ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1791 นางกลับมาแล้ว
“มู่เฉินซี แม่นางมู่!” คนผู้นั้นกล่าวตอบ
“เป็นตัวอักษรตัวไหน?” โม่ซวนกล่าวถาม
เมื่อโม่ซวนได้เห็นตัวอักษรทั้งสามตัวที่ฝ่ายตรงข้ามเขียนก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย พลันนั้นใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็ผ่อนคลายลง
เขาจำเรื่องที่เฉียนซีพูดกับเขาเมื่อครั้งนั้นได้ นางต้องการที่จะกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแดนซวนเทียน เพื่อจะได้กดศีรษะของมู่หลินหลางลง และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกแว่นแคว้น
หากใช้ชื่อของตนเอง มันก็อาจจะเป็นอันตรายมากเกินไป ทั้งศิษย์พี่และอาจารย์ต่างก็ไม่เห็นด้วย ดังนั้นนางจึงต้องสร้างชื่อปลอมขึ้นมาชื่อหนึ่ง
และชื่อปลอมชื่อนั้น ก็คือมู่เฉินซี
จะต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน มันคือตัวอักษรทั้งสามตัวนี้ ในที่สุดเฉียนซีก็กลับมาแล้ว
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ทำให้จูเชว่เอ่ยปากไหว้วานให้ปกป้องเป็นครั้งแรกได้นั้น จะเป็นนาง?
โม่ซวนกล่าวว่า “ตกลง ข้ารับปากจูเชว่ เจ้าออกไปเถอะ!”
“ขอรับ!”
หลังจากที่คนผู้นั้นจากไป ความปีติยินดีบนใบหน้าของโม่ซวนก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางกลับมาแล้ว ด้วยความสามารถของนาง คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน ที่จะทำให้ชื่อของมู่เฉินซีนี้ดังกังวานไปทั่วทั้งดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
หากเป็นนางแล้วละก็ แทบจะไม่ต้องใช้คำสั่งของจูเชว่ เขาก็พร้อมที่จะเก็บกวาดทำความสะอาดหินที่เหยียบอยู่เหล่านั้นให้เองอยู่แล้ว
หลังจากได้รับรายงานกลับมาแล้ว จูเชว่ก็กล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ดูเหมือนว่าหอหมอปีศาจจะมีความสำคัญต่อไป๋เจ๋อมากเลยจริง ๆ! เพียงแค่กล่าวถึงหอหมอปีศาจออกมา ไม่คิดเลยว่าเขาจะตอบรับเร็วเช่นนี้ มันช่างทำให้ข้าประหลาดใจมากเลยจริง ๆ!”
“เช่นนี้ข้าก็ทำงานได้อย่างวางใจแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งเหล่านี้อีก และสิ่งเหล่านี้ต่างก็จำเป็นที่จะต้องผ่านตาข้าทั้งนั้น”
เมื่อเห็นสิ่งของที่กองพะเนินเหล่านี้ จูเชว่ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา “ทำไมมันถึงได้มากมายถึงเพียงนี้? หากมากมายเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่ากี่วันกี่เดือนข้าถึงจะทำเสร็จ แล้วเมื่อไรข้าถึงจะไปหาซีซีได้กัน!”
เหตุใดตอนแรกถึงได้เลือกทำสิ่งเหล่านี้กันนะ เห็นได้ชัดว่ามีตัวเลือกอีกตั้งมากมาย เช่นเรื่องการทำการซื้อขายข้อมูลกับงานเบ็ดเตล็ดกองใหญ่ ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริง ๆ
ในชณะที่จูเชว่กำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่กับงานอย่างหนักหน่วง มู่เฉียนซีและไป๋จิ่งเยว่ก็ได้มาถึงเมืองซิงเหลยเรียบร้อยแล้ว
ความนิยมของไป๋จิ่งเยว่นั้นดีเป็นอย่างมาก ทันทีที่เข้าประตูเมืองมาก็มีคนเริ่มกล่าวทักทายเขาเต็มไปหมด
“สวัสดีขอรับคุณชายไป๋!”
“คุณชายไป๋ท่านก็มาที่เมืองซิงเหลยด้วย”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายไป๋มากที่พาข้ามาถึงเมืองซิงเหลย มื้อนี้ข้าเลี้ยงอาหารท่านเองก็แล้วกัน”
“อื้ม!” ไป๋จิ่งเยว่ไม่ได้ปฏิเสธ
หลังจากที่ทั้งสองคนรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้ตามไป๋จิ่งเยว่ไปยังหอคอยซิงเหลย
ค่าใช้จ่ายในการเข้าไปยังหอคอยก็คือหนึ่งหมื่นหยกซวน และมู่เฉียนซีก็จ่ายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็ไปทดสอบความสามารถ มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ด และผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก
“หอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต หอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต”
ที่นี่คือหอคอยคู่ และก็มีพื้นที่หอคอยเป็นสองส่วนพอดี
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ข้าไม่สามารถตรงไปยังหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตได้เลยเช่นนั้นหรือ?”
“ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนใดที่กล้าตรงไปยังหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตมาก่อน แม่นางน้อยรู้ความแตกต่างระหว่างผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตหรือไม่ ว่ามีมากน้อยเพียงใด? แม่นางอย่าได้ทะเยอทะยานมากเกินไปนักเลย ท่านมาที่นี่เป็นครั้งแรกใช่หรือไม่! ไปฝึกฝนหาประสบการณ์ที่หอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเสียก่อนเถิด แม้จะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต ทว่าความสามารถในหมู่พวกเขานั้นก็สูงมากเช่นกัน” คนรับสมัครผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “เท่าที่ข้าได้รู้มา ก็มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่ไปเข้าร่วมการประลองการต่อสู้บนสังเวียนของหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตด้วยเช่นกันนี่”
“มี! แต่นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของหอคอยซิงเหลย ก็มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพียงไม่กี่คนที่มีสิทธิ์ได้ขึ้นไป และคนเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ต่อสู้ข้ามขั้นที่แข็งแกร่งทั้งนั้น! จำเป็นที่จะต้องรักษาสถิติชนะการต่อสู้ติดต่อกันถึงหนึ่งร้อยครั้งในหอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต! ต้องชนะการแข่งขันการต่อสู้ติดต่อกันถึงหนึ่งร้อยครั้งโดยไม่พ่ายแพ้เลยสักครั้งเดียว หากมีการแข่งรอบใดที่พ่ายแพ้หรือว่าเสมอ ก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด แม้แต่ผู้ที่ทำภารกิจข้ามขั้นในตำนานหลายคนเหล่านั้นในตอนแรกก็ยังต้องใช้เวลาในการรักษาสถิติชนะติดต่อกันร้อยครั้งนี้เป็นเวลาหลายปีเลยทีเดียว”
ในเมื่อมีหนทางที่จะไปยังหอคอยของระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตแล้ว มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจที่จะไปยังหอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพื่อเป็นการฝึกซ้อมร่างกายก่อน
นางกล่าวว่า “ตกลง! เช่นนั้นข้าก็จะไปที่หอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต”
“นี่ก็คือป้ายสัญลักษณ์ของพวกท่านทั้งสอง โปรดเก็บเอาไว้ให้ดี! หอคอยซิงเหลยของพวกเรามีบริการต่าง ๆ ให้มากมาย มีห้องพัก อาหาร การบรรยายและยังมี…”
สถานที่แห่งนี้ได้ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายนอกไว้ทั้งหมดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ที่นี่น่าทึ่งมากเลยจริง ๆ!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว หอคอยซิงเหลยแห่งนี้เป็นกิจการของสมาคมการค้าเฉินซี และหัวหน้าของสมาคมการค้าเฉินซีก็เป็นบุคคลระดับตำนานที่เก่งกาจในการสร้างรายได้มากที่สุดอีกด้วย”
ในแง่ของพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง กองกำลังระดับห้าแห่งราชวงศ์ตงหวงและราชวงศ์เป่ยกงเป็นผู้ที่มีฐานะที่สูงส่งกว่า
แต่ทว่าในแง่ของเงินทอง สมาคมการค้าเฉินซีจะต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สมาคมการค้าเฉินซี มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริง ๆ”
ผู้ดูแลได้พามู่เฉียนซีไปยังหอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต เขากล่าวว่า “หอคอยซิงเหลยมีทั้งหมดสิบชั้น ผู้ที่ชนะติดต่อกันน้อยกว่าสิบครั้งจะอยู่ชั้นที่หนึ่ง จากนั้นก็จะขึ้นไปตามลำดับ ตอนนี้ข้าจะพาคุณหนูมู่ไปที่ชั้นแรกก่อน”
ตูมมม!
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในพื้นที่สนามประลอง ก็ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างรุนแรง บนสนามประลองในเวลานี้กำลังมีการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นอยู่
มีสนามประลองทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง และมันก็ได้ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ของผู้ที่มาเข้าชมการแข่งขันอย่างเนืองแน่น
ผู้ที่เข้าชมการแข่งขันมากมายต่างก็มาฝึกฝนหาประสบการณ์กันที่นี่ ทั้งยังมีพ่อแม่บางส่วนที่พาลูกน้อยมาชมการแข่งขันอีกด้วย
“คุณหนูมู่ วันนี้ท่านมาที่นี่เป็นวันแรก ดังนั้นจึงได้รับตั๋วในการเข้าชมแบบไม่เสียเงิน และแน่นอนว่าหากเป็นครั้งที่สองจะต้องเก็บค่าใช้จ่ายด้วย”
ค่าใช้จ่ายในพื้นที่ที่ชนะติดต่อกันสิบครั้งเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก เพียงแค่หนึ่งร้อยหยกซวนเท่านั้น แต่เมื่อยิ่งขึ้นไปชั้นที่สูงมากเท่าไรก็ยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น และระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตก็ยิ่งแพงมากขึ้นไปอีก
มู่เฉียนซีรู้สึกชื่นชมที่สมาคมการค้าเฉินซีสามารถทำเงินได้มากมายถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะไม่ไปยังที่นั่งคนดู แต่ข้าต้องการที่จะไปท้าสู้!”
“เอ๊ะ! แต่คุณหนูมู่เพิ่งจะมา ท่านไม่ต้องการที่จะดูเพื่อทำความคุ้นเคยกับความสามารถของคู่ต่อสู้สักหน่อยก่อน แล้วค่อยไปต่อสู้อย่างนั้นหรือขอรับ? หากเป็นเช่นนี้อาจจะถูกคัดออกอย่างง่ายดายก็เป็นได้”
“ไม่ต้องหรอก!”
เว้นแต่ว่านางจะเจอกับผู้บำเพ็ญภูตที่ต่อสู้แบบข้ามขั้นเหมือนอย่างนาง มิเช่นนั้นในหอคอยขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่นางอยู่แห่งนี้คงจะหาคู่ต่อสู้ด้วยได้ยาก
ตูมม!
ในตอนที่มู่เฉียนซีก้าวเท้าเข้าไปยังส่วนท้าประลอง บนสังเวียนการประลองมีดาบเล่มหนึ่งที่ถูกกวัดแกว่งไปมาอย่างอิสระ นักดาบผู้นั้นเปลี่ยนไปมาหลายกระบวนท่าเพื่อทำให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้ จนเขาได้รับชัยชนะมา
คนที่อยู่ในเขตท้าประลองการต่อสู้ค่อนข้างที่จะหวาดกลัวชายผู้นี้มากเลยทีเดียว ความสามารถของคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดแต่ก็สามารถใช้ดาบเล่มนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ซึ่งยากที่จะต่อกรได้!
“วันนี้ข้าชนะติดต่อกันมาเก้าครั้งแล้ว ชนะอีกเพียงแค่ครั้งเดียวก็ไปยังชั้นที่สองได้แล้ว มีผู้ใดกล้าสู้กับข้าบ้าง!”
คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างก็มีสถิติในการชนะการแข่งขันติดต่อกันหลายครั้ง จึงไม่อยากที่จะแพ้แล้วกลับไปเริ่มศูนย์ใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดยอมต่อสู้ด้วย
แต่ทว่าในเวลานี้ มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งก้าวเข้ามาในเขตท้าประลอง
คนผู้นี้เป็นหญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงที่ดูอ่อนแอมากคนหนึ่ง ทั้งยังมีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างมาก แต่เห็นได้ชัดว่าหวังฉงไม่ได้เป็นคนที่อ่อนโยนต่อต่อหญิงสาวเช่นนั้น เขาต้องการเพียงชัยชนะเท่านั้น!
หญิงสาวผู้นี้เหมือนว่าจะเพิ่งเข้ามาใหม่ น่าจะไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงชี้นิ้วไปที่มู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่ดุดันพลางกล่าวว่า “คนที่มาใหม่ ก็คือเจ้านั่นแหละ! มาสู้กับข้าสักรอบสิ!”
ผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา!
“หวังฉงไร้ยางอายเกินไปแล้ว! เพื่อที่จะได้รับชัยชนะติดต่อกันสิบครั้ง ถึงขั้นต้องรังแกแม่นางน้อยที่มาใหม่ผู้นี้ด้วยหรือ”
“เจ้าหมอนี่จะโชคดีเกินไปหน่อยแล้ว! มาเจอคนที่มาใหม่ในเวลาเช่นนี้ การชนะสิบครั้งติดต่อกันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยไปเลย”
“……”
คนที่อยู่ในเขตท้าประลองบางคนก็ด่าทอหวังฉง และก็มีบางคนที่อิจฉาในความโชคดีของหวังฉงด้วย
ผู้ดูแลคนนั้นดึงมู่เฉียนซีไว้เพื่ออยากที่จะกล่าวปฏิเสธให้มู่เฉียนซี แต่ไม่คาดคิดเลยว่านางจะตอบรับเร็วกว่าเขาไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
“เอาล่ะ! ข้าจะสู้กับเจ้าสักครั้งหนึ่ง!”
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง “แม่นางน้อยผู้นั้นตอบรับแล้วจริง ๆ! นางเพิ่งจะมาถึง จะต้องยังไม่ได้เห็นทักษะการใช้ดาบที่ดุดันของหวังฉงเมื่อครู่นี้เป็นแน่!”
“แม่นางน้อยที่งดงามผู้นี้มาหอคอยซิงเหลยเป็นครั้งแรกก็มาพบกับคนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้เสียแล้ว ช่างโชคร้ายเสียจริง ๆ”
“แม่นางน้อยผู้งดงาม ข้าหวังว่าสัตว์ร้ายอย่างหวังฉงผู้นี้จะรู้จักอ่อนโยนต่อหญิงสาวสักหน่อยนะ!”