ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1749 ลงมือพิชิต
สุ่ยอู๋ซินยังคิดที่จะอธิบายอะไรสักอย่าง แต่ทว่าจิ่วเยี่ยกลับเดินเข้าไปแล้ว
“หากพวกเจ้าไม่ให้ข้าได้พบ เช่นนั้นก็ใช้ความสามารถของพวกเจ้ามาขวางข้าเอาไว้ให้ได้! หรือไม่ก็…ไสหัวไป!”
ด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ย ทำให้ดวงตาของเผ่ามังกรแห่งความมืดเบิกกว้าง
“เจ้าคิดจะให้พวกข้าเอาชนะเจ้าอย่างนั้นหรือ? ดี! เช่นนั้นข้าก็จะทำให้พวกเจ้าได้รู้ถึงความสามารถของพวกข้าเผ่ามังกรแห่งความมืด”
เผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต่อสู้กับผู้ใดมานานมากแล้ว ในเวลานี้พวกเขาก็กำลังคันไม้คันมืออยู่เล็กน้อยเช่นกัน!
เมื่อเผชิญกับการโจมตีของพวกเขา จิ่วเยี่ยก็ได้รับมันเอาไว้
ตูม!
เพียงไม่นาน เผ่ามังกรแห่งความมืดเหล่านี้ก็พากันตกตะลึง
ที่จริงแล้วคนผู้นี้เป็นใครกันแน่? ไม่คาดคิดเลยว่าพลังแห่งความมืดของเขา จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าของพวกเขาเผ่ามังกรแห่งความมืดเสียอีก
“ไม่มีทางแพ้แน่นอนอยู่แล้ว!”
ตูมมม โครมมม!
ทันทีที่เข้าไปในเหวลึก จิ่วเยี่ยก็ได้ต่อสู้กับเผ่ามังกรแห่งความมืดทันที
อาถิงก็ทนรับความโดดเดี่ยวไว้ไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาจึงกล่าวว่า “จะปล่อยให้เจ้าหวงจิ่วเยี่ยผู้นั้นทำตัวน่าเกรงขามอยู่เพียงผู้เดียวไม่ได้ ข้าก็จะต่อสู้ด้วยเช่นกัน”
“หยุดเวลา!” ลำแสงสีเขียวอ่อนระเบิดออกมา และอาถิงเองก็ได้เริ่มแสดงความสามารถของตนเองออกมาแล้วเช่นกัน
พวกเขาสู้กับหวงจิ่วเยี่ยไม่ไหว หรือว่าจะไม่อาจต่อสู้กับคนที่มีพลังธาตุแห่งความมืดเหมือนอย่างหวงจิ่วเยี่ยผู้นี้ได้อย่างนั้นหรือ?
มู่เฉียนซีมองไปทางสุ่ยอู๋ซินพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเผ่ามังกรแห่งความมืดไม่คิดที่จะช่วยเหลือ ก็มีแต่ต้องใช้กำลังแล้วล่ะ พวกเราก็ลงมือกันเถอะ”
สุ่ยอู๋ซินพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ขอรับ! ข้าจะทำทุกอย่างตามความการของท่านมู่ขอรับ”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ ลงมือซะ!”
ธาตุแห่งความมืดของเสี่ยวโม่โม่ ก็ดึงดูดความสนใจของพวกเขาเช่นกัน
พวกเขาเพิ่งได้ค้นพบว่า พลังแห่งความมืดที่อยู่ในแดนมังกรนี้ไม่ได้เป็นของพวกเขาเผ่ามังกรแห่งความมืดเท่านั้น
ครืนนนน!
หุบเหวมังกรแห่งความมืด มีเสียงดังกึกก้องออกมา และคนของเผ่ามังกรแห่งความมืดก็มาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่าพวกของมู่เฉียนซีไม่มีความคิดที่จะถอยกลับเลยแม้แต่น้อย!
โจมตีเข้าไป โจมตีจนกว่าหัวหน้าเผ่าของพวกเขาจะออกมาคุยก็แล้วกัน
“ท่านหัวหน้าเผ่า มีคนมาสร้างความวุ่นวายที่หุบเหวมังกรแห่งความมืดขอรับ”
“เป็นผู้ใดกัน?” คนที่สวมชุดคลุมสีดำคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“ก่อนหน้านี้มีข้อความของราชามังกรน้อยผู้นั้นส่งมาแต่ก็ได้ถูกท่านหัวหน้าเผ่าปฏิเสธไปแล้ว ข้าเดาว่าน่าจะเป็นคนที่ราชามังกรส่งมาเป็นแน่”
“ไม่พบก็คือไม่พบ โยนพวกเขาออกไปจากหุบเหวมังกรแห่งความมืดซะ!”
“ขอรับ ท่านหัวหน้าเผ่า! พวกข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นพวกเขาก็ได้ค้นพบว่าอีกฝ่ายนั้นมีความสามารถที่แข็งแกร่งมากเกินไป จนแทบจะสกัดกั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้ว!
“ท่านหัวหน้าเผ่า คนที่ถูกส่งออกไปต่างถูกจัดการไปหมดแล้ว ทำเช่นไรดีขอรับ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ราชวงศ์ใหญ่ทั้งห้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ส่งคนออกไปอีก”
“ขอรับ!”
แต่ทว่า มันก็ยังคงไร้ประโยชน์อยู่ดี
พวกเขาเผ่ามังกรแห่งความมืด ได้เห็นผู้ที่มีความโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก
จิ่วเยี่ยและอาถิงทั้งสองคนกำลังแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง และมันก็เป็นเรื่องที่น่าขมขื่นของเผ่ามังกรแห่งความมืดเหล่านี้จริง ๆ
นอกจากนี้สัตว์พันธสัญญาตัวอื่นของมู่เฉียนซีก็ไม่ได้อ่อนแอเลยเช่นกัน ดังนั้น…สุ่ยอู๋ซินจึงกล่าวว่า “เผ่ามังกรแห่งความมืดช่างสมคำร่ำลือจริง ๆ ความสามารถของพวกเขาแข็งแกร่งมาก และความแข็งแกร่งของทุกคนในเผ่ามีความใกล้เคียงกับระดับสัตว์เทพเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากความเบาบางของพลังวิญญาณในแดนมังกรของพวกเราก่อนหน้านี้เลย ความสามารถของราชวงศ์ใหญ่ทั้งห้าของพวกเรา สู้พวกเขาไม่ได้เลยจริง ๆ”
ถึงสุ่ยอู๋ซินจะโอดครวญในความยอดเยี่ยมของพวกเขา แต่ทว่าเผ่ามังกรแห่งความมืดก็ยังคงถูกบดขยี้อยู่ดี ผู้ใดใช้ให้ความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยและอาถิงไม่อาจที่จะใช้สามัญสำนึกมาตัดสินได้กันล่ะ
ปัง ปัง ปัง!
ในที่สุด ก็ไล่ล่ามาจนใกล้ถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดมังกรแห่งความมืดของหัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดแล้ว
หัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดตกใจเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความมืดที่แข็งแกร่งถึงสองแห่ง และพลังทั้งสองแแห่งนี้ ก็ไม่ใช่พลังของคนในเผ่าเขาอีกด้วย
ร่างสีดำพุ่งทะยานออกมาราวกับสายฟ้าฟาด แววตาของเขาจ้องมองไปที่หงส์น้อยสีดำตัวหนึ่งและชายที่สวมชุดสีดำอีกคนหนึ่ง
พลังแห่งความมืดนี้ มีต้นกำเนิดมาจากพวกเขา
หัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดสะบัดแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้ามาสร้างปัญหาถึงเผ่ามังกรแห่งความมืดของข้า ที่จริงแล้วต้องการที่จะทำอะไรกันแน่? เผ่ามังกรแห่งความมืดของข้าอยู่อย่างสันโดษมาเป็นเวลานานแล้ว ทั้งยังไม่ได้ก่อปัญหาใด ๆ! เช่นนั้นพวกเราไปทำให้พวกเจ้าขุ่นเคืองใจตรงไหนกัน”
สุ่ยอู๋ซินกล่าวว่า “พวกกข้าเพียงแค่มีเรื่องที่ต้องการให้พวกเจ้าเผ่ามังกรแห่งความมืดช่วยเหลือ พวกเจ้าปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ พวกเราก็เพียงแค่ต้องมาด้วยตนเอง แต่ทว่าพวกเจ้าก็ยังไม่ต้อนรับเราอีก เช่นนั้นพวกเราจึงทำได้เพียงแค่ต้องลงมือเท่านั้น”
หัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดกล่าวว่า “พวกเจ้ากล่าวเช่นนี้ คิดว่าพวกเจ้ามีเหตุผลนักหรือ?”
จิ่วเยี่ยมองไปทางหัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดแล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าจะมีเหตุผลอย่างไร! ก็เพียงแค่มาต่อสู้กับข้า หากเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าก็จะต้องช่วยพวกข้า!”
หัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดกล่าวว่า “หากเป็นเจ้าที่พ่ายแพ้ละ?”
“ข้าไม่มีทางแพ้หรอก!” จิ่วเยี่ยกล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว
เผ่ามังกรแห่งความมืดคนอื่นต่างพากันตกตะลึง ผู้ชายคนนี้ช่างโอ้อวดเสียจริง
หัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดกล่าวว่า “ตกลง! เผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเรานับถือผู้ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว หากเจ้าทำให้ข้าพ่ายแพ้ได้ ข้าจะตอบรับคำขอร้องของพวกเจ้าเอง”
“หากว่าพวกเจ้าพ่ายแพ้ ต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด!”
อาถิงไม่อยากฟังอีกแล้ว เขาจึงกล่าวขึ้นมาว่า “เหตุใดถึงท้าสู้กับเจ้าหมอนี่ ข้าก็มาด้วยเหมือนกัน!”
“เฮ้! พวกเจ้าทั้งสองคน เจ้าต้องการท้าสู้กับใคร?”
นี่ยังต้องถามอีกอย่างนั้นหรือ? หัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดต้องเลือกจิ่วเยี่ยอยู่แล้ว
เนื่องจากว่าผู้ชายคนนี้ดูแล้วน่าจะแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าหนุ่มน้อยรูปงามผู้นี้นัก และเขาก็ยังสนใจในพลังแห่งความมืดในร่างกายของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมากอีกด้วย
อาถิงกล่าวว่า “เจ้าหมอนี่ตาบอดหรืออย่างไร! ข้าแข็งแกร่งมากกว่าหวงจิ่วเยี่ยเสียอีก”
มู่เฉียนซีลากอาถิงออกไป “ปล่อยให้พวกเขารีบต่อสู้กันเถิด! เมื่อถึงเวลาเจ้าอยากที่จะสู้ ก็ค่อยขึ้นไปต่อสู้”
พวกเขาทั้งสองตกลงที่จะแข่งขันกัน และทุกคนในเผ่าของเผ่ามังกรแห่งความมืดต่างก็พากันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าพวกเขาไม่ได้เห็นท่านหัวหน้าเผ่าผู้แข็งแกร่งออกโรงมานานมากแล้ว
ภายใต้หุบเหวมังกรแห่งความมืด มีสนามประลองอยู่แห่งหนึ่ง
ชายผู้สวมชุดสีดำทั้งสองทะยานขึ้นไปยืนอยู่บนสนามประลอง หนึ่งในนั้นเป็นชายในชุดดำทีมีดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกคู่หนึ่ง และยังสวมหน้ากากสีดำสนิทอันหนึ่งอีกด้วย
ส่วนผู้ชายอีกคนก็สวมชุดสีดำเช่นเดียวกัน และเขาก็มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา ทั้งยังมีดวงตาและเส้นผมเป็นสีดำอีกด้วย
ตูม!
ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็เริ่มปะทะกัน
ในตอนที่หวงจิ่วเยี่ยระเบิดพลังแห่งความมืดมันยิ่งทำให้หัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดตกใจมากขึ้นไปอีก เขาสูดหายใจเข้าลึก ช่างเป็นพลังความมืดที่แข็งแกร่งเสียงจริง!
มันจะสบายเกินไปแล้ว!
แน่นอนว่าสติของเขาได้กลับมาอย่างรวดเร็ว นี่กำลังต่อสู้อยู่นะ! มันมีความเป็นไปได้มากว่าจะพ่ายแพ้หากไม่ระมัดระวัง ไม่คิดว่าเลยว่าเขาจะฟุ้งซ่านเช่นนี้
อาถิงกล่าวว่า “ไม่คิดว่าเจ้าหวงจิ่วเยี่ยผู้นั้นจะใช้เพียงพลังแห่งความมืดในการต่อสู้กับหัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืดคนนั้น มังกรแห่งความมืดนี้อ่อนแอเหลือเกิน การที่จะจัดการผู้ชายคนนั้นมันเป็นแค่เรื่องที่เล็กน้อยเท่านั้น”
มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจริง ๆ ถึงจะเป็นธาตุแห่งความมืดเหมือนกัน แต่จิ่วเยี่ยก็เลือกที่จะใช้พลังแห่งความมืดในการบดขยี้คนอื่น
เผ่ามังกรแห่งความมืดคิดว่าตนเองนั้นใช้พลังแห่งความมืดได้ยอดเยี่ยมมากที่สุด แต่ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหวงจิ่วเยี่ยผู้นี้ เขาก็ต้องเสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า และความมั่นใจของพวกเขาเผ่ามังกรแห่งความมืดก็ได้ถูกทำลายลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขา…ดูเหมือนว่าเขาจะพบกับราชาแห่งความมืดเสียแล้ว ซึ่งเป็นราชาผู้ชนะสิบทิศอีกด้วย
แต่หากเขาพ่ายแพ้ไปเช่นนี้จริง ๆ แน่นอนว่าเขาไม่เต็มใจอยู่แล้ว!
ทันใดนั้น หัวหน้าเผ่าของเผ่ามังกรแห่งความมืดก็ไม่เก็บซ่อนพลังอีกต่อไป ร่างมนุษย์ของเขาได้หายไป และแปรเปลี่ยนกลายเป็นร่างมังกรสีดำขนาดใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง
อาถิงกล่าวว่า “เปลี่ยนเป็นร่างจริง ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มันก็ไม่ได้ไร้ประโยนช์เสียทีเดียว เพราะจะได้ดูจิ่วเยี่ยปราบมังกรอย่างไรล่ะ”
จิ่วเยี่ยได้ใช้พลังที่เผ่ามังกรแห่งความมืดภาคภูมิใจมากที่สุด ในการเอาชนะร่างที่แท้จริง ที่อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งที่สุดของหัวหน้าเผ่ามังกรแห่งความมืด
ปัง!
หัวหน้าเผ่าของเผ่ามังกรแห่งความมืดตกลงมากจากท้องฟ้าอย่างรุนแรง จนทำให้บนพื้นดินปรากฏหลุมที่มีขนาดใหญ่หลุมหนึ่งขึ้นมา
พลังทั่วทั้งร่างถูกสูบไปจนแห้งเหือดแล้ว และเขาไม่สามารถที่จะใช้พลังแห่งความมืดได้อีกแม้แต่น้อย เขาพ่ายแพ้แล้วจริง ๆ แต่มันกลับเป็นการพ่ายแพ้ที่เขายอมรับมันอย่างสุดหัวใจ!