ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1777 โดดเดี่ยวไร้ทางข่มตา
นี่มันปล้นกันชัด ๆ! ป้ายแสดงสถานะไหนเลยจะมีราคาสูงเช่นนี้? ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ในระยะนี้คนเหล่านี้เริ่มทำตัวเหลวไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “ถึงแม้ราคาจะสูงไปสักหน่อย แต่ในเมื่อพวกเรามาถึงเกาะแล้ว พวกเราก็จะทำตามกฎระเบียบของเกาะแห่งนี้อย่างแน่นอน”
“อย่างไรก็ตาม ข้าก็ได้ยินมาว่ายาลูกกลอนเป็นที่นิยมมาก ดังนั้นข้าจึงเตรียมที่จะจ่ายด้วยยาลูกกลอนแทน ข้าจ่ายด้วยยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้า ส่วนสหายข้าจ่ายด้วยยาขั้นสวรรค์ระดับเจ็ด เมื่อข้าจ่ายยาไปแล้ว อีกฝ่ายก็บอกให้ข้าจ่ายมาอีกสิบเม็ด ขึ้นราคากันอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ข้าอดทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
ยาขั้นสวรรค์ระดับเก้าหนึ่งเม็ดยังไม่พอใจ และยังต้องการถึงสิบเม็ด ช่างโลภมากเสียจริง
และแน่นอนว่าคนที่โลภมากผู้นั้นก็ถูกท่านผู้อาวุโสหวังจัดการจนกระอักเลือดและเป็นลมสลบไปแล้ว จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่ได้สติขึ้นมาเลย ถึงแม้จะรอดชีวิตฟื้นขึ้นมาได้ ก็คงจะพิกลพิการไม่สมประกอบแล้ว
ท่านผู้นำเกาะโบกมือขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นล้อมรอบมู่เฉียนซีและจูเชว่ไว้
ท่านผู้นำเกาะเข้าไปตรวจดูอาการบาดเจ็บและบาดแผลของผู้อาวุโสรองหวัง จากนั้นจึงให้พวกเขากินยาลูกกลอนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
เมื่อตรวจดูร่างกายของท่านผู้อาวุโสรองหวังแล้ว แววตาของเขาก็มีประกายความมืดมนวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นคนทำร้ายพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
“เป็นเพราะผู้อาวุโสบ้านั่นเรียกทหารมาจัดการพวกเราก่อนต่างหาก ที่พวกเราทำร้ายพวกเขาจนได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นเพียงการป้องกันตัวก็เท่านั้น” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
จูเชว่มองไม่ออกว่าผู้นำเกาะผู้นี้มีจุดประสงค์อันใดกันแน่ เขาจึงกล่าว “ท่านผู้นำเกาะ ตอนนี้ข้าเองก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน! พวกท่านมีมากกว่าพวกข้า แต่หากจะให้ต่อสู้กันแล้ว ข้าก็ไม่ถือสาที่จะลากผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสใหญ่ลงหลุมฝังศพไปพร้อม ๆ กัน เห็น ๆ อยู่ว่าพวกท่านเป็นคนผิด แต่กลับวางอำนาจบาตรใหญ่ ยามสูญเสียก็สูญเสียมาก ทำการค้าเช่นนี้มันคุ้มค่าแล้วหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราหลงเข้ามาในม่านหมอกจนมาถึงเกาะไม่หวนคืนแห่งนี้ พวกเราแค่ต้องการหาที่พักสงบ ๆ สักครู่ก็เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะยั่วยุพวกท่านเลย”
“พวกเราทำลายตึกและทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บ ยาขั้นสวรรค์ระดับเก้าขวดนี้นับว่าเป็นการชดเชย ท่านว่าเป็นอย่างไร?” มู่เฉียนซีนำขวดยาลูกกลอนออกมาอย่างไม่อิดออดเลยแม้แต่น้อย
ท่านผู้นำเกาะกล่าว “เรื่องนี้พวกเขาเป็นคนผิด ข้าเองก็สั่งสอนพวกเขาได้ไม่ดีมากนัก พวกข้าต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบ พวกเจ้าไม่จำเป็นจะต้องชดเชยอันใด ยาลูกกลอนขวดนี้เจ้านำกลับเสียเถอะ! ไม่แน่หลังจากนี้เจ้าอาจจะได้ใช้มันก็ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ท่านผู้นำเกาะเป็นคนมีเหตุผลจริง ๆ ให้ความเป็นธรรมไม่เอนเอียง ข้านับถือยิ่งนัก!”
จูเชว่เองก็มีรอยยิ้มประดับค้างใบหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว ๆ!”
ท่านผู้นำเกาะกล่าว “ข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวเท่านั้น…”
“เงื่อนไขอันใดหรือ?”
“สองคนนี้คงจะไม่สามารถกลับมาเป็นอย่างเดิมได้แล้ว และคงจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายระยะใหญ่ ส่วนไอ้คนไร้ประโยชน์นั่นก็ถูกโยนลงทะเลไปเป็นอาหารปลาแล้ว! เกาะไม่หวนคืนของข้าขาดผู้อาวุโสไปถึงสามคนในคราเดียว เช่นนี้แล้วทางเราก็ต้องการคนมาแทนที่ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าทั้งสองสนใจมาเป็นผู้อาวุโสของเกาะไม่หวนคืนหรือไม่?”
ท่านผู้นำเกาะจะใจกว้างเกินไปแล้ว หนุ่มสาวคู่นี้ก่อเรื่องวุ่นวายบนเกาะไม่หวนคืนไม่พอ ยังทำให้สูญเสียผู้อาวุโสของเกาะไปถึงสามคนอีกด้วย แต่ท่านผู้นำเกาะไม่เพียงแต่จะไม่เอาเรื่องเอาราวเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้พวกเขาได้ครองตำแหน่งผู้อาวุโสของเกาะอีกด้วย
จูเชว่กล่าว “เป็นผู้อาวุโสรึ! ข้าเพิ่งบรรลุระดับขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งเมื่อครู่นี้เอง จะเป็นผู้อาวุโสได้จริง ๆ หรือ?”
ท่านผู้นำเกาะกล่าวตอบ “เจ้าเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี พลังการต่อสู้สามารถเทียบเคียงกับผู้บำเพ็ญภูตขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสองได้! เจ้าไม่เพียงแต่จะเป็นผู้อาวุโสได้เท่านั้น แต่ยังเป็นถึงผู้อาวุโสระดับสองได้อีกด้วย”
“แม่นางผู้นี้ก็เช่นกัน ข้าไม่ได้เป็นคนหัวโบราณ! ถึงแม้พลังของเจ้าจะไม่ถึงเกณฑ์ แต่พลังโดยรวมก็สามารถโค่นล้มผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสองได้ เจ้าเองก็เป็นผู้อาวุโสระดับสองได้เช่นกัน” เขากล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
มู่เฉียนซีและจูเชว่หันมาสบตากัน ความคิดของคนทั้งสองสอดคล้องตรงกันเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงตอบตกลงที่จะเป็นผู้อาวุโสระดับสองของเกาะไม่หวนคืนแห่งนี้
หากมีสถานะที่ไม่เลวไว้ครอบครองแล้ว ก็คงลดปัญหาพวกมีตาแต่หามีแววไม่ที่จะมาหาเรื่องเอาไว้ได้ และหากจะทำอะไรก็คงสะดวกขึ้นไม่น้อย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เกาะไม่หวนคืนขอต้อนรับทั้งสองท่าน” ท่านผู้นำเกาะกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ใครก็ได้รีบไปจัดแจงที่พักให้พวกเขาทั้งสองด้วย!”
“ขอรับ!”
ที่พักสำหรับผู้อาวุโสระดับสองหรูหราและอลังการเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับบริการที่เอาใจใส่ในทุก ๆ ด้าน
จูเชว่กล่าว “ในที่สุดก็ได้นอนพักดี ๆ เสียที”
มู่เฉียนซีที่คิดจะไปพักผ่อน ผลปรากฏว่า ได้มีบุรุษหนุ่มรูปงามสวมอาภรณ์วับ ๆ แวม ๆ มากเสน่ห์คนหนึ่งนอนอยู่บนตั่งนอน หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย สายตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ของเขาคู่นั้นทอดมองมายังมู่เฉียนซีอย่างไม่ลดละ
“ลำบากที่รักแล้ว ข้าได้อุ่นเตียงให้เจ้าแล้ว รีบเข้ามาในอ้อมกอดข้าเร็วเข้า!”
เจ้านิรันดร์นี่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย
มู่เฉียนซีหยิบเข็มยาออกมาแล้วกล่าว “ท่านนิรันดร์ ข้ามีเข็มยาหลายเล่มต้องการให้ท่านช่วยทดสอบดูสักหน่อย ท่านสนใจอยากลองสักหน่อยหรือไม่?”
เมื่อได้เห็นประกายความอันตรายวาบผ่านดวงตาศิษย์ที่รักของตนแล้ว นิรันดร์ก็ทราบได้ในทันทีว่าเข็มยาของศิษย์ที่รักนั้นจะต้องมีผลลัพธ์ที่วิเศษจนคาดคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน
ถึงแม้สำหรับเขาแล้วมันจะไร้ประโยชน์ ทว่านิรันดร์ก็ไม่อยากให้เข็มยาเหล่านี้มาทิ่มแทงตามร่างกายของตน
นิรันดร์จึงรีบกล่าว “ศิษย์ที่รัก อาจารย์เพียงเย้าเจ้าเล่นก็เท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “นิรันดร์ ข้ามีเรื่องอยากจะให้ท่านชี้แนะ?”
“เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านว่าการปรุงยาของข้าควรไปถึงระดับใดจึงจะสามารถหลอมยาที่ทำให้น้องชายของท่านไม่ขันได้นะ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจนดวงตาหยิบหยี
นิรันดร์กล่าวด้วยความตกใจเป็นอย่างยิ่ง “โอ้ ยอดดวงใจของข้า เป็นไปไม่ได้กระมัง! นี่มันเป้าหมายอะไรของเจ้า นี่เจ้าจะให้ข้าสอนศิษย์ปรุงยาที่ทำให้น้องชายของอาจารย์ไม่ขันอย่างนั้นหรือ? ชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว”
“นั่นสินะ! ก็ถ้าหากท่านไม่อยากให้มีวันนั้นละก็ ท่านก็อย่าทำตัวให้วุ่นวายนักสิ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ จับตาดูเขาไว้!”
“ขอรับ!”
เมื่อมู่เฉียนซีนอนหลับสนิทไปพักใหญ่แล้ว นิรันดร์กลับโดดเดี่ยวไร้ทางข่มตาหลับลงได้!
“เห้อ! ตอนแรกข้าก็คิดว่ามีหญิงงามคอยอยู่เคียงข้างด้วยทุกราตรี คงจะเป็นอะไรที่ดีไม่น้อย แต่เหตุใดตอนนี้มันถึงได้น่าเวทนาเช่นนี้ ที่รักไม่คิดเห็นใจข้าเลย” นิรันดร์กล่าวด้วยความน้อยอกน้อยใจเต็มประดา
วันถัดมาคลื่นลมบนเกาะสงบเป็นอย่างยิ่ง อาคารที่พวกเขาทำลายลงก็เริ่มทำการก่อสร้างขึ้นใหม่แล้ว
จูเชว่ลากตัวมู่เฉียนซีไปสำรวจดูรอบ ๆ เกาะไม่หวนคืน ทันใดนั้นหางตาจูเชว่ก็ได้เหลือบไปเห็นท่านลุงจ้าว เขาจึงตะโกนร้องเรียก “ท่านลุงจ้าว พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”
ท่านุลงจ้าวกล่าว “สวัสดีท่านทั้งสอง”
ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้อาวุโสระดับสองแล้ว สถานะจึงไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านลุงจ้าว สุขภาพร่างกายของภรรยาท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เห้อ!” ครั้นหวนนึกถึงอาการป่วยของภรรยา ท่านลุงจ้าวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความจนปัญญา ครานี้เขายอมแลกกับทุกสิ่งอย่างเพื่อไปขอร้องอ้อนวอนนักปรุงยาคนหนึ่ง ถึงแม้จะยากนักที่จะสำเร็จ ทว่าเขาก็จะต้องลองดู เขาไม่อาจทนมองเห็นแม่ของลูกของเขาจากไปต่อหน้าต่อตาได้
เห็นชัดว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีมากนัก มู่เฉียนซีจึงกล่าว “ท่านลุงจ้าว พาข้าไปเยี่ยมเยียนภรรยาของท่านสักหน่อยสิ!”
“เรือนของข้าโกโรโกโสนัก ไม่สะดวกจะต้อนรับแขกหรอก” ท่านลุงจ้าวกล่าวปฏิเสธไป
“ข้าขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ข้าเป็นนักปรุงยา การช่วยรักษาผู้คนเป็นงานถนัดของข้าเชียว” มู่เฉียนซีกล่าว
“เจ้า…ท่านเป็นนักปรุงยาจริง ๆ หรือ” ท่านลุงจ้าวตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อหวนนึกถึงพลังที่มากมายของมู่เฉียนซีแล้ว หากนางจะเป็นนักปรุงยาจริง มันก็ไม่แปลกอะไรนัก อีกอย่างนางก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องโกหกเขา
“ขะ…ข้าโชคดีจริง ๆ ได้พูดคุยกับพวกท่านไประหว่างทางก็ได้พบเจอกับโชคลาภครั้งใหญ่” ท่านลุงจ้าวรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ในเมื่อท่านเชื่อใจข้า เช่นนั้นก็รีบนำทางข้าไปเถอะ!”
อาการป่วยของภรรยาเขาไม่ได้หนักหนาสาหัสมากนัก หากอยู่ภายนอกเกาะละก็ ท่านลุงจ้าวคงไม่หมดสิ้นหนทางเช่นนี้ เพียงยาลูกกลอนไม่กี่เม็ดก็สามารถรักษาได้แล้ว
ทว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเกาะไม่หวนคืน ไม่ว่าจะยาลูกกลอนหรือนักปรุงยาก็เป็นอะไรที่มีค่าเสียยิ่งกว่าทองคำเสียอีก
เมื่อมู่เฉียนซีมอบยาลูกกลอนให้กับภรรยาของท่านลุงจ้าวแล้ว ท่านลุงจ้าวก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโขกศีรษะ พร้อมใจจะเป็นวัวเป็นม้าให้กับมู่เฉียนซีอย่างที่สุด
ในขณะนั้นเองก็มีชายหนุ่มสองคนเข้ามาหาพวกเขา “ท่านผู้อาวุโสทั้งสอง พวกท่านอยู่ที่นี่นี่เอง ท่านผู้นำเกาะมีเรื่องสำคัญต้องการพบพวกท่าน เชิญพวกท่านตามข้ามาด้วย!”