ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1754 เกาะน้ำแข็งต้องห้าม
แน่นอนว่าศัตรูจะต้องรู้ว่า เฮยเย้าคือราชามังกร
สำหรับเผ่าเทพแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เสียเปรียบเป็นอย่างมาก
นักเล่นคาถาอาคมในชุดคลุมคนหนึ่งใช้แววตาที่ราวกับงูพิษจ้องเขม็งมาที่เฮยเย้า
หลังจากที่กำหนดเป้าหมายได้แล้ว เขาก็ได้เข้ามาใกล้เฮยเย้าในทันที
ทันใดนั้นพลังของคำสาปก็ระเบิดออกมา และเห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้คิดที่จะใช้พลังคำสาปในการควบคุมเฮยเย้า
ถึงแม้ว่าราชามังกรน้อยในตอนนี้จะมีสิทธิ์การพูดภายในเผ่ามังกรไม่สูงมากเท่าไรนัก แต่หากสามารถควบคุมเขาได้ พวกเขาก็มีโอกาสมากที่จะหนีไปได้อย่างปลอดภัย
อันที่จริงแล้วเขามีสายเลือดของราชามังกรเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ในตอนที่นักเล่นคาถาอาคมคนหนึ่งกำลังลงมือ มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “มาได้ทันเวลาพอดี!”
ร่างสีดำร่างหนึ่งพุ่งออกมา นักเล่นคาถาอาคมผู้นี้เริ่มร่ายคำสาป แต่ทว่ามันกลับถูกสะท้อนกลับออกไปอย่างสมบูรณ์
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่!”
พวกมันอยู่ทั้งสามมุม จากนั้นก็ปิดล้อมนักเล่นคาถาอาคมคนนั้นเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ เฮยเย้า เจ้าไม่ได้อยากที่จะร่วมการต่อสู้หรอกหรือ? พวกเราร่วมมือกันจัดการตาแก่นี่กันเถอะ”
เฮยเย้าพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ขอรับ!”
หลังจากนั้น มันก็ได้กลายเป็นการต่อสู้แบบห้าต่อหนึ่ง
ชายชราคนนี้มีความสามารถสูงกว่าเหล่านักเล่นคาถาอาคมที่เคยพบเจอมาเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่อถูกสัตว์เทพทั้งสี่ตัวปิดล้อมเช่นนี้ เขาก็ลำบากเช่นกัน
นอกจากนี้ นักเล่นคาถาอาคมก็ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ด้วยทักษะวิญญาณมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียเย็นชาว่า “ลงมือได้!”
ตูมมม!
พวกของเสี่ยวโม่โม่และเฮยเย้าได้งัดเอาการโจมตีที่แข็งแกร่งมากที่สุดออกมา และนั่นก็ทำให้นักเล่นคาถาอาคมคนหนึ่งมีสีหน้าที่ทรมาณเป็นอย่างมาก
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็แอบปล่อยเข็มยาพิษออกไปแล้ว มันก็ทำให้เขายากที่จะรับมือป้องกันได้
การโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เขาปวดหัวเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าในเวลานี้ เขาคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องงัดเอาไผ่ตายออกมาแล้ว
นักเล่นคาถาอาคมจึงได้งัดเอาไผ่ตายของเขาออกมาใช้!
แต่ทว่าในตอนที่เขากำลังใช้คำสาป กลับมีเงาสีดำปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง
ด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้เขามองร่างของฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก และมันก็เป็นผลให้ถูกสะท้อนกลับมาอีกครั้ง!
พรวด!
เขากระอักเลือดออกมา ความรู้สึกที่โดนสะท้อนกลับนั้นช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
พลังคำสาปภายในร่างกายได้กระจายหายไป ทั้งพลังจิตวิญญาณก็ยังปั่นป่วนอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “รีบฉวยโอกาสนี้ โจมตีเข้าไป”
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากโดนโจมตีอีกครั้ง เขาก็ได้ตกอยู่ภายในวงล้อมการโจมตี
ในบรรดาสัตว์เทพเหล่านี้ แน่นอนว่าความสามารถของพวกมันแต่ละตัวไม่ถือว่าแข็งแกร่งเท่าไรนัก
แต่ทว่าวิธีของแต่ละคนนั้นช่างป่าเถื่อนเป็นที่สุด หากมีเพียงหนึ่งหรือสองตัวนั้นก็ยังดีอยู่บ้าง แต่พอมีสามถึงสี่ตัวแล้วมันก็ทำให้ปรมาจารย์กู่ท่านนี้รู้สึกปวดหัวไปเลยจริง ๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะใช้คำสาปอีกครั้ง เขาไม่เชื่อว่าคนเพียงคนเดียวจะสามารถสะท้อนกลับมาได้ทุกครั้ง และเขาไม่เชื่อในความชั่วร้ายนี้ด้วย
และผลที่ได้ก็ราวกับว่าเขาได้ถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง ซึ่งมันทำให้เขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
“อ๊ากกกก!”
เขาจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่โจมตีอย่างบ้าคลั่งถึงสี่ตัว และยังต้องเผชิญหน้ากับนักลอบโจมตีที่ลึกลับซับซ้อนอีกคนหนึ่ง อีกยังมีการหักล้างคำสาปที่สุดแสนจะลึกลับนั่นด้วย
การต่อสู้ในครั้งนี้ แน่นอนว่าเป็นการต่อสู้ที่ปรมาจารย์กู่รู้สึกอึดอัดใจเป็นที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขาไม่สามารถที่จะหยุดได้ ซ้ำยังไม่สามารถที่จะพลิกสถานการณ์ได้ และทำให้เขาทำได้เพียงแค่ข่มมันเอาไว้เท่านั้น
ตูม!
เป็นครั้งแรกที่เผ่าเทพได้ตระหนักรู้ถึงพลังในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของเผ่ามังกรแห่งความมืด ภายใต้การโจมตีอันแข็งแกร่งของพลังแห่งความมืด ได้ทำให้ท่านโหยวผู้นั้นยืนหยัดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
เขากล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “พวกเจ้าเผ่ามังกรแห่งความมืด ไม่คิดเลยว่าจะกล้ามาต่อต้านเผ่าเทพอย่างพวกข้า น่ารังเกียจ ช่างน่ารังเกียจนัก!”
อ้านลั่วกล่าวว่า “ช่างน่าขันเสียจริง เจ้าคิดว่าที่พวกข้าไม่เคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ เป็นเพราะหวาดกลัวเผ่าเทพอย่างพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้านี่มั่นใจในตนเองมากเกินไปแล้วจริง ๆ”
“ฆ่าคนอื่นให้หมด ส่วนเจ้าคนนี้ ปล่อยเอาไว้ให้ให้ข้าก็แล้วกัน”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีได้ค้นพบแล้วว่าการต่อสู้ของอีกด้านหนึ่งใกล้มาถึงตอนจบแล้ว มู่เฉียนซีจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ถึงเวลาที่จะต้องจบได้แล้ว!”
“จบ! จบอย่างนั้นหรือ ข้าไม่มีทางพ่ายแพ้ ข้าไม่แพ้ให้กับพวกกระจิริดอย่างพวกเจ้าหรอก เจ้าคิดว่าความแข็งแกร่งของข้ามีเพียงเล็กน้อยเท่านี้อย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของปรมาจารย์กู่ดุร้ายขึ้นมา
ถึงแม้ว่าจะต้องตาย เขาก็จะต้องลากเจ้าพวกนี้ตายไปพร้อมกันให้ได้!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่แยแสเลยว่า “โอ้! เจ้าต้องการโจมตีท่าไม้ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีไม่ได้หวาดกลัวท่าไม้ตายของเจ้าหมอนี่เลย เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่ปรมาจารย์ท่านนี้จะได้แสดงท่าไม้ตาย การเคลื่อนไหวของเขาก็ได้หยุดลง
แสงสีเขียวอ่อนสว่างวาบพุ่งทะยานออกมา อาถิงเคลื่อนไหวอย่างโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
“พวกเจ้าต่อสู้กันสนุกถึงเพียงนี้ ต่อไปก็ให้ข้าได้สนุกบ้างสิ!”
เจ้าพวกคนกลุ่มนี้ใช้ประโยชน์จากเศษเสี้ยวพี่สาวของเขามายังแดนมังกร ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!
ตูมมม!
ทันใดนั้น ที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ปรมาจารย์กู่และท่านโหยวผู้นี้ก็ถูกโจมตีอย่างโหดร้ายรุนแรง
เส้นเอ็นฉีกขาด กระดูกทั้งหมดในร่างกายแตกละเอียด ซึ่งน่าเวทนายิ่งนัก!
แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า ผู้ใดกันแน่ที่เป็นลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!
อาถิงเหยียบลงไปบนศีรษะของท่านโหยวผู้นั้นแล้วกล่าวว่า “ตอบข้ามา! ของวิเศษที่พวกเจ้าใช้ในการเปิดเส้นทางมังกรชิ้นนั้น ไปทำให้ใครได้รับบาดเจ็บมา”
“อู้…อู้…”
เขาได้ถูกอาถิงโจมตีจนเวียนหัวตาลาย และสุดท้ายก็หมดสติไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้ฟื้นคืนสติกลับมา
“แน่นอนว่าจะต้องอยู่ในมือของฝ่าบาทเทพจักรพรรดิอยู่แล้ว หากมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนั้นอยู่ ฝ่าบาทเทพจักรพรรดิก็สามารถส่งคนมาได้มากมายยิ่งกว่านี้เสียอีก ถึงแม้ว่าครั้งนี้แผนร้ายของพวกเจ้าเผ่ามังกรจะประสบความสำเร็จ แต่ว่าครั้งหน้า…ครั้งหน้าจะต้องเป็นวันที่พวกเจ้าโดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แน่!”
ปัง!
เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว อาถิงก็ได้จัดการเจ้าขยะทั้งสองนั้นอย่างไร้ความเมตตา
และคนที่เผ่าเทพส่งมาในครั้งนี้ ทั้งหมดได้ถูกจัดการไปจนหมดสิ้นแล้ว
แต่ทว่าด้วยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่เผ่าเทพมีครอบครอง ทำให้พวกเขาสามารถส่งคนมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทว่านางจะต้องตามหากระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างและยังมีของอีกสองอย่างนั้นด้วย ฉะนั้นนางจึงไม่อาจที่จะอยู่ที่แดนมังกรได้ตลอดไป
เรื่องในคราวนี้ มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่ถามสุ่ยจิงอิ๋งว่ามีวิธีในการจัดการได้อย่างไร
สุ่ยจิงอิ๋งยังไม่ตอบกลับมา แต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกว่าตนเองถูกห่อหุ้มไว้ด้วยธาตุวารีที่อ่อนนุ่ม
“นายท่าน ที่นี่คือแดนมังกร ปัญหานี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง! ไม่จำเป็นที่จะต้องให้สุ่ยจิงอิ๋งออกโรงหรอก”
พลังวิญญาณธาตุวารีที่คุ้นเคยนั้น ได้ทำให้สุ่ยอู๋ซินรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ท่านมังกรวารี!
ร่างสีฟ้าร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี เขาชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาทั้งยังสุขุมลุ้มลึก และยังสงวนท่าทีจนดูสูงส่งอีกด้วย
“ท่านเทพมังกร!”
“คาระวังท่านเทพมังกร!”
“……”
ภายในสายตาของเผ่ามังกร เทพมังกรผู้นี้สูงเกินที่จะปีนป่ายขึ้นไปได้
มังกรวารีกล่าวว่า “นายท่าน รอข้าสักประเดี๋ยว!”
ทันใดนั้น มังกรวารีที่แข็งแกร่งตัวหนึ่ง ก็ได้พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าของแดงมังกร
พลังธาตุวารีแผ่ขยายไปทั่วทั้งแดนมังกร ต่อมาปราการป้องกันของแดนมังกรก็ถูกปกคลุมด้วยเกาะน้ำแข็งสีฟ้าอีกชั้นหนึ่ง และมันได้ปกคลุมไปทุกซอกทุกมุมก็ไม่มีละเว้น
หลังจากนั้นไม่นาน มังกรวารีก็ได้กลับมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี
“ข้าได้เปิดใช้เกาะน้ำแข็งต้องห้ามแล้ว คนนอกไม่มีทางที่จะบุกรุกเข้ามายังแดนมังกรได้ มันน่าจะคงสภาพไว้ได้ประมาณสิบปี ท่านต้องการให้มันนานกว่านี้อีกหน่อยหรือไม่?” มังกรวารีถาม
เวลาสิบปี ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเผ่ามังกรสามารถมีเวลาที่สงบสุขได้ถึงสิบปี และนี่จะต้องเป็นข่าวที่ดีมากอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เวลาสิบปีนั้นดีมากแล้ว ลำบากเจ้าแล้วมังกรวารี!”
คนของเผ่ามังกรรู้สึกซาบซึ่งใจมังกรวารีเป็นอย่างมาก “ขอบคุณท่านเทพมังกรที่ช่วยเหลือ!”
“ท่านเทพมังกร พวกเรารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากจริง ๆ”
สายตาของมังกรวารีกวาดมองไปที่พวกเขาแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องมาขอบคุณข้า แต่หากต้องการจะขอบคุณแล้วละก็ ก็จงขอบคุณเจ้านายของข้า เนื่องจากว่านางคิดที่จะช่วยเหลือพวกเจ้า”
ความสัมพันธ์ของเขากับเผ่ามังกรมีเพียงแค่เบาบางเท่านั้น แต่หากไม่ใช่เพราะเจ้านายต้องการที่จะช่วยเหลือ เขาก็คงไม่เคลื่อนไหวเองหรอก
หลังจากที่นับถือนางเป็นเจ้านาย เขาก็มีความภักดีต่อคนเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขาก็ทำทุกอย่างเพียงเพื่อคนคนเดียวเท่านั้นด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อันตรายได้ถูกจัดการไปแล้ว และข้าก็ได้รับข้อมูลที่ข้าต้องการมาแล้ว มันคงถึงเวลาที่ข้าจะต้องอำลาทุกท่านแล้วล่ะ”