ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1787 ตาไร้แววเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คิดที่จะขอบคุณข้าก็แค่มอบข้อมูลและสมุนไพรวิญญาณให้ข้ามาก ๆ หน่อย อย่าคิดที่จะมอบตัวและหัวใจให้ข้าเลย!”
นิรันดร์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว! ศิษย์ที่รักของข้าได้รับการสืบทอดทักษะการปรุงยามาจากข้า ฉะนั้นการฟื้นคืนชีพคนได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ช่วยชีวิตคนมาแล้วก็มากมาย พวกเขาแต่ละคนล้วนแต่ยินยอมมอบกายใจให้ นั่นก็เพียงพอแล้ว ส่วนเจ้าก็ไปมั่นคงในความจงรักภักดีต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลของเจ้าผู้นั้นเถอะ!”
“ข้าไม่มีทางยอมแพ้แน่ ซีซีรอให้ข้าได้รับอิสระคืนมาก่อนเถิด!” จูเชว่ยิ้มกว้างอย่างเจิดจรัส
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ภายในใจจะไม่ยินยอม แต่ทว่าตอนนี้กลับอ่อนข้อลงแล้ว
การถูกตามไล่ล่าในครั้งนี้ ทำให้มาพบเจอกับคนตรงหน้า ทำให้เขามีแรงกระตุ้นที่อยากจะเรียกคืนอิสระภาพของตนเองกลับคืนมาอย่างบ้าบิ่น
หากคิดที่จะติดตามใครสักครจริง ๆ คนผู้นั้นจะต้องไม่ใช่มู่หลินหลางที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเวลานี้อย่างแน่นอน และก็ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ที่เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ามาก่อน แต่เป็นคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ต่างหาก
ไม่ใช่เพื่อความรัก แต่อยากที่จะทำเช่นนี้ เพียงแค่นั้นเอง
ในตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันนั้น การต่อสู้อีกด้านหนึ่งก็ถูกแยกออกได้แล้วว่าผู้ใดเหนือกว่า
สำนักใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นตงหวงมีผู้ที่มีความสามารถผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง และเห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะอย่างไป๋จิ่งเยว่ผู้นี้จัดการชายชราคนนั้นได้อย่างไม่ยากเย็นเลย
“จันทราสังหาร!”
ทันใดนั้น แสงสีเงินก็สว่างวาบขึ้น และบริเวณโดยรอบก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
ไป๋จิ่งเยว่เป็นจอมภูตพลังธาตุน้ำแข็ง
กระบี่ที่เย็นยะเยือกนั้นฟาดฟันใส่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา
พรวด! เลือดสด ๆ ทะลักออกมา ชายชราที่สวมชุดดำผู้นั้นก็มีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ลึกจนเห็นกระดูกเลยทีเดียว และตอนนี้บาดแผลของเขาเริ่มจะแข็งตัวแล้ว
สีหน้าของเขาบูดเบี้ยวเป็นอย่างมาก เขาโดนกระบวนท่าของไป๋จิ่งเยว่เข้าอย่างจัง และเขาก็รู้ว่าในเวลานี้ตนเองหนีไปไม่พ้นอีกแล้ว
เขาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซีและจูเชว่ ทั้งหมดนี้ต้องโทษสองคนนั้น
หากมอบพาหนะบินได้ของพวกเขาให้เขาได้ยืมอย่างเชื่อฟังเสียตั้งแต่ต้น เขาก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพดังเช่นตอนนี้
ร่างกายค่อย ๆ เย็นยะเยือกขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ได้พุ่งตัวหมายจะไปจับมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง
แล้วเหตุใดต้องเป็นมู่เฉียนซี เนื่องจากว่ามู่เฉียนซีดูเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุด และน่าจะจัดการได้ง่ายกว่าจูเชว่เล็กน้อยด้วย
เขาพุ่งกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว และเผยสีหน้าที่ดูดุร้ายอย่างที่สุดออกมา
เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างมีชัยว่า “ไป๋จิ่งเยว่ ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมของอัจฉริยะทางตะวันออกเฉียงใต้ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะทำให้แบบอย่างทางศีลธรรมเช่นเจ้าได้เป็นผู้สังหารแม่สาวน้อยไร้เดียงสาผู้นี้เอง และจะทำให้เจ้าไม่ได้พบทางอันสุขสงบไปชั่วชีวิตนี้”
“แม่สาวน้อย หากว่าข้าจะต้องตาย! เจ้าก็คงต้องตายเป็นเพื่อนข้าแล้วล่ะ!”
สีหน้าของไป๋จิ่งเยว่เย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เขาโต้กลับอย่างสุดชีวิต และไป๋จิ่งเยว่ก็ไม่มีเวลาที่จะเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวนางนั้นเลย
ทว่าถึงจะเผชิญหน้ากับการพุ่งทะยานเข้ามาโจมตีอย่างหมายจะเอาชีวิตของชายชราชุดดำผู้นั้น แต่มู่เฉียนซีกลับยืนอยู่ตรงนั้นและจ้องมองไปยังชายชราชุดดำโดยไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
ชายชราชุดดำแอบคิดว่า ‘แม่สาวน้อยผู้นี้คงต้องตกใจกลัวจนโง่เง่าไปแล้วเป็นแน่’
“แม่สาวน้อย เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ในชาติหน้าหากมีคนขอยืมสิ่งของอย่างรีบร้อนก็ควรจะให้เขายืมแต่โดยดีเสีย มิฉะนั้นอาจจะถูกบีบบังคับและถูกผู้อื่นลากไปตายเป็นเพื่อนด้วยก็เป็นได้ ส่วนเจ้าก็อาจจะต้องมาตายอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้อีก”
เจตนาร้ายของเขาอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่มู่เฉียนซีกลับยิ้มอย่างเย็นยะเยือก
“ตาเฒ่า คำพูดไร้สาระนี่มากมายจริง ๆ! ข้าก็มีเรื่องที่อยากจะบอกเจ้าสักเรื่องเช่นกัน ก่อนที่เจ้าจะลงมือกับใครทางที่ดีควรเปิดหูเปิดตาให้กว้าง และอย่าได้มาหาเรื่องกับคนที่แตะต้องไม่ได้เช่นนี้”
“แม่สาวน้อย ความตายกำลังจะมาเยือนถึงหน้าอยู่แล้วยังจะอวดดีเช่นนี้อยู่อีกหรือ!”
ตูมมม!
การโจมตีนั้นของเขา กระแทกลงที่ร่างของมู่เฉียนซีอย่างจัง
“แม่นาง!” จิตใจของไป๋จิ่งเยว่ร้อนดุจดังไฟเผา แม้แต่ผู้บริสุทธิ์ที่สัญจรผ่านมายังถูกเขาทำให้ติดร่างแหไปด้วยจริง ๆ ให้ตายเถอะ!
จูเชว่ไม่แม้แต่จะกระพริบตา ร่างกายของซีซีที่ถึงแม้จะถูกอสุนีบาตฟาดก็ยังคงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนนั้น เมื่อถูกการโจมตีเพียงเล็กน้อยของชายผู้นี้ ก็คาดว่าคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ซีซีรู้สึกคันได้เลยด้วยซ้ำไป
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ การโจมตีในครั้งนี้ หญิงสาวในชุดม่วงผู้นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ชายชราชุดดำผู้นั้นกล่าวอย่างตื่นตระหนกสุดขีดว่า “นะ…นี่มันเป็นไปไม่ได้ เจ้า…”
สายลมที่อยู่รอบบริเวณ เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และชายชราชุดดำผู้นั้นก็รู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
และชายชราชุดดำผู้นั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความผันผวนทางพลังวิญญาณในร่างกายของมู่เฉียนซีด้วย ซึ่งนั่นก็คือพลังของผู้บำเพ็ญขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกนั้นเอง
ถึงกระนั้น เขาก็รู้สึกว่าอันตรายที่นางแผ่กระจายออกมายังคงอ่อนแอเมื่อเทียบกับฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในระดับเดียวกัน
“ผนึกพลังวายุกักขัง!”
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
ทักษะวิญญาณของธาตุวายุกระบวนท่าที่สองเกิดขึ้นมาทันที ความรวดเร็วของสายลมนี้ไม่ใช่สิ่งที่ชายชราชุดดำที่มีสภาพร่างกายเช่นในเวลานี้จะสามารถหลบหลีกได้
“อ๊ากกก!” ทันใดนั้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรูพรุน และทั่วทั้งร่างของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด
น่ากลัว!
เขายังไม่อยากตาย และยังคิดที่จะพยายามหลบหนีอย่างสุดความสามารถ
แต่ในเวลานี้จูเชว่ได้มายืนอยู่ข้างหลังของเขาแล้ว และแรงกดดันของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้เขาแทบที่จะหยุดหายใจ
ชายที่สวมชุดสีแดงผู้นี้เข้าสู่ขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับที่หนึ่งแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาจะไปแย่งชิงพาหนะของพวกเขา ก็คิดว่าตนเองนั้นช่างเคราะห์ร้ายเสียจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนี้ดูอายุน้อยมาก แต่กลับทรงพลังมากถึงเพียงนี้!
แม้แต่ไป๋จิ่งเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน ถึงแม้จะมองไม่เห็นในหน้าของชายในชุดแดงผู้นี้ แต่อายุของเขาก็น่าจะมากกว่าเขาไม่มากนัก แต่ทว่ากลับฝึกฝนมาจนถึงระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว
“นายท่าน โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!” เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงอย่างผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ ชายชราชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ได้แต่คุกเข่าเพื่อร้องขอความเมตตา
จูเชว่ได้ชำเลืองมองไปทางไป๋จิ่งเยว่ “คุณชายไป๋ เดิมทีแล้วผู้ชายคนนี้เป็นเหยื่อของเจ้า ซึ่งข้าก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะมาสนใจด้วยซ้ำ! แต่ว่าเขากลับมาลงมือกับซีซีอย่างคนมีตาที่ไร้แววเช่นนี้ ฉะนั้นข้าไม่ขอเกรงใจก็แล้วกัน”
ไม่คาดคิดเลยว่าคนผู้นี้จะรู้ตัวตนของเขาจริง ๆ และเมื่อตอนที่ไป๋จิ่งเยว่ได้เห็นสัญลักษณ์ที่อยู่บนหน้ากากนั้นของจูเชว่ เขาก็เข้าใจได้ในทันที
ที่แท้ก็เป็นคุณชายจูเชว่นี่เอง มีคนเล่าลือว่าบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องใดที่คุณชายจูเชว่ไม่รู้จัก
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวตอบว่า “อื้ม!”
ทันใดนั้น ดาบปีศาจของจูเชว่ก็แหวกอากาศลงมา และชายชราชุดดำผู้นั้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนาว่า “อย่าา!”
เลือดสดสาดพ่นไปทั่ว ดาบปีศาจนองไปด้วยสีโลหิต และชายในชราชุดดำผู้นั้นคงต้องไปทนรับความเสียใจในโลกหน้าเสียแล้ว
ไป๋จิ่งเยว่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าด้วยความสามารถของพวกท่านทั้งสองจะทำให้คนผู้นี้ไม่อาจคุกคามพวกท่านได้ แต่ข้าก็ยังควรที่จะต้องขอโทษท่านทั้งสองอยู่ดี”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากคุณชายไป๋ต้องการที่จะขอโทษแล้วละก็ เช่นนั้นก็ควรแสดงน้ำใจบ้างสิ!”
แสดงน้ำใจหรือ?
หากพูดว่าให้มอบหยกซวนหรือมอบสมบัติให้ สิ่งของเหล่านี้มีสิ่งใดที่คุณชายจูเชว่ขาดบ้างเล่า?
เขาไม่สามารถจะนำอะไรออกมาชดเชยได้เลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ใบหน้าของไป๋จิ่งเยว่แดงระเรือขึ้นมาเล็กน้อย
“แค่คุณชายไป๋บอกข้าว่าที่นี่คือที่ใด นั่นถือเป็นคำขอโทษแล้ว ดีหรือไม่?” และนี่ก็คือสิ่งที่นางต้องการที่จะรู้มากที่สุดแล้วในเวลานี้
ไป๋จิ่งเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายดายถึงเพียงนี้
แม่นางท่านนี้ไม่เพียงแต่มีใบหน้าที่งดงามเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะยังมีจิตใจที่งามถึงเพียงนี้อีกด้วย
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “ที่นี่ก็คือทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นตงหวง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองใหญ่อย่างเมืองชุ่ยอิ้งมากเท่าไรนัก”
สำหรับแผนที่ของแดนซวนเทียนมู่เฉียนซีได้จดจำเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ก็อยู่ห่างจากอาณาจักรหนานหลิงไม่ไกลนัก
แต่ทว่านางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบกลับไปยังอาณาจักรหนานหลิงเพื่อบอกกับพวกศิษย์พี่และโม่ซวนว่านางกลับมาแล้ว รอให้เมื่อชื่อเสียงของมู่เฉียนซีเริ่มโด่งดังในแดนทางตะวันออกเฉียงใต้นี้ พวกเขาน่าจะรู้ได้เอง
อาณาจักรหนานหลิงมีขนาดเล็กเป็นอย่างมากและเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแคว้นตงหวงตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น หลังจากการกลับมายังแดนซวนเทียนอีกครั้งเช่นนี้ นางก็เริ่มมันจากที่นี่เลยก็แล้วกัน
“ซีซี เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่เช่นนั้นหรือ? เจ้าบอกข้ามาสิ! เมืองชุ่ยอิ้งมีของอร่อยมากมาย อย่างเช่นซี่โครงหมูตุ๋นแล้วยังมีไก่ตุ๋นผลเก้าวิญญาณ แล้วก็…”
ไป๋จิ่งเยว่แอบคิดอยู่ในใจว่า ‘สมแล้วที่เป็นคุณชายจูเชว่’
สำหรับอาหารที่เป็นลักษณะพิเศษของแต่ละเมืองนั้นเป็นราวกับขุมทรัพย์อันล้ำค่า เขาเคยไปเมืองชุ่ยอิ้งมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ดีเท่าไรนัก เช่นนั้นไป๋จิ่งเยว่จึงกล่าวขึ้นมาว่า “หากท่านทั้งสองมีความสนใจแล้วละก็ ข้าเชิญท่านไปรับประทานอาหารร่วมกันสักมื้อ ได้หรือไม่?”