ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1768 พัดวิหคเฟิงหลิง
นิรันดร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ศิษย์ที่รัก มันอยู่ข้างล่างนั่น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไปกันเถอะ!”
ร่างสีแดงและสีม่วงได้วาบเข้าไปในถ้ำนั้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนคนที่ไม่กล้าเข้าไปเสี่ยงอันตรายภายในถ้ำก็พากันกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “เห้! นี่พวกเขาไม่รู้ใช่หรือไม่ว่านักสังหารปีศาจเซี่ยเทียนได้เข้าไปในถ้ำนั้นแล้ว แถมยังเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเข้าไปรนหาที่ตายนั่นแหละ!”
“นักสังหารปีศาจผู้นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่โหดเหี้ยมที่สุดในเกาะวิญญาณปีศาจ ผู้ใดยั่วโทสะเขาผู้นั้นย่อมกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ เหตุใดหนุ่มสาวสองคนนั้นถึงได้คิดสั้นเช่นนั้นนะ!”
“……”
ดูเหมือนสัตว์ประหลาดปีศาจโลหิตที่อยู่ในถ้ำแห่งนี้จะถูกเซี่ยเทียนกำจัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จูเชว่กล่าว “ดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่อยู่ที่นี่จะถูกคนผู้นั้นกำจัดไปไม่น้อยแล้ว ก็ดีจะได้ประหยัดแรงไปอีกสักหน่อย”
ครั้นพวกเขามาถึง พวกเขาก็พบว่าเซี่ยเทียนกำลังยื่นมือออกไปหยิบกล่องหยกกล่องหนึ่งขึ้นมา
ในขณะที่เขากำลังจะหยิบได้อย่างราบลื่นอยู่นั้น นิรันดร์ก็ขยับเล็กน้อย กล่องหยกใบนั้นก็ได้ลอยมาอยู่ในมือของมู่เฉียนซีแล้ว
นิรันดร์เป็นราชาแห่งธาตุวายุ แน่นอนว่าครึ่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่มีพลังธาตุวายุเพียงน้อยนิด ก็ย่อมต้องเชื่อฟังเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้
เมื่อมู่เฉียนซีรับกล่องหยกใบนั้นมาแล้ว นางก็พบว่ามีดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธแค้นคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่นางอยู่
“หึ หึ! ข้าไม่ได้พบเจอคนใจกล้าที่บังอาจชิงของไปจากมือข้ามานานแล้ว เจ้าช่างกล้าเสียจริง!”
จูเชว่กล่าว “แน่นอนว่าซีซีใจกล้า เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว! เจ้าคงจะเป็นเซี่ยเทียนสินะ! เจ้ามีน้องชายนามว่าเซี่ยตี้หรือไม่ เซี่ยเทียน เซี่ยตี้ เป็นชื่อที่น่าสนใจจริง ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“เจ้ามันรนหาที่ตายนัก!”
เขาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าจูเช่วอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแผดเสียงอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ดวงตาของเซี่ยเทียนแดงก่ำราวสีเลือด อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความชั่วร้ายจนน่าตกใจ
“พวกเจ้ามันสมควรตาย!”
มู่เฉียนซีรีบถอยห่างออกไปไกลอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดกล่องหยกใบนั้นออก ก็ปรากฎอาวุธวิญญาณธาตุวายุบรรจุอยู่ภายในหนึ่งชิ้น
มันงดงามและประณีตเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมาะสมกับสถานที่โสมมและรกร้างเช่นนี้เลยสักนิด พัดเล่มนี้เปรียบดั่งภูเขาไป๋อวี่อันงดงามก็มิปาน
นิรันดร์กล่าว “ศิษย์ที่รัก ลองหยดเลือดรับเป็นเจ้าของดูสิ! ความสามารถของมันคงน่าสนใจไม่เบา”
“ได้!”
เมื่อหยดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของแล้ว พัดครึ่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ก็ได้ระเบิดพลังออกมา
มู่เฉียนซีกล่าว “พัดวิหคเฟิงหลิง!”
“ที่แท้ก็เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ด้วย ถึงแม้จะเป็นเพียงครึ่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครเหมาะสมเป็นเจ้าของมันมากกว่าข้าอีกแล้ว!”
เมื่อมู่เฉียนซีคลี่พัดวิหคเฟิงหลิงออก ธาตุวายุก็ได้ก่อตัวขึ้นในทันที
“เจ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุ ถึงจะได้รับมันไปแล้วก็ไม่ได้เกิดประโยชน์มากเท่าไร เจ้าแน่ใจหรือว่าเพื่อมันแล้ว เจ้าจะสู้กับข้าจนตายกันไปข้างหนึ่ง?”
“ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ของล้ำค่าชิ้นนี้ก็ไม่ใช่ของพวกเจ้า!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
เมื่อมีเครื่องมือครึ่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แล้ว การโจมตีของนางก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นเท่าทวี จากนั้นมู่เฉียนซีและจูเชว่ก็ได้ทำการขนาบข้างแล้วโจมตีเขาอย่างไม่ลดละ
ทันทีที่พัดโบกสะบัด ตัวของพัดก็ได้บรรจบเข้าด้วยกัน จากพัดเล่มหนึ่งก็กลายเป็นกระบี่หยกขาวที่บางเฉียบดั่งกระดาษ
“พวกเจ้ามันรนหาที่ตายนัก!”
พลังของเซี่ยเทียนก็เริ่มแผ่ขยายขึ้นจนน่าตกใจ เขาโจมตีพวกของมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง พลังของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จูเชว่กล่าว “เจ้านี่คงเสียสติไปแล้ว ซีซีรีบถอยกันก่อนดีกว่า!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ป้องกันไว้!”
“อื้ม!”
ปัง!
ทันใดนั้นบริเวณโดยรอบก็หนาแน่นขึ้นในบัดดล จูเชว่กล่าว “ซีซี มันจะต้องเป็นวิญญาณปีศาจโลหิตแน่เลย เพราะข้างในนี้มีพวกปีศาจอยู่เยอะนี่เอง มิน่าพลังของเจ้านั่นถึงได้เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ”
“วิญญาณปีศาจโลหิตคืออะไรหรือ?”
“มันเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีแก่นสาร แต่สามารถเข้ามาสิงในร่างมนุษย์ได้ เมื่อเข้ามาสิงแล้วก็จะสามารถควบคุมและใช้ประโยชน์จากคนคนนั้นได้! หากวิญญาณของเราเกิดมีช่องโหว่ขึ้นแม้แต่เพียงน้อยนิด มันก็สามารถเข้ามาสิงได้อย่างง่ายดาย พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“คิดจะหนีรึ! ไม่มีทาง! หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!” เซี่ยเทียนตะคอกออกไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว แล้วพุ่งเข้าหาพวกของมู่เฉียนซีราวกับสัตว์ร้ายก็มิปาน
เพียงนิ้วมือของมู่เฉียนซีขยับ พัดวิหคเฟิงหลิงก็ถูกคลี่ออกอย่างรวดเร็ว
“ไป!”
พัดแต่ละใบได้แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธลับ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ยังกลายเป็นเกราะกำบังวายุและเข้าไปขวางกั้นเซี่ยเทียนที่พุ่งเข้ามาอีกด้วย
“ไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีและจูเชว่พุ่งออกมาจากถ้ำอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนก่อนหน้านี้ก็ยังคงรออยู่บริเวณปากถ้ำ พวกเขากล่าว “พวกเขามีชีวิตรอดกลับออกมาจริง ๆ ด้วย”
“เซี่ยเทียนก็ออกมาด้วย!”
ภายในชั่วพริบตาพวกเขาก็หน้าถอดสีไปในทันที
“แย่แล้ว! วิญญาณปีศาจโลหิตไล่ตามออกมาเป็นขโยงเลย รีบหนีเร็วเข้า!”
“รีบไปเร็ว! อันตราย”
ตอนนี้พวกเขาไม่มีกระจิตกระใจจะมาสนใจมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยามนี้ชีวิตของพวกเขาสำคัญที่สุด
ความเร็วของเซี่ยเทียนเกินขีดจำกัดในการไล่ล่ามู่เฉียนซีและจูเชว่แล้ว และยังมีวิญญาณปีศาจโลหิตไล่ตามมาด้วยความบ้าคลั่ง
จูเชว่รู้สึกตกใจไม่น้อย “ถ้ำนั่นมีวิญญาณปีศาจโลหิตอยู่กี่ตัวกันแน่! ชักจะยุ่งยากเกินไปแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “จูเชว่ เจ้าไปขวางเซี่ยเทียนกับพวกอู๋ตี้ไว้ เดี๋ยวข้าจะจัดการกับวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้เอง”
จูเชว่กล่าวด้วยความตกตะลึง “ซีซี เจ้าอย่าได้ประมาทไป วิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้ฆ่าไม่ตายหรอกนะ ถึงแม้จะใช้พลังวิญญาณก็ฆ่ามันไม่ได้ นอกเสียจากจะถูกพวกมันเข้าควบคุมวิญญาณ จึงจะสามารถลงมือจัดการพวกมันได้ แต่แบบนั้นก็เป็นอะไรที่อันตรายมาก ๆ”
“ข้าจะลองดูก่อน!”
“เจ้า…” จูเชว่อยากจะหยุดยั้งความบุ่มบ่ามของมู่เฉียนซี ทว่าเซี่ยเทียนก็ได้พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่อาจแยกร่างไปจัดการสองสิ่งพร้อม ๆ กันได้
มู่เฉียนซีไม่ได้เตรียมที่จะตั้งรับ และไม่คิดจะหลบหลีกแต่อย่างใด วิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้แห่กันเข้ามาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
จูเชว่หน้าถอดสีไปในทันที ทว่ามู่เฉียนซีและนิรันดร์ต่างก็สุขุมเป็นอย่างยิ่ง
นิรันดร์เหาะเหินอยู่กลางอากาศ เขารู้สึกว่าวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้รนหาที่ตายชัด ๆ พวกเดรัจฉานเหล่านี้ก็ยังคิดทำร้ายวิญญาณลิขิตสวรรค์อีก เป็นอะไรที่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ขณะที่วิญญาณปีศาจโลหิตกำลังบุกเข้ามา พวกมันก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
ครั้นคิดจะถอยหนี มู่เฉียนซีกลับสังหารพวกมันทิ้งไปทีละตัว
สถานการณ์ดูผ่อนคลายกว่าที่คิดไว้เป็นเท่าทวี วิญญาณปีศาจโลหิตมีจำนวนมากเท่าใด ก็ถูกสังหารไปมากเท่านั้น
ส่วนพวกวิญญาณปีศาจโลหิตที่ยังไม่เข้ามาสิงในร่างมู่เฉียนซี ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงอันตรายใด ๆ ได้เลยสักนิด ดังนั้นพวกมันจึงเปรียบดั่งแมงเม่าที่กำลังบินเข้ากองไฟ
จูเชว่ไม่พบว่ามู่เฉียนซีมีความผิดปกติอันใด และวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านั้นก็ได้หายลับไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดแม้กระทั่งตัวเดียวก็ไม่หลงเหลือ
เขาบ่นพึมพำในใจ จริง ๆ แล้วซีซีก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมเหมือนกันนะเนี่ย! แม้กระทั่งวิญญาณปีศาจโลหิตที่ดุร้ายเหล่านี้ นางก็ยังสังหารได้อย่างสบาย ๆ
“ต่อไปก็จัดการเจ้านั่น!”
เมื่อสังหารวิญญาณปีศาจโลหิตจนไม่หลงเหลือแล้ว ก็ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังอีก จากนั้นพวกเขาก็เริ่มร่วมมือกันจัดการเซี่ยเทียน
เซี่ยนเทียนยังคงแข็งแกร่งอยู่เช่นเคย ทว่ามู่เฉียนซีกลับสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาได้อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
การที่วิญญาณปีศาจโลหิตสามารถระเบิดพลังอันแรงกล้าออกมาได้ พวกมันก็จะต้องเผาผลาญวิญญาณและเลือดของเขาเสียก่อน ทว่าระหว่างนั้นเจ้าของร่างก็จะไม่รู้สึกอันใด แต่ตราบใดที่เผาผลาญไปจนหมดสิ้นแล้ว คนผู้นั้นก็ทำได้เพียงย่ำเข้าสู่ประตูแห่งความตายเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “หลีกไปก่อน! พยายามยื้อเวลาต่อไปอีกสักนิด เซี่ยเทียนเหลือพลังชีวิตอีกไม่นานแล้ว ตราบใดที่พวกเรายังยืนหยัดต่อไปได้ เขาก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้”
เซี่ยเทียนหัวเราะเยาะพลางกล่าว “ดี!”
มู่เฉียนซีขับเคลื่อนธาตุวายุ แล้วหลบหลีกการโจมตีของเซี่ยเทียน
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีของเซี่ยเทียนเริ่มหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นอะไรที่น่าหวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าไม่นานนักร่างกายของเซี่ยเทียนก็เริ่มเหี่ยวแห้ง เนื้อหนังเริ่มซูบซีดติดกระดูก ดวงตาไร้แวว ร่างกายนี้ได้ดำเนินมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ร่างสีม่วงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว “พลังวายุจันทราไร้คู่!”
“เสี่ยวโม่โม่ ไฟ!”
“อื้ม!” เปลวเพลิงที่ลุกโชนไร้วันดับสูญเข้าครอบคลุมร่างกายของเซี่ยเทียนอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม วิญญาณปีศาจโลหิตก็ยังสามารถหลบหนีออกมาจากเพลิงอมตะแห่งความมืดได้อย่างไม่สะทกสะท้าน