ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1799 ความสามารถทั้งหมด
มู่เฉียนซีตอบรับการประลองครั้งที่สองด้วยความยินดี และยังเป็นลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่เช่นเคย
อีกฝ่ายออกกระบวนท่าที่ดุดันรุนแรงออกมา ส่วนมู่เฉียนซีก็รับกระบวนท่านั้นได้เป็นอย่างดี สุดท้ายเลือดก็สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ และนางก็สามารถจัดการไปได้อีกคนแล้ว
สำนักหลินเยว่จะกล้ำกลืนความเดือดดาลเช่นนี้ลงไปได้อย่างไร พวกเขาได้ส่งคนขึ้นไปจัดการกับมู่เฉียนซีซ้ำแล้วซ้ำเล่า และผลสุดท้ายคือ การที่ไม่ทันระวังจนปล่อยให้มู่เฉียนซีทำสถิติชนะติดต่อกันสิบครั้งของชั้นแรกได้สำเร็จ
“โอ้พระเจ้า! ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนนี้แข็งแกร่งมากจริง ๆ!”
“หากไม่แข็งแกร่งจะสามารถใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว ในทำสถิติชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งจากหอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต จนมาถึงหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตของพวกเราได้อย่างไรกันล่ะ!”
“โชคดีที่คนจากสำนักหลินเยว่เหล่านั้นรีบร้อนดาหน้ากันเข้าไปอย่างโง่เขลา มิเช่นนั้นคงจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเราที่ต้องพ่ายแพ้ไปแล้วเป็นแน่”
ในหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่งด้วยกันทั้งนั้น และผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่งของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นก็มีความสามารถที่แข็งแกร่งมากที่สุดในหมู่พวกเขา ซึ่งแต่ละคนก็ได้พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉียนซีไปอย่างไม่มีข้อกังขาเลยแม้แต่น้อย ส่วนคนอื่นต่างก็รู้สึกว่าหากสู้กับนางไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
และเมื่อคนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันก็ต้องกัดฟันด้วยความโมโห “ผู้หญิงคนนั้นช่างสมควรตายจริง ๆ! สามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดดับหนึ่งได้ไม่เห็นจะเท่าไรเลย หากกล้าขึ้นมาอยู่ชั้นที่สองของหอคอย นางจะต้องตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่”
แต่ทว่าเพียงไม่นาน มู่เฉียนซีก็ขึ้นมายังชั้นที่สองของหอคอยระดับขั้นปราชญ์แห่งภูตแล้ว และพวกคนจากสำนักหลินเยว่ก็เข้ามาท้าประลองอย่างกระตือรือร้น ราวกับกลัวว่าจะถูกผู้อื่นแย่งชิงไปเสียก่อน
หญิงสาวผู้นี้สามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่งได้ พวกนางไม่เชื่อว่าด้วยความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสองจะไม่อาจทำอะไรนางได้
ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า พวกนางจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริง ๆ
ความรวดเร็วของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วมาก และหลังจากที่ท้าประลองครบสิบครั้งบนชั้นที่สอง แม้แต่ชายเสื้อของมู่เฉียนซีพวกเขาก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้เลยด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาก็คือ ตอนที่อยู่หอคอยระดับขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต ไม่ว่าอย่างไรมู่เฉินซีก็ยังคงใช้อาวุธวิญญาณอยู่ตลอด แต่ทว่าเมื่อต่อสู้กับพวกนางแม้แต่อาวุธวิญญาณก็ไม่ใช้ นี่นับว่าเป็นการดูถูกพวกนางอย่างสมบูรณ์!
ต่อมาก็ได้ขึ้นไปยังชั้นที่สาม ชั้นที่สี่ และชั้นที่ห้า คนของสำนักหลินเยว่ทำให้จำนวนคนที่ต้องท้าประลองกับมู่เฉียนซีสิบคนเต็มในทุกชั้น แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเอาชนะมู่เฉียนซีได้เลย และทั้งหมดก็ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยินด้วยน้ำมือของมู่เฉียนซีอีกด้วย
ในเวลานี้ มู่เฉียนซีได้ทำสถิติชนะติดต่อกันห้าสิบครั้งได้สำเร็จแล้ว อีกทั้งยังขึ้นไปถึงชั้นที่หกแล้วด้วย
นางต่อสู้มาจนถึงแค่ชั้นที่หกเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงของหอคอยซิงเหลยไปเสียแล้ว สุดท้ายแล้วความสามารถในการต่อสู้แบบก้าวกระโดดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทั่วทั้งหอคอยซิงเหลยก็มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถทำได้
ในเวลานี้มู่เฉียนซีกำลังยืนอยู่บนสังเวียนการประลอง และคู่ต่อสู้ของนางก็เป็นลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่อีกครั้ง
“มู่เฉินซีขึ้นไปต่อสู้อีกแล้ว คู่ต่อสู้คนต่อไปที่นางจะต้องเผชิญหน้าก็คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหก ซึ่งคนผู้นั้นมีระดับที่สูงกว่านางอย่างสิ้นเชิง แล้วครั้งนี้นางจะสามารถเอาชนะได้อีกหรือ?”
“หากสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีระดับที่สูงกว่ามากได้แล้วละก็ เช่นนั้นนางก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูง ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้นำพัดวิหคเฟิงหลิงออกมาอีกครั้ง
“เอาอาวุธออกมาแล้วหรือ ดูเหมือนว่าการประลองครั้งนี้แม้แต่มู่เฉินซีก็ยังต้องรับมืออย่างรอบคอบเช่นกัน” ทุกคนต่างบ่นพึมพำขึ้นมา
เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที
ทั้งสองต่างก็เป็นจอมภูตพลังวิญญาณธาตุวายุ การต่อสู้ครั้งนี้มีคนที่มองออกว่าทั้งคู่เป็นผู้เชี่ยวชาญธาตุวายุ แต่หญิงสาวที่เป็นลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่นั้นด้อยกว่ามู่เฉินซีเป็นอย่างมาก
“อยู่ภายใต้พลังวิญญาณธาตุเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่ามู่เฉินซีเลย!”
“ข้ารู้สึกว่าแม่นางพวกนั้นกำลังจะพ่ายแพ้แล้ว!”
“คิ คิ คิ! พ่ายแพ้จริง ๆ ด้วย ข้าสามารถเป็นนักพยากรณ์ได้แล้วสินะ”
และลูกศิษย์สาวของสำนักหลินเยว่ที่พ่ายแพ้ผู้นั้นก็มืดมนลงเป็นอย่างมากทันที นางแพ้ด้วยน้ำมือของผู้บำเพ็ญภูตพลังวิญญาณธาตุเดียวกัน และนางก็ถูกกดดันจากทั่วทุกหนแห่ง จนรู้สึกอึดอัดใจ
“มีคนแข็งแกร่งที่ต่อสู้กับคนที่เหนือกว่าได้แล้วจริง ๆ! ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง!”
“ปีศาจ! ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มาเพื่อโจมตีความมั่นใจของเราเป็นแน่”
“……”
มู่เฉียนซีเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเหนือกว่าเหล่านี้ได้ ซึ่งดึงดูดให้แต่ละคนพากันพูดคุยเป็นวงกว้าง
ในเวลานี้สำนักหลินเยว่ไม่ปล่อยให้จอมภูตพลังวิญญาณธาตุวายุได้ออกโรงอีกแล้ว แต่ได้ส่งจอมภูตพลังวิญญาณธาตุอื่นออกมาแทน และหลังจากที่ผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมาเก้าครั้ง สำนักหลินเยว่ก็ไม่อาจแก้แค้นได้สำเร็จ ทั้งยังต้องพ่ายแพ้ด้วยฝีมือของมู่เฉียนซีอีกครั้งด้วย
“ชนะติดต่อกันหกสิบครั้งแล้ว! หกสิบครั้ง!”
“ผิดปกติเกินไปแล้ว!”
เมื่อมู่เฉียนซีขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ด ก็พบว่าไป๋จิ่งเยว่ได้รอนางอยู่ที่นั่นแล้ว
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วย! แม้จะรู้อยู่แล้วว่าความสามารถของแม่นางมู่ไม่แพ้ข้า แต่ข้าก็ยังประหลาดใจที่เจ้าสามารถมาถึงชั้นที่เจ็ดได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้อยู่ดี”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “หากว่ามีความสนใจแล้วละก็ อีกครู่ค่อยมาประลองกับข้าสักรอบดีหรือไม่?”
มาเข้าร่วมการประลองของหอคอยที่หอคอยซิงเหลย แม้ว่าจะทำให้สำนักหลินเยว่ขายหน้าได้อย่างราบรื่น ทว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือมาเพื่อยกระดับความสามารถของตนเอง
สำหรับคนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้น มีดีแต่เปลือกมากเกินไป และมันก็ไม่ได้ช่วยยกระดับความสามารถของนางได้มากเท่าไรนัก แต่หากเป็นไป๋จิ่งเยว่ก็ถือว่าดีมากเลยทีเดียว
ไป๋จิ่งเยว่ตอบกลับมาว่า “ข้าก็อยากที่จะเรียนรู้จากแม่นางมู่เช่นกัน”
ในเวลานี้ลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่กำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียด “ตรวจสอบได้หรือยังว่าที่จริงแล้วมู่เฉินซีผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”
“ไม่พบสิ่งใดเลย คนผู้นี้ราวกับปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าอย่างไรอย่างนั้น”
“ผู้ที่สามารถต่อสู้กับคนที่อยู่ในระดับเหนือกว่าได้ที่พวกเราเคยพบเจอมาก็มีแต่คนที่ชื่อว่ามู่เฉียนซีของอาณาจักรหนานหลิงผู้นั้นเท่านั้น แต่นางก็ได้ถูกจัดการไปแล้ว และตอนนี้ก็ดันมีอีกคนโผล่ออกมาอีก”
“นี่มันจะบังเอิญมากเกินไปแล้ว! หรือว่านางอาจจะเป็นมู่เฉียนซีก็เป็นได้?”
“เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีชีวิตรอดจากการตกลงไปในรอยแยกของมิติ และถึงแม้ว่าจะมีชีวิตรอดแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเลื่อนระดับขึ้นมาถึงสองขั้นได้ภายในเวลาอันสั้นเท่านี้ อีกทั้งมู่เฉียนซียังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังวิญญาณธาตุวิญญาณคู่ธาตุวารีอัคคีอีกด้วย แต่มู่เฉินซีผู้นี้กลับเป็นจอมภูตพลังวิญญาณธาตุวายุ แน่นอนว่ามันย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!”
“ไม่ว่านางจะเป็นผู้ใดก็ตาม เราจำเป็นที่จะต้องจัดการให้เร็วที่สุด! เราไม่อาจที่จะปล่อยหญิงแก่นแก้วผู้นี้มาทำให้องค์หญิงหลินหลางไม่พอพระทัยได้”
“ถูกต้องแล้ว! ในชั้นเจ็ดนี้พวกเราจะต้องจัดการนางให้ได้”
ทว่าในตอนที่พวกนางเตรียมตัวที่จะต่อสู้กับมู่เฉียนซีกันเป็นอย่างดี แต่ผลกลับกลายเป็นว่าต้องมาเจอการท้าประลองของคุณชายจิ่งเยว่เสียได้
คุณชายจิ่งเยว่ได้เลือกท้าประลองกับคนจากสำนักหลินเยว่โดยเฉพาะ ซึ่งนั่นก็ทำให้เหล่าลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่ต่างพากันตกตะลึงกันอย่างถ้วนหน้า
ไป๋จิ่งเยว่หมายความว่าอย่างไรกัน?
ในตอนนี้ไป๋จิ่งเยว่ได้ทำสถิติชนะติดต่อกันหกสิบเก้าครั้งสำเร็จแล้ว หญิงสาวที่พ่ายแพ้การต่อสู้ก็กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “คุณชายจิ่งเยว่ ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ท่านจงใจที่จะรังแกหญิงสาวจากสำนักหลินเยว่ของพวกเราโดยเฉพาะใช่หรือไม่?”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวพลางยิ้มอย่างอบอุ่นว่า “แม่นางหวาง ต้องขอโทษด้วย! ข้าเพียงแค่ไม่ต้องการให้ลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่มาแย่งคู่ต่อสู้ของข้า เช่นนั้นทางที่ดีคือข้าจะต้องเอาชนะพวกเจ้าเสียก่อน”
แย่งคู่ต่อสู้ของเขาเช่นนั้นหรือ คุณชายจิ่งเยว่ผู้นี้คิดว่าใครคือคู่ต่อสู้กัน
ในเวลานี้ร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็พุ่งไปยังสังเวียนการประลองแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไป๋จิ่งเยว่ เจ้านี่เหลือเกินจริง ๆ! ความจริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้เลย”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวพลางยิ้มจาง ๆ “แค่ทำเรื่องที่สามารถทำได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น”
ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล “ที่แท้แล้วคุณชายจิ่งเยว่ต้องการที่จะต่อสู้กับมู่เฉินซีสักครั้ง จึงได้ท้าประลองกับคนของสำนักหลินเยว่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้”
“ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า คนของสำนักหลินเยว่ในแต่ละชั้นต่างก็จ้องแต่จะท้าประลองกับมู่เฉินซี”
“……”
ในเวลานี้คนของสำนักหลินเยว่ทั้งหมดต่างก็จ้องมองมาที่มู่เฉียนซีด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ มู่เฉียนซีเพิกเฉยแล้วหันไปกล่าวกับไป๋จิ่งเยว่ด้วยรอยยิ้มว่า “โปรดให้คำชี้แนะด้วย!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “ข้าจะเอาความสามารถทั้งหมดของข้าออกมาแน่นอน”
ต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกคนหนึ่ง ไม่คาดคิดเลยว่าคุณชายจิ่งเยว่จะถึงกับต้องงัดเอาความสามารถทั้งหมดของเขาออกมา
ผู้คนต่างแอบกล่าวว่า “ดูท่าแล้วเขาจะให้เกียรติมู่เฉินซีผู้นี้เป็นอย่างมาก!”