ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1752 เขาผิดปกติ
“พวกข้าก็ไม่ได้มีจิตใจละโมบ แค่อยากให้เจ้าหงส์น้อยตัวนี้อยู่ช่วยสักเดือน ไม่สิ ครึ่งเดือน แล้วเผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกข้าทั้งหมดจะเคลื่อนไหวรับมือกับเผ่าเทพ” อ้านลั่วกล่าว
สามารถเพิ่มเวลาช่วยแหล่งที่มาของพลังแห่งความมืดได้อีกสักหน่อยก็นับว่าเป็นเรื่องดี!
มู่เฉียนซีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้!”
ในตอนนี้เอง จิ่วเยี่ยก็เอ่ยปากกล่าวออกมาว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไข”
ร่างในชุดดำพุ่งไปที่แหล่งที่มาของพลังแห่งความมืดนั้นอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ และจู่ ๆ หุบเหวแห่งความมืดที่นิ่งสงบอยู่มานานก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้น
นี่มัน…นี่กำลังจะเกิดหายนะขึ้นอย่างนั้นเหรอ!
พลังดำมืดอันน่าสะพรึงกลัวอย่างมิอาจหาที่เปรียบได้ได้ห่อหุ้มลูกบอลซึ่งเป็นแหล่งที่มาของพลังนั้นเอาไว้ ภายในชั่วพริบตาเดียวพลังแห่งความมืดก็ได้ไหลพรั่งพรูออกมาจากทั่วทุกสารทิศ และแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหุบเหวแห่งความมืดทันที
มังกรแห่งความมืดที่พลังติดอยู่ในคอขวดยากที่จะเลื่อนขั้นได้แต่ละตัวเหล่านั้น ตอนนี้ก็ได้เลื่อนขั้นกันแล้ว
โฮ่ก ๆ ๆ! เสียงร้องคำรามดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งหุบเหว มังกรแห่งความมืดแต่ละตัวต่างก็ดูดซับพลังแห่งความมืดอันเข้มข้นนั้น พวกมันรู้สึกสบายตัวราวกับได้แช่กายอยู่ท่ามกลางน้ำพุที่แสนอบอุ่นก็มิปาน
มันเป็นความรู้สึกที่สดชื่น สบายตัวมาก ๆ ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
มังกรแห่งความมืดตัวอื่น ๆ ได้เห็นเช่นนี้แล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นทันที
อาถิงกล่าว “หญิงอัปลักษณ์ พลังแห่งความมืดของหวงจิ่วเยี่ยจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว เจ้าหมอนี่มีปัญหาแล้ว ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด”
“มีปัญหา ผิดปกติเหรอ จิ่วเยี่ยคงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง หรือว่าคำสาปจะคลายไปแล้ว”
ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นจ้องมองไปที่ร่างของชายผู้เปรียบเสมือนเทพมารผู้นั้น “ไม่สิ นี่ก็เป็นร่างของเขา! นี่คือความสามารถในการควบคุมพลังแห่งความมืดอย่างอิสระ”
“เพราะพลังของจิ่วเยี่ยวิปริตเกินไปนะสิ!”
อาถิงกล่าว “วิปริตถึงขั้นเรื่องที่เหล่าเทพก็ยังทำไม่ได้แต่เขากลับทำได้ เช่นนี้จะไม่เรียกว่าผิดปกติได้อย่างไร หรือเจ้าคิดว่าพวกเราผิดปกติ?”
“อาถิง นี่เจ้าอิจฉาจิ่วเยี่ยมากเกินไปแล้ว” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
“ข้าเปล่าสักหน่อย! ข้าก็ทำได้เหมือนกัน ทำให้ลูกบอลนั้นกลับไปอยู่ในสภาพเดิมข้าก็ทำได้ เพียงแต่ข้าไม่อยากเสียเวลาและเปลืองแรงก็เท่านั้นเอง”
จิ่วเยี่ยได้หยุดแล้ว แต่พลังแห่งความมืดในหุบเหวแห่งความมืดนั้นกลับยังคงเดิม ไม่ได้ลดลงเลย
เผ่ามังกรแห่งความมืดได้เห็นเข้ากับปาฏิหาริย์แล้ว
ปัญหาที่กวนใจเผ่ามังกรแห่งความมืดมาเนิ่นาน ในที่สุดวันนี้ก็แก้ไขได้แล้ว
พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง อ้านลั่วคุกเข่าลงยกมือคารวะโขกหัวให้จิ่วเยี่ยด้วยความนับถือ
“ท่านจิ่วเยี่ย นับจากนี้เป็นต้นไป เผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเราให้คำมั่นสาบานว่าจะติดตามท่านไปจนวันตาย และจะเชื่อฟังคำสั่งของท่าน”
มังกรแห่งความมืดอื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านหัวหน้าเผ่าเช่นกัน ไม่มีมังกรตัวใดคัดค้าน
“ท่านจิ่วเยี่ย พวกเรามังกรแห่งความมืดขอสาบานว่าจะติดตามท่านไปจนวันตาย และจะเชื่อฟังคำสั่งของท่าน!”
สามารถทำให้แหล่งที่มาของพลังแห่งความมืดกลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าพลังแห่งความมืดทั้งหมดนั้นเขาเป็นผู้ควบคุม คนเช่นนี้คุ้มค่าแก่การติดตาม
“นับจากนี้เป็นต้นไป ท่านจะเป็นผู้นำแห่งเผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเรา!”
“เหล่าเผ่ามังกรแห่งความมืด คารวะนายท่าน!”
เหล่ามังกรแห่งความมืดทั้งหมดต่างส่งเสียงคารวะออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
แม้แต่สุ่ยอู๋ซินเองก็ยังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท่านจิ่วเยี่ยเพียงแค่ลงมือเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านั้นก็สามารถทำให้เหล่าเผ่ามังกรแห่งความมืดยอมจำนนได้อย่างง่ายเช่นนี้แล้ว
ร่างของจิ่วเยี่ยยืนสง่าอยู่กลางอากาศ กวาดสายตามองเหล่าเผ่ามังกรแห่งความมืด ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”
“ข้ายอมรับการติดตามของพวกเจ้า”
เป็นมังกรที่มีสายเลือดสัตว์เทพโบราณ อีกอย่างยังเป็นเผ่ามังกรแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย การที่พวกเขายอมจำนน ยอมติดตามรับใช้ ฟังคำสั่งเช่นนี้ แน่นอนว่าจิ่วเยี่ยเองก็ไม่ปฏิเสธ
หลังจากที่พวกเขาลุกขึ้น จิ่วเยี่ยก็มาปรากฏตัวข้างกายมู่เฉียนซี
เขากระซิบข้างหูมู่เฉียนซีว่า “ซี ข้าเหนื่อยแล้ว!”
“เหนื่อยอย่างนั้นเหรอ!” มู่เฉียนซีได้ยินก็ถึงกับตกใจ หมายจะจับชีพจรจิ่วเยี่ยตรวจดูอาการ
เมื่อครู่ได้เสียพลังไปไม่น้อย ร่างกายของจิ่วเยี่ยคงไม่เกิดปัญญาอันใดขึ้นกระมัง! มู่เฉียนซีเป็นกังวลเล็กน้อย
ผลลัพธ์ที่ได้คือ นางถูกจิ่วเยี่ยคว้าตัวมา
“ซีนอนเป็นเพื่อนข้าสักครู่ ข้าก็คงหายเหนื่อยแล้ว”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ก็ได้!”
ครั้นแล้วจิ่วเยี่ยก็พามู่เฉียนซีไป
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองหลงกลเขาเสียแล้ว “บอกข้าว่าเหนื่อย เสียแรงที่ข้าเป็นห่วงท่านแทบแย่! ท่านนี่มันเลวจริง ๆ นะ!”
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างคนไร้ความผิดว่า “เพียงแค่ได้อยู่กับซีตามลำพัง ข้าก็หายเหนื่อยแล้ว”
คำอธิบายนี้ทำให้มู่เฉียนซีโกรธจนแทบอยากจะกัดแขนเขาก็มิปาน
“พูดเช่นนี้ ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อท่านอย่างนั้นเหรอ?”
ปัญญาของแหล่งที่มาของความมืดก็ได้แก้ไขแล้ว และแน่นอนว่าตอนนี้เผ่ามังกรแห่งความมืดก็เริ่มเตรียมตัวออกศึกรับมือกับเผ่าเทพแล้ว
ไม่เพียงแต่จะเตรียมพร้อมออกศึกเท่านั้น ครั้งนี้พวกเขาจะต้องทำมันให้ดีที่สุด ต้องแสดงพลังความสามารถของตัวเองให้ท่านผู้นำเห็นความแข็งแกร่งของเขาให้ได้
ทั่วทั้งเผ่ามังกรแห่งความมืดเต็มไปด้วยจิตวิญญาณในการต่อสู้
เผ่ามังกรแห่งความมืดเตรียมพร้อมจะออกศึกรบกับเผ่าเทพ สำหรับเผ่ามังกรทุกเผ่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาเรื่องหนึ่ง
บรรยากาศในหุบเหวมังกรแห่งความมืดนั้นไม่เลวเลย
จิ่วเยี่ยขจัดความหนาวเหน็บด้วยการกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น ก่อนจะกล่าวว่า “ซีเป็นของข้า และจะเป็นของข้าตลอดไป”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ใช่สักหน่อย!”
ทันใดนั้นดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกได้ขมุกขมัวลง และพลันเปลี่ยนเป็นความอันตรายขึ้น
มู่เฉียนซีกอดเขาเอาไว้ และกล่าวว่า “รอให้ข้ารักษาท่านหายก่อน ท่านต่างหากเล่าที่เป็นของข้า และท่านจะเป็นของข้าตลอดไป ทุกซอกทุกมุม ร่างกายและหัวใจของท่านจะเป็นของข้า มู่เฉียนซีแต่เพียงผู้เดียว”
“ห้ามเบี้ยวบัญชีเด็ดขาด!” มู่เฉียนซีถลึงตาจ้องมองเขา
สายตาของจิ่วเยี่ยพลันอ่อนโยนขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าเป็นคนรักษาคำพูดอยู่แล้ว คำไหนคำนั้น”
จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาอันลึกซึ้ง ใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าสะท้อนขึ้นภายในดวงตาคู่นั้น ตราตรึงในหัวใจ ชีวิตนี้ต่อให้ตายเขาก็ไม่มีทางลืมนาง
จากนั้นไม่นานนัก ทั่วทั้งแดนมังกรก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย
คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางรับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือนนี้ แต่มู่เฉียนซีที่มีพลังแห่งมิติกับผู้ที่มีพลังวิปริตอย่างจิ่วเยี่ยสามารถรับรู้ได้แล้ว
ลำแสงสีฟ้าอ่อนลำแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “ซีเอ๋อร์ มีคนที่ครอบครองพลังส่วนหนึ่งของข้าเปิดปราการของเผ่ามังกรเข้ามาได้! ข้าออกมาได้เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น จากนี้ข้าจะเข้าสู่การหลับใหล เพื่อไม่ให้ฝั่งตรงข้ามรู้ว่าข้าอยู่ที่ใด”
“ตกลง!”
สุ่ยจิงอิ๋งปรากฏตัวออกมาเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็ได้อันตรธานหายไป
ร่างในชุดเขียวรีบพรวดออกมา “ท่านพี่ข้าล่ะ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋งไม่อยากถูกจับได้ กลับเข้าไปแล้ว เผ่าเทพมีชิ้นส่วนของสุ่ยจิงอิ๋งจริง ๆ ด้วย ตอนนี้พวกนั้นใช้พลังของนางเปิดปราการเผ่ามังกรได้แล้ว”
“พวกสารเลวนั่น มีพลังของท่านพี่ข้าจริง ๆ ด้วย ข้าจะไปมาเอากลับมา!”
อาถิงวู่วามจะพรวดออกไป มู่เฉียนซีรีบขวางเขาเอาไว้ “หากทำเช่นนั้นจริง ๆ สุยจิงอิ๋งไปเอามาเองไม่ดีกว่าเหรอ พลังของเจ้าเพิ่งจะฟื้นฟูกลับมาได้ไม่นาน ขืนพรวดพราดออกไปเช่นนี้ ข้าว่าไม่เพียงแต่จะไม่ได้ชิ้นส่วนของสุ่ยจิงอิ๋งมาเท่านั้น พวกมันคงเอาศาลานิรันดร์ไปอีกด้วยอย่างแน่ ข้าว่าเผ่าเทพคงปรารถนาอยากได้ศาลานิรันดร์มากเหมือนกัน”
“แต่ข้ารู้แล้วว่าท่านพี่ข้าอยู่กับพวกมัน จะให้ข้านั่งอยู่เฉย ข้าทำไม่ได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเองก็ทนไม่ได้ แต่…”
สายตาอันเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยจ้องมองไปที่อาถิง “คิดจะแย่งชิงชิ้นส่วนของสุ่ยจิงอิ๋งมาจากพวกเผ่าเทพ เจ้าต้องเอาชนะข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด! แม้แต่ข้าที่ยังไม่ได้ออกแรงหมดตัวเจ้ายังเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าคิดจะก่อเรื่องเพิ่ม!”
“ก็ได้! ข้าเอาชนะเจ้าได้อยู่แล้ว ข้าไม่กลัวหรอก” อาถิงกล่าว
อาถิงต้องการสั่งสอนจิ่วเยี่ย มู่เฉียนซีรีบไปบอกเรื่องดังกล่าวกับสุ่ยอู๋ซิน
เผ่าเทพกำลังจะแห่กันเข้ามาแล้ว อ้านลั่วกล่าว “เผ่ามังกรแห่งความมืดของพวกเราเตรียมพร้อมแล้ว หากพวกเผ่าเทพกล้ามา พวกเราจะทำให้การมาในครั้งนี้ของพวกมันไม่มีวันกลับไปได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดี! รอให้จิ่วเยี่ยจัดการเจ้านั่นเรียบร้อย เราก็กลับเกาะราชามังกรกัน”