแดนมังกรได้”
“เอ่อ…อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ขะ ข้าได้ยินมาว่าท่านเทพจักรพรรดิมีอาวุธเทพอยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นอาวุธเทพที่เก่งกาจมาก สามารถเปิดรอยแยกปราการแดนมังกรได้ พวกเราก็เลยเข้ามาได้”
“มหาวัตถุเทพแห่งมิติมีไม่มาก มันคือสิ่งใดกันแน่?” อาถิงเหยียบหน้าท้องของเขาอย่ารุนแรงพลางกล่าวถาม
เขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่เจ้าหมอนี่กลับตอบว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! สถานะของข้าไม่ได้สูงส่งอันใด เรื่องนี้ข้าไม่รู้หรอก”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าหมอนี่ไร้ประโยชน์แล้ว กำจัดทิ้งได้แล้ว”
“อย่าฆ่าข้านะ! อย่า…ข้ายังรู้เรื่องบางอย่างอีกเรื่อง ข้าคิดว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพวกเจ้ามากแน่ ๆ”
“อย่างนั้นเหรอ! ไหนเจ้าลองพูดมาสิว่าเรื่องอันใด?”
“เจ้าต้องรับปากก่อนว่าจะไม่ฆ่าข้า”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตกลง ข้ารับปาก!”
“คาดว่าภายในเจ็ดวันแปดวันนี้ ท่านเทพจักรพรรดิจะนำกองกำลังยอดฝีมือมาที่นี่ คนเหล่านั้นแข็งแกร่งกว่าข้ามาก! ที่ข้าใช้เผ่ามังกรปีศาจเป็นเครื่องสังเวยก็เพราะอยากได้ความดีความชอบ ทำสิ่งนี้ขึ้นมา มิเช่นนั้นข้าไม่มีทางทำสิ่งที่ขาดศีลธรรมเช่นนั้นหรอก”
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “คนอย่างเจ้ารู้จักคำว่าขาดศีลธรรมด้วยอย่างนั้นเหรอ!”
“เจ้า…เจ้ารับปากข้าแล้วนะว่าจะไม่ฆ่าข้า!” สายตาของมู่เฉียนซีช่างน่ากลัวยิ่งนัก
มู่เฉียนซีกล่าว “ใช่! ไม่ฆ่าเจ้า”
ฉึก! เข็มยาเข็มนี้ทำให้ท่านซือหยางผู้นี้ไม่สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้และไม่อาจใช้คำสาปทำร้ายคนอื่นได้อีกต่อไป
“อาถิง เพิ่มเวลาชีวิตให้เขาหนึ่งเดือนก่อนจะตาย”
“ไม่มีปัญหา!” อาถิงตอบรับด้วยท่วงท่าที่สบาย ๆ
จากเด็กกลายเป็นคนแก่ชราหัวหงอก อีกทั้งยังเป็นชายแก่ชราหัวหงอกที่ไร้เรี่ยวแรงและพละกำลังใด ๆ
“นี่เจ้า…เจ้า…”
เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ไม่สามารถกล่าววาจาออกมาให้ครบจบประโยคได้
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ามีเวลาชีวิตอยู่อีกหนึ่งเดือน ฉะนั้นก็จงชดใช้เคราะห์กรรมอยู่ในแดนมังกรนี่เสียเถอะ!”
“เราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยกลับมาอย่างปลอดภัย พวกเขาดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวถึงสถานที่ออกมาหลายสถานที่ “สถานที่ของเผ่าเทพและเผ่าคำสาปเหล่านี้ จะต้องรีบกำจัดให้เร็วที่สุด และจะไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
“ขอรับ!”
กองกำลังที่พ่ายแพ้ที่เหลือเหล่านี้ คนของเผ่ามังกรสามารถจัดการเองได้
ดังนั้นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดเหล่านี้จึงมอบให้เป็นหน้าที่ของสุ่ยอู๋ซิน จากนั้นมู่เฉียนซีกับราชามังกรเฮยเย้าจึงกลับไปพักผ่อนที่เกาะราชามังกร
อาถิงกล่าว “หญิงอัปลักษณ์ มาที่แดนมังกรอีกแล้วหรือ เพื่อหากระดูกมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างนั่นเนี่ยนะ?”
“ใช่!”
“หึ!” อาถิงทำเสียงฮึดฮัดออกมาจากจมูก
เขามองไปที่จิ่วเยี่ยด้วยสีหน้าท่าทางขุ่นเคือง “เพื่อเจ้าหมอนี่ เจ้าถึงกับยอมลำบากถึงเพียงนี้ ไปถึงแดนหงส์แล้วต้องมาที่แดนมังกรอีก เผ่าเทพสนใจสองแดนนี้เป็นพิเศษ เจ้าก็ไม่รู้จักกลัวบ้างหรืออย่างไร หากตัวตนถูกเปิดเผยเข้าต้องซวยเป็นแน่”
“ข้าไม่มีทางให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นแน่นอน” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ
“คำพูดนี้ของเจ้า พอล้างคำสาปไปหมดสิ้นแล้วก็พอจะน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย หึ!”
“เอาล่ะพอได้แล้วอาถิง!”
“หญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าก็เป็นห่วงแค่ชายผู้นี้ เจ้าไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอว่าข้ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง?” อาถิงจ้องมองมู่เฉียนซี
“เปลี่ยนแปลง! สิ่งใดเปลี่ยนกัน?” มู่เฉียนซีมองอาถิงอย่างพิจารณาด้วยความสงสัย
เจ้านี่ก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด! รูปร่างหน้าตารูปงามดุจดั่งทวยเทพ แต่นิสัยแย่มาก...
“ข้าจะโกรธแล้วนะ ข้าจะโกรธเจ้าแล้วจริง ๆ!” อาถิงอยากจะตีมู่เฉียนซีจริง ๆ แต่สุดท้ายก็ถูกจิ่วเยี่ยขวางเอาไว้
ร่างของอาถิงอันตรธานหายไป แต่ยังพามู่เฉียนซีกลับเข้าไปในมิติด้วย “นี่ เจ้าอัปลักษณ์ ในสายตาเจ้ามีเพียงแค่หวงจิ่วเยี่ยคนเดียวหรือไง นี่ข้ามีเจ้าเป็นพันธสัญญาได้ยังไงกันนะ” อาถิงกล่าวด้วยความโกรธ