ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1794 ดูจบแล้วค่อยไป
“ศิษย์พี่หญิง คุณชายจิ่งเยว่เป็นคนที่ดีมาก อีกทั้งเขาก็ดีต่อทุกคนด้วย! ทว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะสมกับคุณชายจิ่งเยว่อย่างสิ้นเชิง และมีเพียงศิษย์พี่หญิงเท่านั้นที่เหมาะสม!” แม่นางน้อยในชุดชมพู่ผู้นั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ต่อไปอย่าพูดจาไร้สาระเช่นนี้อีก มิเช่นนั้นข้าจะส่งเจ้ากลับสำนักไปเสียเลย!” นางกล่าวอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย
“เอาล่ะ ๆ! ศิษย์พี่หญิงท่านเขินง่ายเกินไปแล้ว”
ขณะที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันของชั้นที่สิบกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น นักดาบที่อยู่บนเวทีผู้นั้นก็ได้กลายเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว
เขากล่าวว่า “ข้าชนะติดต่อกันมาเก้าสิบสี่ครั้งแล้ว ยังสามารถสู้ได้อีกรอบ พวกเจ้าผู้ใดกล้ามาสู้กับข้าบ้าง?”
คนอื่นยังคงพิจารณาอยู่ และต่างก็กำลังคาดการณ์อยู่ว่า ตนเองจะสามารถเอาชนะคนตรงหน้านี้ได้หรือไม่ ทว่ามู่เฉียนซีกลับยืนขึ้นอย่างไม่ต้องคิดพลางกล่าวว่า “ข้าจะสู้!”
และภายในชั่วพริบตา มู่เฉียนซีก็มาถึงยังสังเวียนการประลองแล้ว
“แม่นางผู้นั้นก็คือคนที่เข้าที่มาใหม่ หรือว่าจะเป็นมู่เฉินซีผู้นั้น!”
“เพียงแค่ครึ่งวันก็มาถึงชั้นที่สิบ อีกทั้งยังขึ้นมาแต่ละชั้นด้วยการต่อสู้ที่ไม่ได้หยุดพักด้วย วิถีเช่นนี้จะเป็นผู้ใดไปได้นอกจากนาง?”
“ชั้นด้านล่างอีกเก้าชั้นจะไม่พักก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ชั้นที่สิบก็จะไม่พักด้วย เมื่อถึงตอนที่พ่ายแพ้ นางก็ต้องกลับไปชั้นที่หนึ่งใหม่อีกครั้ง”
“เร่งรีบมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งเร่งขึ้นไปสูงมากเท่าไร ตอนที่ตกลงไปก็จะยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น”
เมื่อต้วนจื้อได้เห็นหญิงสาวผู้นี้ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย เขากล่าวว่า “แม่นางมู่ ข้าต้วนจื้อนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่งดงามถึงเพียงนี้ ทว่าข้าก็ไม่อยากที่จะตกลงไปเริ่มใหม่เช่นกัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ข้าทำให้เจ้าต้องขุ่นเคืองก็อย่าได้ถือสาข้าเลย!”
แม่นางน้อยในชุดสีชมพูที่นั่งอยู่ฝั่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันผู้นั้นกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าคนโง่เง่าผู้นั้นตาบอดไปแล้วหรืออย่างไร! สวยหรือ ศิษย์พี่หญิงของข้าสวยกว่าหญิงสาวผู้นั้นเสียอีก”
ศิษย์พี่หญิงของนางกล่าวปลอบโยนว่า “แดนซวนเทียน ศิลปะการต่อสู้เป็นสิ่งที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุด ถึงจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร ก็ล้วนเป็นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น”
ดาบของต้วนจื้อมีความเฉียบคมเป็นอย่างมาก เมื่อกวัดแกว่งดาบผ่านไปก็เกิดร่องรอยราวกับสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าเมื่อต้องมาเจอคนที่มีความรวดเร็วมากอย่างมู่เฉียนซี ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีของต้วนจื้ออย่างแผ่วเบา ต้วนจื้อจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง ความรวดเร็วของแม่นางมู่นั้นเร็วเป็นอย่างมาก เช่นนั้นพวกเราก็มาแข่งกันเถิดว่าความเร็วราวกับสายลมของเจ้าหรือว่าดาบของข้าจะเร็วกว่ากัน!”
พัดวิหคเฟิงหลิงได้กลายรูปร่างเป็นกระบี่หยก และทันใดนั้นทักษะวิญญาณธาตุวายุก็ระเบิดออกมา
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
สองกระบี่สองกระบวนท่า ความเร็วที่เร็วถึงขีดสุด และยังไม่ทันรอให้ต้วนจื้อได้โต้กลับ เขาก็ได้ถูกสายลมปกคลุมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
ดาบยาวร่ายรำ พร้อมกับที่ต้วนจื้อคิดอยากที่จะทำลายสิ่งจองจำนี้ให้พังทลายลง แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็ได้กวัดแกว่งกระบี่เข้ามาอีกครั้ง
“พลังวายุจันทราไร้คู่”
ปัง!
ทันทีที่ร่างกายอันแข็งแกร่งของต้วนจื้อปะทะเข้ากับกระบวนท่านี้ ตัวของเขาก็กระแทกลงไปบนพื้นของสนามประลองอย่างแรง
“งดงาม ชนะได้อย่างงดงามเป็นอย่างมาก”
“ยอดเยี่ยมเลย!”
ต้วนจื้อพ่ายแพ้แล้ว และผู้คนมากมายต่างก็ปรบมือให้มู่เฉียนซี
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกชนะผู้ที่เหนือกว่าถึงระดับสาม นางได้เอาชนะผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดคนหนึ่งได้ ทั้งยังได้รับชัยชนะมาอย่างงดงาม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากจริง ๆ
หญิงสาวชุดสีชมพูผู้นั้นกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ต้วนจื้อก็เพียงแค่อ่อนแอเกินไปเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นเก่งกาจตรงไหนกัน หากเก่งกาจจริง ๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะฝึกฝนมาถึงแค่ขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกเท่านั้น ศิษย์พี่หญิงว่าใช่หรือไม่?”
ผลก็คือในเวลานี้ศิษย์พี่หญิงของนางมองไปทางร่างสีม่วงนั้น พร้อมกับความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นในแววตา
แม้ว่าต้วนจื้อจะพ่ายแพ้ ทว่าเขาก็ชื่นชมมู่เฉียนซีด้วยความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก
เขากล่าวว่า “หลังจากที่ยากลำบากมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ กลับต้องเจอกับความพ่ายแพ้จนต้องลงไปเริ่มใหม่อีกครั้ง แต่ข้าก็พ่ายแพ้ด้วยความเต็มใจ แม่นางมู่ เจ้าช่างยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
“แต่ข้าไม่ยอมไปง่าย ๆ หรอก ข้าจะไปที่ที่นั่งของผู้ชมเพื่อชมการแข่งขันก่อน แม้ว่าข้าจะพ่ายแพ้ แต่ข้าก็จะดูการประลองทั้งหมดของแม่นางมู่ให้จบเสียก่อนแล้วค่อยไป!”
ต้วนจื้อเดินออกจากสังเวียนการประลอง ทั้งยังไปนั่งอยู่ข้างกายของไป๋จิ่งเยว่อีกด้วย และจากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “คุณชายจิ่งเยว่ แม่นางมู่ผู้งดงามผู้นี้คงไม่ใช่คู่หมั้นของเจ้าหรอกใช่หรือไม่?”
คู่หมั้น! ไป๋จิ่งเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวตอบทันทีว่า “ไม่ใช่! แม่นางมู่เป็นเพียงแค่เพื่อนข้าเท่านั้น”
“ไม่ใช่คู่หมั้นของท่าน เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมไปเลย ถ้าอย่างนั้นข้าก็มีโอกาสแล้วสินะ ฮิ ฮิ ฮิ! ” ต้วนจื้อกล่าวพลางหัวเราะ
มู่เฉียนซีต้องการที่จะประลองฝีมือต่อ แต่ทว่าคนอื่นกลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
พวกเขาต่างก็เป็นคนที่ได้รับชัยชนะติดต่อกันมามากกว่าเก้าสิบครั้งแล้ว หากพ่ายแพ้ก็ต้องไปเริ่มต่อสู้ใหม่อีกรอบ จึงไม่มีผู้ใดที่จะยอมล้มเหลวหลังจากพยายามานาน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องรอบคอบให้มาก
แต่ทว่า หากไม่ต่อสู้ คนอื่นคงจะคิดว่าระดับสุดยอดผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตอย่างพวกเขาหวาดกลัวคลื่นลูกใหญ่ที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกคนหนึ่ง ซึ่งนั่นมันก็จะน่าขายหน้ามากเกินไป!
จากนั้นก็ได้มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งเดินไปทางสังเวียนการประลองพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง!”
เขารู้ว่าความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วมาก ดังนั้นทันทีที่ผู้ดำเนินการประลองประกาศให้เริ่มการประลอง เขาก็ได้พุ่งหมัดจำนวนนับไม่ถ้วนใส่เข้าไปก่อน
เสียงทะลุผ่านอากาศนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาใกล้ จากนั้นอากาศก็แหวกออก และล้อมบริเวณโดยรอบของมู่เฉียนซีเอาไว้อย่างแน่นขนัด
มู่เฉียนซีไม่ได้หลบหลีก ทั้งยังโจมตีกลับเข้าไปโดยตรงอีกด้วย พัดวิหคเฟิงหลิงได้กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วนแล้วพุ่งเข้าไปโจมตี
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
โครมมม!
พลังหมัดที่ทรงพลังเหล่านั้น ถูกสายลมที่รุนแรงทำลายลงไปแล้ว
และแน่นอนว่าชายร่างใหญ่ผู้นั้นไม่อาจยอมแพ้ได้ หมัดที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นของเขาก็พุ่งโจมตีลงมาจากเหนือศีรษะของมู่เฉียนซี และมู่เฉียนซีก็ได้กางพัดวิหคเฟิงหลิงออกเพื่อรับการโจมตี
ตูมมมม!
พวกเขาปะทะฝีมือกันด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งเช่นนี้หลายสิบครั้ง
“เห็นได้ชัดว่าระดับไม่ได้สูงนักแต่กลับเลือกที่จะเข้าปะทะโดยตรง ความสามารถแตกต่างมากถึงเพียงนั้น นางไม่กลัวที่จะได้รับความพ่ายแพ้โดยไม่ระมัดระวังเลยหรืออย่างไร?”
“ข้ารู้สึกว่านางไม่เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้เลย และไม่เคยคิดว่านางจะพ่ายแพ้ด้วย!”
ลมพายุโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง และพัดชายร่างใหญ่ผู้นั้นลอยละลิ่วออกไปจากสังเวียนการประลอง
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็ได้รับชัยชนะอีกครั้ง และชนะติดต่อกันถึงเก้าสิบสองครั้งแล้ว
มู่เฉียนซียังต้องการที่จะประลองต่อไป พวกเขาเดาออกแล้วว่ามู่เฉียนซีต้องการที่จะทำการชนะติตต่อกันร้อยครั้งให้สำเร็จในคราวเดียว ซึ่งนี่มันจะวิปริตเกินไปแล้ว
คนที่อยู่ในพื้นที่เข้าร่วมการแข่งขันมากมายต่างพากันรวมตัวและพูดคุยปรึกษากันขึ้นมา “คงมีหนทางเดียวแล้ว พวกเราต้องเสียสละคนสองสามคน ไม่ใช่เพื่อให้ได้รับชัยชนะ แต่เพื่อที่จะผลาญพลังวิญญาณของนาง เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะมีโอกาสเอาชนะนางได้บ้าง”
“หากอยากที่จะชนะก็ต้องมีการเสียสละ ด้วยความสามารถของพวกเจ้าหลายคน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถขึ้นมาที่นี่ได้แล้ว หากว่าโชคดีละก็นะ”
“ตัดสินใจเช่นนี้ก็แล้วกัน”
หลังจากที่ขึ้นมาห้าคนติดต่อกัน ซึ่งแต่ละคนก็มีข้อได้เปรียบของตนเอง และพวกเขาก็ล้วนเป็นจอมภูตพลังธาตุด้วยกันทั้งนั้น วิธีการต่อสู้ของพวกเขาเจ้าเล่ห์มาก ทั้งจงใจที่จะยื้อเวลา และจงใจที่จะผลาญพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีด้วย
คนที่อยู่ทางฝั่งผู้ชมก็สังเกตเห็นสิ่งเล็กน้อยนี้แล้วเช่นกัน “พวกเขาไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือ! มากลั่นแกล้งแม่นางน้อยที่ขึ้นมาใหม่ด้วยสงครามล้างผลาญเช่นนี้”
“หากไม่สู้แบบสงครามล้างผลาญก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แม่นางมู่แข็งแกร่งมาก หากไม่ต่อสู้อย่างบ้าระห่ำแล้วละก็ คาดว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งการเอาชนะติดต่อกันอีกสิบครั้งของแม่นางมู่ได้แน่”
“ก็ใช่…”
ปัง ปัง ปัง!
และทั้งห้าคนนี้ก็ได้พ่ายแพ้ไปทีละคน แต่ทว่าพวกเขาก็สามารถที่จะยืนหยัดได้เป็นเวลาค่อนข้างนานเลยทีเดียว
และตอนนี้มู่เฉียนซีก็ชนะถึงเก้าสิบเจ็ดครั้งติดต่อกันเป็นที่สำเร็จแล้ว แต่ทว่าเมื่อมองจากสีหน้าของนางแล้ว ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณจะไม่ได้ถูกใช้ไปมากมายเท่าไรนัก
นี่มันเป็นเรื่องโกหก!
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกคนหนึ่งที่ใช้ทักษะวิญญาณและอาวุธวิญญาณที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ทว่าพลังวิญญาณกลับถูกเผาผลาญไปช้ามาก นี่มันผิดปกติเกินไปหน่อยหรือไม่?
แม้ว่าทักษะวิญญาณจะดูแข็งแกร่ง แต่แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่นิรันดร์เป็นผู้สร้างเอาไว้ นางครอบครองพลังวิญญาณธาตุวายุที่แข็งแกร่งที่สุด และใช้ทักษะวิญญาณที่เจ้าแห่งวายุอย่างนิรันดร์เป็นผู้สร้างขึ้น พลังวิญญาณที่ใช้ยังน้อยกว่าทักษะวิญญาณที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดเสียอีก
ซึ่งมันก็เป็นหลักการเดียวกันกับการใช้พัดวิหคเฟิงหลิง แม้ว่ามู่เฉียนซีจะอยู่ในระดับต่ำ ทว่าธาตุวายุที่ยอดเยี่ยมก็ได้มาชดเชยข้อด้อยนี้ให้อย่างระมัดระวัง
บวกกับการฝึกฝนที่อยู่ภายใต้คำแนะนำของนิรันดร์ ทำให้มู่เฉียนซีสามารถควบคุมทักษะวิญญาณธาตุวายุทั้งหมดได้อย่างเชี่ยวชาญ และไม่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย
“ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นกำเริบเสิบสานต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ศิษย์พี่หญิง ข้าจะไปสั่งสอนนางเอง!” หญิงสาวในชุดสีชมพูกล่าวพลางลุกยืนขึ้น