ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1766 เล่นจนเบื่อแล้ว
“หากต้องฆ่าหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มันก็น่าเสียดายแย่ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไว้ชีวิตเจ้าแล้วเอาไปขายคงได้ราคาดีทีเดียว!” เขากล่าวพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา ทันใดนั้นพลังอันมหาศาลก็ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน
แสงสีเงินสว่างวาบราวแสงอัสนีที่พร่างพราว จากนั้นก็มีเส้นไหมสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนมาพันอยู่รอบตัวมู่เฉียนซี
“แม่สาวน้อย เจ้าไม่มีทางหนีไปได้แล้ว ยอมแพ้เสียเถิด!”
พลังธาตุวายุระเบิดออกมา และมันก็ได้ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ หลังจากนั้นมันก็พาร่างที่เบาหวิวของมู่เฉียนซีหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้
“ถึงจะมีความเร็วที่เร็วมากเพียงใด แต่เจ้าก็หนีไปไม่พ้นหรอก”
สายฟ้าแหวกผ่าอากาศที่ว่างเปล่า และพัดโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างแน่นขนัด
ทุกครั้งที่มู่เฉียนซีหลบหลีก ต่างก็ให้ความรู้สึกที่ตื่นเต้นราวกับเดินไต่เชือกบนหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น
แม้แต่จูเชว่ เมื่อได้เห็นก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อยเช่นกัน เขาอยากที่จะตามหานิรันดร์ แต่ทว่าในเวลานี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของนิรันดร์เลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่านิรันดร์นั้นให้ความสนใจต่อศิษย์ที่รักของเขาอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ทว่าในสถานการณ์ตอนนี้กลับยังไม่จำเป็นต้องให้เขาเคลื่อนไหว
อีกฝ่ายคิดว่าสามารถต้อนมู่เฉียนซีให้จนมุมได้แล้ว แต่ทว่ามู่เฉียนซีในตอนนี้ก็ยังคงหลบหลีกได้อย่างเยือกเย็น
พลังอันน่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำเข้ามา “ข้าเบื่อที่จะเล่นเป็นแมวไล่จับหนูแบบเด็กน้อยเต็มทีแล้ว มาจัดหนักกันสักหน่อยดีกว่า! เจ้าหนีไปรอดแน่”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “อื้ม! ข้าก็เล่นมาจนเบื่อแล้วเช่นกัน เสียเวลามากเกินไปแล้ว”
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ เสี่ยวโม่โม่ ออกมา!”
ถึงความสามารถของขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกในสายตาของใครหลายคนนั้น มันจะให้ความรู้สึกที่ไม่คุ้มค่าในการกล่าวถึง แต่ทว่านางก็ไม่เคยที่จะต้องต่อสู้เพียงลำพังเลยสักครั้งเดียว
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดมิดลง เปลวเพลิงสีแดงฉานได้ระเบิดออกมา นอกจากนี้ยังมีร่องรอยสีขาวที่ดูว่องไวตัวหนึ่ง ที่เป็นเหมือนกับเทพมรณะแห่งความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เขาอีกด้วย
ในเวลานี้เขาตกใจมากจนลิ้นของเขาพันกันไปหมด “สะ…สัตว์เทพสามตัว! ไม่คิดเลยว่าจะมีถึงสามตัวเช่นนี้”
ครืนนนน!
เสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังสนั่นหวั่นไหวออกมา สายลมโดยรอบบริเวณเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกของจิตสังหาร
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ปัง!
ตัวของคนผู้นั้นลอยละลิ่วออกไปราวกับเศษผ้าที่ขาดวิ่นอย่างไรอย่างนั้น
ลมที่อันตรายนั้นเกือบจะผ่าเขาออกไปเจ็ดถึงแปดส่วน ทันใดนั้นแมวน้อยตัวสีขาวราวหิมะตัวหนึ่งก็ตกลงมาบนตัวของเขา และกรงเล็บอันแหลมคมของมันนั้นก็เฉือนลงบนลำคอของเขา
“กล้ามาปล้นเจ้านายของข้าหรือ พูดซิ! เจ้าอยากจะตายอย่างไร?”
“เผามันไปเลย!”
“ฮิ ฮิ ฮิ! นายท่าน ท่านว่าอย่างไร!” เสี่ยวโม่โม่มองไปทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปแล้วกล่าวว่า “เพราะเหตุใดเจ้าจึงมาขัดขวางข้าถึงที่นี่ เล่าความจริงมาให้หมด”
“ตาเฒ่าอย่างข้าได้เจอกับผู้ผูกพันธสัญญาสัตว์เทพที่แปลกประหลาดถึงสามตัว ข้ายอมแพ้ แม่นางตัวเหม็นนั่น ไม่คิดเลยว่าจะทำลายข้าด้วยการพูดไม่ชัดเจนเช่นนี้ ให้ตายเถอะ!” ภายในแววตาของเขามีร่องรอยความชั่วร้ายปรากฏขึ้น
ปึง! ในเวลานี้คนผู้นั้นก็ถูกโยนออกไป และจูเชว่ก็มายืนอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าจะใช่นางหรือไม่?”
“ข้ากับเจ้าเพียงแค่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำลายข้าด้วยวิธีชั่วร้ายเช่นนี้ แล้วยังปล่อยข้าไว้ในเงื้อมมือของพวกอันธพาลเฒ่านี้อีก เจ้ายังคิดว่าอย่างไรได้อีก? เจ้าจะกำจัดให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ? เจ้านี่เหี้ยมโหดอำมหิตเกินไปแล้ว”
และผู้หญิงคนนั้นก็คือซิ่วจวนจากสำนักอวิ๋นซิ่วที่นางเคยเจอมาก่อนหน้านี้
“อันธพาลเฒ่ารึ! ฮิ ฮิ ฮิ! หากไม่ใช่เพราะข้าช่วยเจ้า เจ้าก็คงจะโดนปีศาจกลืนกินไปนานแล้ว เจ้าเพิ่งรับใช้ข้าได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เจ้ามีอะไรที่ไม่พอใจกัน ไม่คิดเลยว่าจะทำร้ายข้าเช่นนี้ ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!”
เขาบีบคอของซิ่วจวนเอาไว้แน่น ซิ่วจวนร้องขอความช่วยเหลือว่า “ช่วยข้าด้วย! แม่นางมู่ ช่วย…”
“ข้าจะไม่คุกคามผู้อื่นก่อน แต่หากว่ามีผู้ใดมาคุกคามข้า ข้าก็จะไม่ปราณีอย่างแน่นอน ขอร้องข้า เจ้าคงจะขอร้องผิดคนแล้ว”
“ไปกันเถอะ!” มู่เฉียนซีหมุนตัวแล้วเดินจากไป
จูเชว่ไล่ตามขึ้นไปแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะปล่อยเจ้าเฒ่าผู้นั้นไปเช่นนั้นหรือ ข้าว่าเจ้าขุดรากถอนโคนไปเลยดีกว่า หากปล่อยทิ้งไว้ต้องนำปัญหามาภายหลังแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าบอกตอนไหนว่าข้าจะไว้ชีวิตเขา? เพียงแต่ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือด้วยตนเองเท่านั้น”
จูเชว่นึกถึงทักษะทางการรักษาที่ยอดเยี่ยมของมู่เฉียนซี แม่นางคนนี้ช่างใจดำยิ่งนัก ไม่รู้เลยว่านางเคลื่อนไหวไปเมื่อไร
อันธพาลเฒ่าคนนั้นก็ไม่ได้ฆ่าหญิงผู้นั้นเช่นกัน เนื่องจากว่าในตอนนี้มีปีศาจจำนวนมากเข้ามาโจมตียังที่มั่นของพวกเขาแล้ว
“ในเมื่อเจ้าไม่พอใจที่ข้าช่วยเจ้าออกมาจากปากของปีศาจ เช่นนั้นข้าส่งเจ้ากลับเข้าไปก็แล้วกัน”
เขาพลักหญิงสาวนางนั้นออกไป จากนั้นก็มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังออกมา “ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย! ข้ายังไม่อยากตาย…”
ผู้เฒ่าคนนั้นหนีกลับมายังฐานที่มั่นอย่างปลอดภัย และเพียงชั่วคราวนี้มันก็ถือว่าปลอยภัยแล้ว แต่ทว่าเขาก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันเจ็บปวดจนแทบอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยทีเดียว
“อ๊ากกก!”
และเสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาที่เสียดแทงหัวใจก็ดังกึกก้องขึ้นมา สุดท้ายแล้วเขาก็ล้มลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
มู่เฉียนซียังคงยกระดับฝีมือในการใช้พลังธาตุวายุอยู่ที่สนามรบของวิญญาณปีศาจต่อไป และนิรันดร์ก็ชื่นชมอย่างไม่หวงคำชมเลยแม้แต่น้อย
“ศิษย์ที่รัก พวกเราจะต้องเป็นคู่สร้างคู่สมอย่างแน่นอนเลย”
มู่เฉียนซีอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน นิรันดร์จึงหันไปถามอีกคนหนึ่งว่า “เจ้าเด็กน้อย เจ้าพูดมาสิว่าใช่หรือไม่? ใช่หรือไม่ห้ะ?”
หากว่าอีกฝ่ายกล้าพูดว่าไม่ใช่ นิรันดร์จะสับให้เป็นชิ้น ๆ เลย
จูเชว่ก็ฝืนใจมากเช่นกัน ท่านมู่คนงามเป็นคนที่คลั่งไคล้ในการฝึกฝน แต่ทว่าอาจารย์ของนางกลับไม่จริงจังยิ่งกว่าเขาเสียอีก และเขาก็ทุกข์ใจมากที่ต้องมาอยู่ระหว่างกลางเช่นนี้!
มู่เฉียนซีมองไปทางจูเชว่ที่เกาะติดราวกับเป็นหางของนางพลางกล่าวว่า “อาการบาดเจ็บของเจ้าก็หายดีแล้ว ยังไม่รีบไสหัวของเจ้าไปอีกล่ะ”
จูเชว่กล่าวว่า “ข้าก็มาฝึกฝนหาประสบการณ์ที่สนามรบวิญญาณปีศาจเช่นกัน การฝึกฝนเพียงลำพังนั่นน่าเบื่อเกินไป คงจะดีไม่น้อยหากมีสหายเพิ่มอีกสักคน อีกทั้งยังเป็นสหายที่หน้าตาดีเช่นข้า แบบนี้ไม่ดีอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าไม่เห็นว่ามันจะดีตรงไหนเลย”
นิรันดร์กล่าวว่า “เจ้านี่มันช่างขวางหูขวางตาเสียจริง เดิมทีข้ากับศิษย์ที่รักก็อยู่ในโลกของเราสองคนเท่านั้น! ศิษย์ที่รัก หรือว่าเราจะฆ่าเขาแล้วโยนศพทิ้งไปดี”
สายตาของนิรันดร์กวาดมองไปอย่างไม่แยแส ซึ่งมันทำให้จูเชว่ตื่นตระหนกและกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
จูเชว่กล่าวว่า “ที่ข้ามายังสนามรบวิญญาณปีศาจในครั้งนี้ก็เพื่อจะมาหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ ได้ยินมาว่าในซากปรักหักพังปีศาจโลหิตของสนามรบวิญญาณปีศาจมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอยู่ด้วย ข้าเตรียมตัวที่จะไปเสี่ยงโชคเสียหน่อย ท่านมู่คนงามไปด้วยกันกับข้าเถอะ! หากข้าไปคนเดียวเกรงว่าจะต้องมีอันตรายแน่”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอย่างนั้นหรือ?” นิรันดร์บ่นพึมพำออกมา
เขามาหยุดอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ศิษย์ที่รักของข้ายังไม่มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่มีคุณลักษณะของวายุเลย สามารถหามาเล่นได้สักอันก็ไม่เลว ศิษย์ที่รักเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”
มุมปากของจูเชว่กระตุกเล็กน้อย น้ำเสียงของอาจารย์ผู้นี้ ได้เอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพไปอยู่ในระดับเดียวกับของเล่นชิ้นหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดตั้งแต่แรกล่ะ”
“สิ่งนี้ข้าทำเพื่อให้ได้รับความไว้ใจจากพวกท่านไม่ใช่หรือ!” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
นิรันดร์กล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยามมากว่า “เจ้าเด็กน้อยนี่คงไม่คิดว่าจะสามารถคิดแผนร้ายกับพวกเราได้หรอกนะ!”
“แน่นอน ข้าจะไปคิดร้ายต่อผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าได้อย่างไรกันล่ะ!”
เจ้าจูเชว่ที่ดูมีทางท่าเฉลียวฉลาดมาตลอดทั้งทางก็ถือได้ว่าเชื่อฟังมากเลยทีเดียว แต่กลับยังมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือชอบที่จะถามถึงภูมิหลังของพวกเขาทุกครั้งที่มีโอกาสนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จูเชว่ เจ้าไม่เคยได้ยินคำนี้อย่างนั้นหรือ? ยิ่งรู้เยอะมากเท่าไร ก็ยิ่งตายเร็วขึ้นมากเท่านั้น”
จูเชว่หัวเราะคิกคักแล้วกล่าวว่า “ผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นของข้ามันยากที่จะควบคุมได้ชั่วขณะหนึ่ง ข้ารับประกันว่าจะพยายามขจัดความคิดเล็กคิดน้อยเหล่านี้ออกไปให้ได้”
การที่ไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลยแม้แต่น้อย มันทำให้จูเชว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ทั้งสองคนนี้เฉลียวฉลาดมากกว่าเขาเสียอีก
ซากปรักหักพังปีศาจโลหิตเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดของสนามรบวิญญาณปีศาจ หมอกสีแดงเลือดเข้ามาโจมตี พื้นที่โดยรอบเกิดความผันผวนขึ้นมาเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นก็ได้มีอันตรายกำลังใกล้เข้ามา
ทันทีที่กระบี่ของจูเชว่เคลื่อนไหว ก็ได้ตรงเข้าไปตัดศีรษะของสัตว์ประหลาดปีศาจโลหิตหน้าตาอัปลักษณ์ตัวหนึ่ง “จัดการกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ ปล่อยให้ข้าช่วยจัดการก็พอแล้ว ซีซีพักผ่อนไปก่อนเถิด” จูเชว่กล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้ม