ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1748 ปลดผนึกชั้นที่สาม
มู่เฉียนซีเข้ามาในมิติของศาลานิรันดร์ บรรยากาศที่คุ้นเคย ทุกอย่างที่นางคุ้นเคย!
ทว่า ทั่วทั้งมิติแห่งนี้กลับเปลี่ยนไปมาก บนผืนทะเลสาบอันไร้ขอบเขตแห่งนี้ได้ปรากฏศาลาหลังหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ทันทีที่พลังจิตของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหว นางก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ในศาลาแห่งนั้นแล้ว หลังจากที่นางได้ปรากฏตัวขึ้นในศาลาแห่งนี้ นางรู้สึกได้ว่าพลังจิตของนางแข็งแกร่งขึ้นมาก และกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว!
อาถิงกล่าว “ศาลาชั้นสามคือการฝึกพลังจิต เจ้าอย่าคิดว่าพลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งแล้วหลงระเริงใจได้เชียวล่ะ พลังจิตของวิญญาณแห่งลิขิตสวรรค์มีเพียงน้อยนิด ช่างน่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก!”
“ข้าจะบอกอะไรให้เจ้ารู้ไว้นะ หากเจ้าหวงจิ่วเยี่ยผู้นั้นไม่ต้องใช้พลังไปยับยั้งคำสาป พลังจิตของเขาแข็งแกร่งกว่าเจ้ามาก เจ้าต้องรีบใช้โอกาสนี้ทำให้พลังจิตของเจ้าเหนือกว่าเจ้านั่นให้ได้”
“อือ ๆ ๆ! ข้าเข้าใจแล้ว!” มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว
มู่เฉียนซีพุ่งตัวไปบนพื้นผิวทะเลสาบวารี ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวว่า “อาถิง เจ้าแบ่งที่ให้ข้าปลูกสมุนไพรวิญญาณอีกสักหน่อยสิ! สวนสมุนไพรวิญญาณที่อื่นมันแน่นเกินไปแล้ว ข้าสงสารของรักของข้าน่ะ”
อาถิงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าหญิงอัปลักษณ์ นี่เจ้าคิดจะพูดเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรืออย่างไร!”
มู่เฉียนซีเดินไปตรงหน้าอาถิง ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวว่า “อืม…เรื่องอื่นข้าก็พูด”
“อาถิง ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะที่เปิดผนึกศาลาชั้นสามได้แล้ว เรามาช่วยกันเพิ่มพลังความแข็งแกร่งเพื่อให้เจ้าเปิดผนึกที่เหลือได้เร็ว ๆ ดีหรือไม่?”
อาถิงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ครั้งต่อไปก็จะเปิดผนึกได้ถึงสามผนึกในคราเดียว เจ้าก็จะสามารถควบคุมพลังแห่งกาลเวลาได้แล้ว ฉะนั้น เจ้าต้องอดทนสู้ให้เต็มกำลังความสามารถของเจ้า! อย่าเอาแต่คิดถึงเจ้าหวงจิ่วเยี่ยนั่นทุกวัน อย่ามัวแต่เอาเวลาไปคิดจะรักษาแต่เจ้าหวงจิ่วเยี่ยนั่น เข้าใจหรือไม่?”
“เปิดทั้งสามผนึกในคราเดียว เช่นนั้นก็หมายความว่าถึงชั้นหกเลยอย่างนั้นเหรอ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ก็ใช่นะสิ! ข้าเป็นถึงศาลาเลือนรางเก้าชั้น เป็นถึงศาลานิรันดร์นะ แน่นอนว่าข้าเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่ไม่เหมือนกับชิ้นอื่น ๆ อยู่แล้ว”
“อาถิงช่างเก่งกาจยิ่งนัก”
“แน่นอน นอกจากท่านพี่ข้าแล้ว ก็มีข้านี่แหละที่เก่งกาจที่สุด”
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็ได้เจรจาพูดคุยกับอาถิง และอาถิงก็ได้ให้มู่เฉียนซีอยู่ฝึกฝนในนี้ทั้งวันโดยไม่ให้นางออกไปเจอหวงจิ่วเยี่ย ขณะเดียวกันเขาก็รับปากว่าจะแบ่งพื้นที่ให้นางได้เปิดสวนสมุนไพรวิญาณของนาง
อาถิงรับปากแล้ว!
มู่เฉียนซีเข้าไปในมิติของศาลาเลือนรางเก้าชั้น จิ่วเยี่ยเองก็ไม่สามารถบีบบังคับให้นางออกมาได้ ทำได้เพียงแค่อดทนรอนางด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคืองใจเท่านั้น
ทว่า คนที่ออกมานั้นกลับไม่ใช่มู่เฉียนซี แต่เป็นอาถิง ศาลาเลือนรางเก้าชั้นหรือศาลานิรันดร์ผู้ที่เขาไม่ชอบขี้หน้านั่นเอง
อาถิงนั่งลง ดวงตาจ้องมองไปที่หวงจิ่วเยี่ย ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “หญิงอัปลักษณ์นั่นอยู่กับเจ้าก็มัวแต่เอาเวลาไปตามหาคัมภีร์หมื่นคำสาป มัวแต่เอาเวลาไปหาวิธีแก้คำสาปลึกลับเหล่านั้น นางช่างโง่เขลายิ่งนัก เสียเวลาฝึกฝน แถมยังเสียโอกาสดี ๆ ไปมากมาย”
“เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าวิญญาณแห่งลิขิตสวรรค์มีความหมายเช่นไร และศัตรูที่ต้องเผชิญในอนาคตเป็นเช่นไร”
จิ่วเยี่ยกล่าว “ข้าจะเผชิญมันไปพร้อมกับซี ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นก็ตาม”
“อีกอย่าง เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว!”
สายตาของจิ่วเยี่ยเย็นยะเยือกขึ้น คิดจะลงมือเขาก็ลงมือทันที
นอกจากซีแล้วก็ไม่มีใครเป็นคู่ซ้อมที่ดีสำหรับเขาเลย
“สู้ก็สู้สิ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าเหรอ! อย่างไรเสียหญิงอัปลักษณ์นั่นก็กำลังฝึกฝนอยู่ในมิติ ไม่มีใครช่วยเจ้าหรอก”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! จิ่วเยี่ยลงมือทันที
คนอย่างเขานะเหรอจะให้มู่เฉียนซีช่วย ต้องสั่งสอนอาถิงผู้นี้ให้หลาบจำสักครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
อาถิงพรากมู่เฉียนซีไปต่อหน้าต่อตาจิ่วเยี่ยเช่นนี้ ตอนนี้ความโกรธเกรี้ยวของจิ่วเยี่ยมีมากเพียงใดนั้น ไม่อาจจินตนาการได้เลย
ครานี้อาถิงไม่อาจรับมือได้ เขาจึงรีบกล่าวว่า “ตอนนี้หญิงอัปลักษณ์อยู่ในมิติของข้า หากเจ้าฆ่าข้าตายแล้วละก็…หึ!”
“ข้ามีขอบเขตอยู่แล้ว!”
หลังจากที่กำจัดพวกเศษเดนของเผ่าเทพและเผ่าคำสาปเหล่านั้นแล้ว พวกเขาก็รู้สึกได้ว่ากลางอากาศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวกำลังประทุอยู่อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้คนของเผ่ามังกรรู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง
เฮยเย้ากล่าว “ดูเหมือนว่าจะเป็นท่านจิ่วเยี่ยกับสหายของท่านมู่กำลังเล่นสนุกกัน ไม่มีอะไรหรอก!”
พวกเขาได้ยินเช่นนี้แล้วก็มุมปากกระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เล่นสนุกกันอย่างนั้นเหรอ? เหตุใดพวกเขาถึงรู้สึกว่าเป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกันไปข้างนึงล่ะ
แดนมังกรของพวกเขาสามารถต้านพลังอันแข็งแกร่งสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ได้ไหวหรือ
หลังจากที่มู่เฉียนซีฝึกฝนเสร็จมาเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม เมื่อนางออกมาก็ไม่เห็นอาถิงแล้ว เขาซ่อนตัวอยู่ในมิติไม่ยอมออกมา ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะเรียกเขาอย่างไรก็ตาม!
“หญิงอัปลักษณ์ เจ้าจะไม่ให้ข้าพักผ่อนบ้างเลยหรืออย่างไร?”
“นี่เจ้าจะแอบนอนอีกแล้วเหรอ เลื่อนขั้นพลังแล้ว พลังเจ้าก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ข้าไม่ได้แอบนอน ข้าแค่อยากพักผ่อน! วันพรุ่งค่อยเจอกันก็แล้วกัน”
วันพรุ่งอาการบาดเจ็บก็คงจะดีขึ้นมากแล้ว
“ซี!” จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีแน่น ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงจูบนาง “อือ…”
“ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว!”
หลังจากอยู่ฝึกฝนในมิติมาทั้งวัน มู่เฉียนซีก็พบว่าความคิดถึงของจิ่วเยี่ยนั้นช่างลึกซึ้งเหลือเกิน
“ข้าหายไปวันหนึ่งแล้ว เจ้าอย่าให้ข้าหายไปอีกวันหนึ่งเลย จิ่วเยี่ย..”
“เช่นนั้นก็หายไปอีกสองวัน!”
ครั้นแล้วมู่เฉียนซีก็หายไปเป็นเวลาสามวัน สุ่ยอู๋ซินกับเฮยเย้าได้จัดการเรื่องราวต่าง ๆ จนเรียบร้อย ด้วยไม่อยากให้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไปรบกวนมู่เฉียนซี
พวกเขาจัดการคนของเผ่าเทพที่อยู่ในแดนมังกรเหล่านั้นไปเรียบร้อยแล้ว และพวกเขารู้ดีว่าเผ่าเทพต้องส่งคนมาอีกเป็นแน่
“ท่านราชามังกร ท่านหัวหน้าเผ่ามังกรวารี เผ่ามังกรแห่งความมืดส่งข่าวมาแล้วขอรับ”
“เผ่ามังกรแห่งความมืดส่งข่าวมาแล้ว ต้องรีบรายงานท่านมู่โดยเร็ว”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ถีบจิ่วเยี่ยออกจากเตียงอย่างสุดกำลังได้เสียที
“ยังไม่รีบมาพยุงข้าลุกจากเตียงอีก มีความคืบหน้าแล้ว”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
เผ่ามังกรแห่งความมืดส่งข่าวมาแล้ว แต่กลับไม่ใช่ข่าวดี
เผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเขาปฏิเสธไม่ให้เผ่ามังกรใดเข้าอาณาเขตของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ยอมให้คนนอกเข้าพบอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ให้เข้า เช่นนั้นก็คงต้องบุกเข้าไปแล้ว ต้องสืบข่าวมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างให้ได้ มิเช่นนั้นข้าไม่วางใจเด็ดขาด”
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ในเมื่อท่านมู่ยืนยันที่จะไป เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมการ! พวกเราทั้งห้าเผ่า ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับเผ่ามังกรแห่งความมืดจริง ๆ พวกเราก็ไม่กลัว”
“อืม! รบกวนพวกเจ้าแล้ว”
หลังจากที่เตรียมการเสร็จ มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยก็ออกเดินทางโดยมีสุ่ยอู๋ซินเป็นคนนำทาง
ลำแสงสีเขียวอ่อนลำแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น อาถิงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“จะไปเผ่ามังกรแห่งความมืดกันใช่หรือไม่ ข้าเองก็อยากจะไปดูเหมือนกัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เยี่ยมเลย! ในที่สุดอาถิงก็ออกมาสักที นี่ข้าไปทำอันใดให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่?”
“หึ! เจ้าทำให้ข้าโกรธทุกอย่างนั่นแหละ นี่เป็นเพราะว่าข้าว่างหรอกนะ ข้าถึงได้ออกมาสูดอากาศเล่น ข้าไม่ได้ออกมาเพื่อเจอหน้าเจ้าสักหน่อย”
ในขณะที่อาถิงกล่าวนั้น สายตาของเขาก็เหลือบมองไปที่หวงจิ่วเยี่ยที่กำลังมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจอยู่
เผ่ามังกรอื่น ๆ ล้วนแต่อาศัยอยู่ในเกาะมังกรทั้งสิ้น
มีเพียงแค่เผ่ามังกรแห่งความมืดเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในเกาะมังกร แต่อาศัยอยู่ในหุบเหวมังกรแห่งความมืด
ที่แห่งนั้นคือเป็นหุบเหวที่ลึกที่สุดของเผ่ามังกร เป็นหุบเหวที่ไร้แสงเดือนแสงตะวันจะสาดส่องถึง
ผู้ที่พลังไม่แข็งแกร่งจริง ๆ ไม่สามารถลงไปถึงหุบเหวลึกแห่งนี้อย่างปลอดภัยได้
สุ่ยอู๋ซินลงไปเป็นคนแรก จิ่วเยี่ยโอบกอดมู่เฉียนซีตามลงไป ส่วนอาถิงก็ตามพวกเขาไปติด ๆ เช่นกัน
“ผู้เป็นพันธสัญญาของข้า จำเป็นต้องให้เจ้าพาไปด้วยหรือ”
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า!”
“ชิ! มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!” อาถิงที่เปิดผนึกชั้นที่สามได้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิ่วเยี่ย เขาเองก็ไม่พอใจเช่นกัน
ขวับ!
พวกเขาแต่ละคนต่างลงไปถึงหุบเหวมังกรแห่งความมืดแล้ว
มีคนนอกเข้าบุกเข้ามาในหุบเหวมังกรแห่งความมืดเช่นนี้ แน่นอนว่าเผ่ามังกรแห่งความมืดรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวนี้แล้ว
ขวับ ขวับ ขวับ! ร่างหลายร่างปรากฏตัวขึ้นขวางทางพวกเขาเอาไว้ “ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใครก็ตาม รีบไสหัวออกไปจากหุบเหวมังกรแห่งความมืดนี้ซะ!”