ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1769 มังกรเพลิงหิวแล้ว
วิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้ก็รู้จักเลือกคนอ่อนแอที่ง่ายต่อการรังแกด้วยเช่นกัน และรู้ว่ามู่เฉียนซีนั้นเป็นคนที่ยากจะรับมือได้ ฉะนั้นในตอนที่พวกมันพุ่งออกมาจากเพลิงอมตะแห่งความมืด จึงเลือกเป้าหมายเป็นจูเชว่นั่นเอง
ความเร็วของวิญญาณปีศาจโลหิตนี้รวดเร็วเป็นอย่างมาก และจูเชว่ก็รู้ดีว่าในเวลานี้ เขาไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงมันได้อีกแล้ว
สภาพจิตใจกำลังตรึงเครียด จึงจำเป็นที่จะต้องปกปิดจิตวิญญาณของตนเองเอาไว้ ไม่เช่นนั้นวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้อาจจะนำมันไปใช้ประโยชน์ก็เป็นได้
ใกล้แล้ว มันใกล้เข้ามาแล้ว!
ทันใดนั้น เปลวเพลิงสีแดงฉานก็พุ่งทะยานออกมา และปกคลุมวิญญาณปีศาจโลหิตเอาไว้
แท้จริงแล้วมีกระบี่สีแดงฉานเล่มหนึ่งแทงทะลุวิญญาณปีศาจโลหิตนี้ และมันก็ได้ทำให้วิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านั้นกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที
อาวุธธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำให้วิญญาณปีศาจโลหิตได้รับบาดเจ็บได้ แต่ทว่ากระบี่เล่มนี้สามารถทำลายวิญญาณปีศาจโลหิตได้ราวกับหั่นผักอย่างไรอย่างนั้น
ในฐานะที่เป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีคนหนึ่ง เขาจึงสัมผัสถึงพลังกดดันอันแข็งแกร่งของเปลวเพลิงนั้นได้
จูเชว่ที่ได้รับการช่วยเหลือ แน่นอนว่าเขาต้องมีความสุขมากอยู่แล้ว แต่ทว่านิรันดร์กลับเกิดความคับแค้นใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ศิษย์ที่รัก มันไม่ง่ายเลยกว่าจะฝึกฝนกับเจ้า แต่การได้ใหม่แล้วลืมเก่าของเจ้าเช่นนี้มันช่างทำร้ายหัวใจข้ายิ่งนัก”
มุมปากของจูเชว่กระตุกยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ซีซีใช้เพียงกระบี่เล่มหนึ่งเองไม่ใช่หรือ? แต่คนผู้นี้ทำราวกับว่าเป็นสามีที่ถูกทิ้งขว้างอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มังกรเพลิงหิวแล้ว แล้วยังบอกว่าเจ้าพวกนี้น่าอร่อยดี เช่นนั้นจึงให้เขาได้ลองดูเสียหน่อย”
ก่อนหน้านี้ที่มู่เฉียนซีเริ่มปะทะฝีมือกับวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านั้น และในตอนที่กำลังฆ่าพวกมันอยู่นั้น มังกรเพลิงก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน และยังมาพร้อมกับท่าทางน้ำลายสอเมื่อเห็นเจ้าพวกนี้อีกด้วย
มู่เฉียนซีมองไปทางจูเชว่แล้วกล่าวว่า “เจ้าก็รู้ว่ากระบี่ของข้านั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็ควรจะเก็บเป็นความลับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ ระวังเจ้าจะถูกข้าฆ่าปิดปากเอาได้”
“วางใจเถิด ข้าไม่มีทางสร้างปัญหาให้ซีซีแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นมาว่า “เจ้าไปสอบถามมาให้หน่อย ที่ที่มีวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้มากที่สุดอยู่ที่ใดบ้าง”
“ตกลง!”
เมื่อได้ยินว่ามีคนมาสอบถามว่าที่ใดมีวิญญาณปีศาจโลหิตมากที่สุด อีกทั้งยังลงมืออย่างใหญ่โตอีกด้วย ดังนั้นทุกคนจึงต่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก
จะสอบถามไปทำไมกัน?
นั่นเป็นสถานที่ที่คนทั่วไปไม่คิดอยากที่จะไปกันเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากหากไปที่นั่นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการส่งตนเองไปตายโดยสมบูรณ์เท่านั้นเอง
จูเชว่กล่าวถามว่า “ซีซี อยากจะไปจริง ๆ เช่นนั้นหรือ? เจ้าพวกวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้อาจจะสร้างปัญหาเป็นอย่างมากก็ได้”
“หากเจ้าไม่อยากไปเช่นนั้นก็จากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้”
“เป็นเช่นนั้นไม่ได้ สถานที่เแบบนั้นจะต้องมีสมบัติมากที่สุดอย่างแน่นอน ซีซีไม่กลัวเจ้าพวกนั้น แล้วข้าจะไม่ใช้โอกาสนี้คว้าแสงสว่างอันน้อยนิดนั้นได้อย่างไรกัน!”
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มู่เฉียนซีและจูเชว่มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีวิญญาณปีศาจโลหิตมากที่สุด และเมื่อตอนที่พวกเขาย่างกรายเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น วิญญาณปีศาจโลหิตก็กระโจนออกมาจากความมืดอย่างหิวกระหายเป็นจำนวนมาก
ในตอนที่พวกมันกระโจนเข้ามาใส่ พลังธาตุอัคคีของมู่เฉียนซีก็ได้ระเบิดออกมา และกระบี่ของนางก็ได้ปรากฏตัวออกมาอยู่เบื้องหน้าของจูเชว่ อีกทั้งยังไม่สนใจที่จะปกปิดคุณสมบัติพลังธาตุนี้ของตนเองอีกด้วย
จูเชว่กล่าวอย่างประหลาดใจมากว่า “แท้จริงแล้วซีซีก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่วายุอัคคีอย่างนั้นหรือ! ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเหมือนกับเฟิงอวิ๋นซิว นึกไม่ถึงเลยว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการเก็บงำมันเอาไว้ได้ ซีซี เจ้านี่จะยอดเยี่ยมมากเกินไปแล้ว”
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเก็บเกี่ยววิญญาณปีศาจโลหิตราวกับเก็บเกี่ยวข้าวสาลีอย่างไรอย่างนั้น นิรันดร์ที่ยืนอยู่บนอากาสกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า “ศิษย์ที่รัก เจ้าผู้ชายที่พะเน้าพะนอเจ้าอยู่นี้ ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรจะทำให้เขาจุกตายไปเสียเลยเถอะ”
หลังจากมู่เฉียนซีจัดการวิญญาณปีศาจโลหิตเรียบร้อยแล้ว ทางจูเชว่ก็ได้ไปเก็บกวาดสมบัติทั้งหมดที่อยู่ภายในมาจนหมดแล้วเช่นกัน
ที่นี่มีวิญญาณปีศาจโลหิตอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทว่าคนที่มายังที่แห่งนี้นั้นก็มีจำนวนน้อยเป็นอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นจึงมีสมบัติมากมายที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้
และจูเชว่ก็รับสิ่งของเหล่านี้ไปอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากที่เขาเก็บของทั้งหมดไปแล้ว เขาก็ได้ค้นพบว่าที่นี่ไม่มีวิญญาณปีศาจโลหิตเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว เขากล่าวขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างว่า “นี่มันจบลงไปแล้วหรือ?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่ามันจบลงแล้ว ไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งกันเถอะ!”
“ได้เลย! หากมีซีซีอยู่แล้วละก็ เขาก็ไม่กลัววิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย”
ในการกวาดล้างอีกหลายสถานที่ มู่เฉียนซีกับจูเชว่ทั้งสองคนก็ได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดี จูเชว่กล่าวว่า “ยังเหลืออีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่สุดท้าย ถ้าไม่มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้งานได้อยู่ในมือ ข้าก็คงต้องยอมแล้ว”
“ถ้าหากว่าเจ้าไม่มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้งานได้อยู่ในมือ เช่นนั้นเจ้าก็รีบไสหัวไปเสียเถอะ!” นิรันดร์พูดคำนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีการเคลื่อนไหวในสถานที่อันตรายเช่นนี้ในเวลานี้ได้ จูเชว่ครุ่นคิดพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สนามรบวิญญาณปีศาจแห่งนี้มีคนที่ไม่กลัวตายอยู่ไม่น้อยเลย! ซีซี พวกเราต้องบุกเข้าไปฆ่าหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ลองไปดูก่อน จากนั้นก็คอยเฝ้าสังเกตการณ์พร้อมกับเตรียมรับมือด้วย”
มีเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดฮั่นฝูกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นอยู่ และแน่นอนว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าสถานที่แห่งนี้มีวิญญาณปีศาจโลหิตอยู่ ดังนั้นจึงได้สวมเสื้อเกราะที่มีคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้มาด้วย
ลวดลายที่อยู่บนเสื้อเกราะนั้นส่องแสงสว่างออกมา ซึ่งมันก็ทำให้วิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านั้นไม่มีทางที่จะเข้าใกล้ได้ และแน่นอนว่ามันไม่สามารถที่จะโจมตีพวกเขาได้ด้วย
เบื้องหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูกสีขาว และภายในโครงกระดูกเหล่านั้นก็มีดาบยาวอยู่เล่มหนึ่ง ส่วนตัวดาบในเวลานี้เต็มไปด้วยสนิมหมดแล้ว แต่มู่เฉียนซีลงความเห็นว่าเป้าหมายที่คนเหล่านี้บุกสังหารมาจนถึงที่นี่ก็คือดาบเล่มนี้นั่นเอง
นิรันดร์กระซิบกล่าวว่า “ศิษย์ที่รัก ดาบเล่มนั้นก็คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์! ถึงแม้ว่ามันจะได้รับความเสียหายอย่างหนักก็เถอะ รีบจัดการกับเจ้าพวกนี้แล้วส่งเจ้าเด็กน้อยนี้ออกไปเสียที! เวลาของพวกเราทั้งสองคนล้ำค่าเป็นอย่างมาก ข้าไม่อยากให้มันถูกทำลายเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้อีกแล้ว”
สายตาของจูเชว่กวาดตามองไปที่คนเหล่านั้นพลางกล่าวว่า “เหอ ๆ ๆ! ข้าก็คิดว่าเป็นผู้ใด! เตรียมตัวกันมาพรั่งพร้อมเสียขนาดนี้ ทั้งยังแต่งกายอย่างฉูดฉาดเสียขนาดนั้นด้วย ที่แท้ก็เป็นพวกเขานี่เอง”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เป็นอะไรไป? หรือว่าเจอคนรู้จักอย่างนั้นหรือ”
“ก็ถือว่าเป็นคนรู้จักอยู่หรอก แต่อันที่จริงแล้วเรียกว่าเป็นศัตรูที่รู้จักมากกว่า เจ้าพวกนี้เป็นคนของสำนักหลางซิง และเป็นสุนัขรับใช้ของมู่หลินหลางเหมือนกันกับเฟิงอวิ๋นซิวนั่นแหละ!” ดวงตาของจูเชว่เปล่งประกายเย็นยะเยือกออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เพียงแค่พริบตาเดียวก็มองออกว่าพวกเขาเป็นผู้ใด ยอดเยี่ยมไปเลยนี่!”
“แล้วคิดว่าข้าเป็นผู้ใดกันล่ะ?”
“ข้ามีข่าวดีที่จะบอกเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง ข้างในนั้นมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง ก็คือดาบเล่มนั้น จะแย่งชิงมาหรือไม่?”
“ต้องแย่งมาอยู่แล้ว สิ่งของที่สำนักหลางซิงต้องการแน่นอนว่าจะต้องแย่งชิงมาให้หมดจนไม่เหลือแม้แต่ขนสักเส้นให้พวกเขา”
“เช่นนั้นก็ฟังข้า!”
“ซีซีเจ้ามีคำสั่งอย่างไร!”
“ขั้นแรก เจ้าพุ่งตัวออกไปลอบโจมตีเพียงคนเดียวก่อน จากนั้นก็ไปดึงเสื้อผ้าของพวกเขาลงมา ด้วยเหตุนี้เจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมป้องกันเหล่าวิญญาณปีศาจเหล่านั้น ขั้นที่สองเอายาเหล่านี้โยนไปที่ตัวของพวกเขา ยาเหล่านี้จะกัดกร่อนค่ายกลที่อยู่บนเสื้อเกาะเหล่านั้น และมันทำให้ค่ายกลนั้นไม่สามารถใช้งานได้อีก สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะตกอยู่ในวงโจมตีของสัตว์ประหลาดปีศาจโลหิตและวิญญาณปีศาจโลหิตเหล่านั้น”
“ขอเพียงเจ้าใช้ประโยชน์จากความโกลาหลในตอนนี้ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้ก็เป็นของเจ้าแล้ว”
จูเชว่กล่าวว่า “ซีซีช่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ตกลง ข้าจะลงมือเช่นนี้!”
พวกคนเหล่านี้มอบหน้าที่ให้กับจูเชว่ และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็มีหน้าที่ในการสกัดกั้นเอาไว้เช่นกัน ในเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนของสำนักหลางซิง เช่นนั้นก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
ร่างสีแดงสว่างวาบ แสงสว่างของเปลวเพลิงสีแดงนั่นทำให้ดวงตาแดงก่ำ จูเชว่จัดการเสื้อเกาะเหล่านั้นภายในคราวเดียวด้วยความรวดเร็วและเฉียบขาดเพียงลำพัง
“ผู้ใดกัน! ไม่คิดเลยว่าจะแอบลอบโจมตีได้อย่างไร้ยางอายเช่นนี้!” คนของสำนักหลางซิงคนหนึ่งกล่าวอย่างเดือดดาล
ปัง ปัง ปัง!
จูเชว่โบกมือ และขวดยาจำนวนมากก็ระเบิดอยู่กลางอากาศ จากนั้นยาสีดำราวกับหมึกเหล่านั้นก็ตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝนอย่างไรอย่างนั้น และสุดท้ายแล้วมันก็หยดลงไปบนเสื้อเกาะของพวกเขา
“อ๊าก! อ๊ากก! วิญญาณปีศาจโลหิต อ๊ากก…”
“บัดซบเอ๊ย นี่มันอะไรกัน เสื้อเกาะนี้ใช้การไม่ได้แล้ว”
“ช่วยด้วยย!” เมื่อสิ่งที่คุ้มครองพวกเขาเอาไว้ได้หายไปอย่างกะทันหัน มันก็ได้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที และทุกคนก็ได้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง