ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1788 เดิมทีก็เป็นของข้าอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้!”
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าก้าวต่อไปคือการมีชื่อเสียงในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นการผูกมิตรกับผู้มากความสามารถในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นอะไรที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เช่นนั้นก็ตามข้ามาเถอะ!”
ระยะทางไม่ได้ไกลนัก หากใช้เสี่ยวโม่โม่ก็เป็นอะไรที่ดูจะเกินไปสักหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเดินไปดีกว่า
จูเชว่คุ้นเคยกับเมืองชุ่ยอิ้งราวกับได้เดินเข้าไปในเมืองของตนเองก็มิปาน ไม่นานนักพวกเขาก็ได้หาภัตตาคารที่เลิศรสที่สุด อีกทั้งยังหรูหราที่สุดเจอในเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้สั่งอาหารที่ดีที่สุดมา
“อันนี้ อันนี้ด้วย แล้วก็นี่ด้วย…”
ช่างเป็นการสั่งอาหารที่มากมายจริง ๆ จูเชว่กล่าว “ซีซี เจ้าอย่าได้เกรงใจ! เจ้าไป๋จิ่งเยว่นี่แม้จะดูซื่อบื้อและรังแกได้ง่าย ๆ แต่เจ้านี่น่ะมีเงินถมเถ กินอย่างไรก็ไม่มีวันจนหรอก สั่งไปให้เยอะ ๆ เลย!”
ที่แท้ในสายตาของจูเชว่ เขาก็ดูเหมือนคนซื่อบื้อที่รังแกได้ง่าย ๆ อย่างนี้นี่เอง ไป๋จิ่งเยว่ชะงักงันไปเล็กน้อย
เขาคุ้นชินกับการจัดการคำสรรเสริญและคำใส่ร้ายทั้งหมดด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่แสดงออกใด ๆ อยู่แล้ว
ไม่นานนักภายในใจของไป๋จิ่งเยว่ก็ไร้ซึ่งความหงุดหงิดและเศร้าใจแล้ว เขาจึงกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “แม่นางมู่ ชอบอะไรก็สั่งไปได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
“ไม่ใช่เรื่องเกรงใจไม่เกรงใจหรอก แต่หากสั่งมากเกินไปแล้วกินไม่หมด ถึงยามนั้นจะให้ยัดใส่ปากพวกเจ้าหรืออย่างไร? ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ออกจะเลอเลิศจะตายไป! คงไม่อิ่มจนท้องแตกตายหรอกกระมัง!” มู่เฉียนซีกล่าวหยอกเย้า
การกระทำที่สั่งอาหารอย่างไม่บันยะบันยังของจูเชว่ก็หยุดลงในทันใด จากนั้นเขาจึงเลือกสั่งอาหารที่รสเลิศที่สุดของภัตตาคารแห่งนี้แทน
เมื่อถึงยามนั้นซีซีจะได้ไม่กล่าวว่าห้ามกินทิ้งกินขว้างแล้วยัดอาหารทั้งหมดใส่ปากของเขา หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่รู้จะหลบไปร้องไห้อยู่ที่ใด
ภัตตาคารแห่งนี้ยกอาหารเข้ามารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง มู่เฉียนซีค่อย ๆ ลิ้มรสอาหารอันแสนโอชะด้วยความพิถีพิถัน รสชาติไม่เลว!
ขณะที่มู่เฉียนซีกำลังรับประทานอาหารนั้น ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่างก็ได้ถกเถียงกันถึงเรื่องต่าง ๆ ของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในนั้นก็ยังมีคนเอ่ยถึงเรื่องหอหมอปีศาจอีกด้วย
“นี่ รู้แล้วหรือยัง? หอหมอปีศาจในเมืองชุ่ยอิ้งของเรามีหอแยกออกมาแล้วนะ พวกเราไม่ต้องไปแย่งยาจากเมืองอื่นแล้ว”
“พวกเจ้าว่าหมอปีศาจเป็นคนเช่นไรกัน! ยาลูกกลอนของหอหมอปีศาจสุดยอดไปเลย”
“นอกจากรู้ว่าเขาเป็นนักปรุงยาฝีมือขั้นเทพแล้ว ก็ไม่สามารถสืบข่าวคราวอันใดได้อีก! ท่านหมอปีศาจช่างเป็นคนลึกลับเสียจริง”
“……”
มู่เฉียนซีที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระตุกยิ้มมุมปาก โม่ซวนไม่ทำให้นางผิดหวังจริง ๆ
ตอนนี้เขาก็เกือบที่จะเปิดสาขาของหอหมอปีศาจไปทั่วทั้งดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ได้แล้ว ชื่อเสียงของหอหมอปีศาจก็ยิ่งขจรขจายไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับไป๋จิ่งเยว่แล้ว เขาเองก็รู้สึกสงสัยในตัวหมอปีศาจผู้แสนลึกลับนั่นเช่นกัน
มีเพียงคนผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่พึงพอใจ “หมอปีศาจผู้แสนลึกลับรึ! ข้าเห็นว่ามีเพียงคุณชายโม่ที่ไปหาใครก็ไม่รู้มาแสร้งทำตัวลึกลับก็เท่านั้น ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าชื่นชมเลย! เห็นทีหมอปีศาจอะไรนั่นคงจะสู้ซีซีไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“ซีซี พวกเรามาเปิดหอหมอเทพเป็นอย่างไร? เปิดให้โด่งดังกว่าหอหมอปีศาจนั่นไปเลย” จูเชว่ยิ่งกล่าวก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย นางกล่าว “ข้าไม่รู้สึกสนใจเท่าไร”
“เห้อ! น่าเสียดายจัง เช่นนั้นก็คงทำได้เพียงปล่อยให้คุณชายโม่กระหยิ่มใจต่อไป เพียงแค่ได้พบเจอกับหมอปีศาจที่ทำตัวลึกลับ มันมีอะไรให้น่ายกย่องหนักหนา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหมอปีศาจนั่นจะทำให้คนชะตาขาดมีชีวิตต่อไปได้อีกหลายปี” จูเชว่เบะปากพลางกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าพูดอย่างกับเจ้ารู้จักคุณชายโม่อะไรนั่นดีอย่างนั้นแหละ?”
“ซีซี ไม่ใช่ว่าข้าพูดจาใส่สีตีไข่นะ แต่ในใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดที่จูเชว่ไม่รู้จัก แล้วนับประสาอะไรกับโม่ซวนตัวเล็ก ๆ นั่น” หากจูเชว่มีหางละก็ เกรงว่ามันคงชี้ขึ้นฟ้าไปแล้ว
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าหมอปีศาจคือใคร?” มู่เฉียนซีเอ่ยถาม
“ซีซี เจ้ามันน่าชังเสียจริง! อย่าได้ดูแคลนข้าเชียว หากไม่ใช่เพราะคุณชายโม่ซวนปิดปากเงียบขนาดนั้น ป่านนี้ข้าคงรู้ไปแล้ว การปรากฏตัวของหมอปีศาจนั่นก็แปลกประหลาดไร้ที่มาที่ไป ถึงแม้ข้าจะได้ส่งคนออกไปสืบอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังคงไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ กลับมา!” จูเชว่รู้สึกชังหมอปีศาจที่ทำให้เขาต้องเสียหน้าต่อหน้าซีซีเป็นอย่างยิ่ง
“แต่หากซีซีสนใจละก็ ข้าจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้มาให้ได้อย่างแน่นอน ข้ารับรองว่าจะสืบต้นตระกูลสิบแปดรุ่นของเขามาให้จงได้” จูเชว่กล่าวรับรอง
มู่เฉียนซีหน้าถอดสีไปเล็กน้อย นางกล่าว “ข้าไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก เจ้าอย่าได้สืบอีกเลย”
เมื่อรับประทานอาหารมื้อค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จูเชว่และมู่เฉียนซีก็ได้พักที่ภัตตาคารแห่งนั้นเสียเลย อย่างไรเสียเมื่อออกจากเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนมาได้ พวกเขาก็ลำบากมิใช่น้อย และต้องการพักผ่อนให้เต็มที่สักครั้ง
“ซีซีฝันดีนะ พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ”
ปัง!
ทันทีที่ประตูปิดลง นิรันดร์ก็กล่าวขึ้นมาว่า “หากเจ้าโง่นี่รู้ว่าที่รักเป็นหมอปีศาจแล้วละก็ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร?”
“ยิ่งมีคนรู้ตัวตนของหมอปีศาจน้อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เพียงแต่ข้าตัวคนเดียวคงไม่อาจควบคุมสถานการณ์ทั่วทั้งแคว้นตงหวงได้ทั้งหมด ท่านนิรันดร์ ถึงยามนั้นท่านจะช่วยไปเป็นหน้าเป็นตาให้หอหมอปีศาจสักหน่อยจะได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อหอหมอปีศาจได้พัฒนามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ความกดดันที่ต้องเผชิญก็ต้องมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ถึงแม้สถานะอีกหนึ่งสถานะของโม่ซวนที่เป็นคุณชายไป๋เจ๋อจะทรงอิทธิพลในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้นี้อยู่ไม่น้อย ทว่าก็ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์คับขันมากมายเช่นกัน
นิรันดร์กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ศิษย์ที่รัก เรื่องนั้นสบายมาก! จูบข้าสักครั้งก่อนสิ”
“ได้สิไม่มีปัญหา!” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
นิรันดร์ยิ้มจนแก้มปริ ในที่สุดศิษย์ที่รักก็ยอมใจอ่อนเสียที
ผลปรากฏว่ามู่เฉียนซีกลับกล่าวขึ้นมาว่า “เจ้าอยากให้เสี่ยวหงจูบแทนข้า! หรือให้อู๋ตี้จูบแทนข้าดีล่ะ?”
รอยยิ้มของนิรันดร์พลันเหือดหายไปในทันที แววตาคมปรากฎความน้อยอกน้อยใจขึ้นอย่างชัดเจน
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“สัตว์พันธสัญญาของข้า แน่นอนว่าก็ต้องทำแทนข้าได้อยู่แล้ว เหตุใดจึงจะไม่ได้เล่า! หรือว่าเจ้าต้องการให้พิฆาตวิญญาณหรืออาถิงจูบแทน…”
ครั้นนึกคิดจินตนาการถึงภาพเหล่านั้น มู่เฉียนซีก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่
นิรันดร์ที่ลองจินตนาการดูก็แทบจะแตกสลายไปเสียตรงนั้น เขาไม่อยากพูดคุยในเรื่องนี้อีกแล้ว
เห้อ! ท่านนิรันดร์อย่างเขาคิดจะฉกฉวยโอกาสสักหน่อย แต่กลับยากเสียยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก ช่างน่าอนาถใจเสียจริง
มู่เฉียนซีกล่าว “นิรันดร์ หากเจ้าเหงาและโดดเดี่ยวมากจริง ๆ ก็ลองไปถามจูเชว่ดูได้ ว่าในเมืองชุ่ยอิ้งแห่งนี้ที่ใดมีหญิงงามมากที่สุด ถึงยามนั้นเจ้าก็สามารถโปรยเสน่ห์ได้อย่างเต็มที่”
“ศิษย์ที่รักพูดถูก ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” นิรันดร์หายลับไปต่อหน้าต่อตามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
ทว่าไม่นานนักเขาก็มาปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้ามู่เฉียนซีอีกครั้ง
“ข้าจะต้องเฝ้าและปกป้องเจ้านายดั่งหยกล้ำค่า ไม่อาจไปไหนซี้ซั้วได้ นายท่านโปรดเห็นใจด้วย”
วาจาของนิรันดร์แฝงไปด้วยการกล่าวโทษ เมื่อมู่เฉียนซีหันกลับไปมองก็พบบุรุษที่เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์อันน่าเย้ายวนและสง่างามผู้หนึ่ง
มู่เฉียนซีกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าว “นิรันดร์ หากเจ้าอยู่ในดินแดนที่ข้าเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ การเล่นงิ้วของเจ้าคงได้รับรางวัลไปแล้ว”
“เหตุใดศิษย์ที่รักถึงไม่เชื่อในจิตใจของข้าเล่า!” นิรันดร์กล่าวด้วยความเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง ราวกับจิตวิญญาณของนักเล่นงิ้วได้เข้าสิงก็มิปาน
เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมาแล้วหนึ่งคืน มู่เฉียนซีก็ได้เริ่มเขียนบางสิ่งบางอย่างขึ้น
นิรันดร์เหลือบมองดูสิ่งที่มู่เฉียนซีเขียนในบรรทัดแรก จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจในทันที “เรื่องของหวงจิ่วเยี่ยผู้ชายคนนั้นให้เขาจัดการเองก็ได้แล้ว ศิษย์ที่รักจะไปเหนื่อยใจด้วยทำไมกัน?”
“ข้าได้กล่าวไว้แล้วว่าข้าจะรักษาเขาให้หาย”
“หึ! เจ้าหวงจิ่วเยี่ยนี่ช่างโชคหล่นทับแท้ ๆ เพียงแค่ขายตัวเองก็ทำให้ศิษย์ที่รักยอมรักษาโรคที่ยุ่งยากของเขาได้แล้ว หากข้าขายตัวของข้าเช่นกัน เช่นนั้นศิษย์ที่รักเองก็มาช่วยรักษาโรคระยะสุดท้ายของข้าด้วยเป็นอย่างไร?” นิรันดร์รอให้มู่เฉียนซีตอบด้วยความหวัง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “นิรันดร์ เจ้าขายตัวให้ข้ารึ? นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าคือของของข้าอยู่แล้ว”
เดิมทีก็เป็นของของนางอยู่แล้ว สิ่งนี้มู่เฉียนซีสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำยิ่งนัก ซึ่งมันก็ทำให้หัวใจของนิรันดร์สั่นไหวไปเล็กน้อย