ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1801 ผู้เป็นอาจารย์ดีใจ
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมาเร็ว เจ้าจะตกใจไปทำไมกัน!”
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ศิษย์ของสำนักหลินเยว่ผู้นี้ต่อสู้อยู่บนลานประลองเพียงไม่กี่อึดใจก็ถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนพ่ายแพ้ไปอย่างไร้ความปรานี
มู่เฉียนซียิ้มมุมปากเย้ยหยัน จากนั้นก็ท้าประลองต่อไป!
“ศิษย์สำนักหลินเยว่ ฝีมือช่างอ่อนด้อยยิ่งนัก!”
ทุกคนแอบคิดในใจว่า มู่เฉียนซีผู้นี้ช่างบังอาจยิ่งนัก ตัวคนเดียวแต่กลับกล้าท้าทายสำนักหลินเยว่เช่นนี้ พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน เพิ่งจะเคยเจอก็นางผู้นี้นี่แหละ
คนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นต่างก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้ว แต่ละคนเผยจิตสังหารออกมา ทว่า แต่ละคนที่ขึ้นมาประลอง ล้วนแต่พ่ายแพ้ให้แก่มู่เฉียนซีทั้งสิ้น!
มู่เฉียนซีชนะติดต่อกับสิบสนามในชั้นเจ็ด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่วมประลองถึงสิบคน แต่ก็ร่วมประลองถึงเก้าคน
หลังจากประลองจบ มู่เฉียนซีก็ยังคงพักผ่อนอยู่ที่ชั้นเจ็ดก่อน ในห้องพักอันเรียบหรู นิรันดร์อ้าแขนสองทั้งสองข้างพลางเดินเข้ามาหานาง
มู่เฉียนซียกขาขึ้นหมายจะถีบสั่งสอนเจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้สักเล็กน้อย เมื่อนิรันดร์เห็นเช่นนั้นก็ตกใจรีบเอียงกายหลบทันที
“ศิษย์ที่รักของข้า นี่เจ้าจะฆ่าอาจารย์ตัวเองหรืออย่างไรกัน?”
“ก็เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนี่!”
“อาจารย์อย่างข้าจะดีใจไม่ได้หรือ? ในเมื่อวันนี้ศิษย์ที่รักของข้าทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว ไม่เพียงแต่จะทะลวงพลังวิญญาณได้เท่านั้น แต่ยังสร้างทักษะวิญญาณพลังธาตุวายุได้เองอีกด้วย ฮ่า ๆ ๆ! แม้แต่มังกรวารีกับเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นก็ให้เจ้าไม่ได้ การตอบแทนเช่นนี้ ข้าช่างซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ทักษะวิญญาณพลังธาตุวายุนั้นไม่ได้มีปัญหาอันใดใช่หรือไม่?”
“ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ มีอาจารย์อย่างข้าอยู่ด้วย มันก็ไม่มีปัญหาแล้ว!” นิรันดร์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ แต่น่าเสียดายที่มู่เฉียนซีไม่ได้หลงกลในความงดงามของเขา
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังพักผ่อนอยู่นั้น ไป๋จิ่งเยว่ก็กลับมาที่ชั้นเจ็ดอีกครั้ง เขาตรงมาหามู่เฉียนซีทันที
มู่เฉียนซีเอ่ยทัก “คุณชายไป๋”
“แม่นางมู่ เจ้ามีแผนการอันใดต่อ?”
“มาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งในหอคอยซิงเหลย พัฒนาการควบคุมทักษะวิญญาณให้แข็งแกร่งขึ้น เก็บประสบการณ์การต่อสู้สนามจริง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำสำเร็จแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะคุณงามความดีของเจ้า ข้าไม่ได้คิดที่จะท้าประลองในชั้นที่แปดอีก ฉะนั้น ข้าตั้งใจจะไปจากที่นี่แล้ว”
ในชั้นที่แปด นางไม่มีทางแพ้แน่นอน เนื่องจากความเร็วและการป้องกันไม่สามารถทะลวงขั้นมหาจักรพรรดิระดับแปดได้ และทำได้เพียงแค่ใช้วิธีทำให้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียพลังวิญญาณเพื่อเอาชนะก็เท่านั้น ซึ่งสำหรับนางแล้วไม่ได้มีความหมายมากมายนัก อีกอย่างยังต้องเปิดเผยไพ่ตายของตนเองอีก
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “ข้าเองก็จะไปจากที่นี่พอดี เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเลย!”
“คุณชายไป๋กำลังเป็นห่วงข้าอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“มีข้าอยู่ ในสำนักหลินเยว่ผู้คนยังต้องสำรวมสักหน่อย”
ไป๋จิ่งเยว่รู้ดีว่านางไม่มีทางไว้หน้าสำนักหลินเยว่อย่างแน่นอน ศิษย์ของสำนักหลินเยว่ที่อยู่ในหอคอยซิงเหลยเหล่านี้ล้วนแต่อับอายขายหน้าไปทั้งสิ้น หากบอกว่าพวกเขาจะปล่อยนางไปนั้น คงไม่มีแม้แต่ผีตนใดจะเชื่อ
“จูเชว่บอกว่าเจ้าเป็นคนที่มีคุณธรรมมากคนหนึ่ง เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูท่าจะเป็นอย่างที่จูเชว่พูดเอาไว้ไม่มีผิด” มู่เฉียนซีกล่าว
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “อันที่จริงข้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดคิดไปเองเสียมากกว่า จะดีกับใคร ข้าก็ต้องดูคน ข้าชื่นชมแม่นางมู่มาก ไม่อยากให้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับแม่นาง”
“อันที่จริงแล้ว การที่ข้าจะออกไปจากหอคอยซิงเหลยนี้ ข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อ อยากออกไปเลี้ยงของอร่อย ๆ เจ้าสักหน่อย เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็ช่วยชี้แนะข้าด้วยล่ะ” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
“ตกลง!”
มู่เฉียนซีกับไป๋จิ่งเยว่จะออกไปจากหอคอยซิงเหลย ก็มีกลุ่มคนของสำนักหลินเยว่กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู!
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีเดินออกมา พวกเขาก็กล่าวว่า “มู่เฉินซี หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ไป๋จิ่งเยว่ขมวดคิ้วพลางกล่าว “พวกเจ้าพ่ายแพ้ให้กับแม่นางมู่ในหอคอยซิงเหลยแล้ว ตอนนี้ยังจะมาหาเรื่องอีกอย่างนั้นหรือ สำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าช่างใช้ไม่ได้เอาเสียเลย”
คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันมาห้อมล้อมมุงดู และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เริ่มดังขึ้น
“คนของสำนักหลินเยว่เหล่านี้ช่างไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้เลยจริง ๆ คุณชายจิ่งเยว่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินซี เขายังญาติดีกับมู่เฉินซีได้เลย แต่พวกนางเหล่านี้กลับ…”
“ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก สตรีแห่งสำนักหลินเยว่เหล่านี้ช่างทำให้กองกำลังระดับสี่อับอายขายขี้หน้าจริง ๆ!”
“……”
สีหน้าของคนสำนักหลินเยว่ต่างก็ดำคล้ำขึ้นด้วยความไม่พอใจ หญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้ากล่าวว่า “เหล่าศิษย์น้องของข้าพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าในหอคอยซิงเหลยก็เป็นเพราะว่าพวกนางสู้เจ้าไม่ได้ พวกข้าไม่ใช่คนขี้แพ้ชวนตีเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ แต่ว่า…”
“เอาตัวนางมา!”
คนกลุ่มหนึ่งพาตัวหญิงสาวชุดสีชมพูผู้อ่อนแอผู้หนึ่งเข้ามา และคนผู้นี้ก็คือเกาถิง ผู้ที่เคยพ่ายแพ้ให้มู่เฉียนซีก่อนหน้านี้นั่นเอง
สีหน้าของนางซีดเผือด ดวงตาเหม่อลอย สภาพของนางช่างน่าสังเวชยิ่งนัก!
หญิงสาวผู้นั้นกล่าวว่า “เจ้าทำร้ายศิษย์น้องของข้าจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ ตอนนี้นางก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายเลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะเจ้าลงมืออย่างโหดเหี้ยม นางจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าต้องการให้เจ้าขอโทษนาง”
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอโทษอย่างนั้นเหรอ ข้าว่าคนที่ควรจะเป็นฝ่ายขอโทษไม่ใช่ข้า”
สายตาของมู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่เกาเฟิ่ง ทำให้เกาเฟิ่งรู้สึกเสียความมั่นใจเล็กน้อย
เป็นไปไม่ได้ มู่เฉินซีจะรู้ได้อย่างไร นางทำเงียบ ๆ อย่างไร้สุ้มไร้เสียง ไม่มีผู้ใดรู้อย่างแน่นอน
“วันนี้ ต่อให้เจ้าไม่อยากขอโทษเจ้าก็ต้องขอโทษ นี่คือชีวิตของคนคนหนึ่ง! ต่อให้มีคุณชายไป๋ปกป้องเจ้า พวกข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด!” แต่ละคนต่างแผ่ซ่านจิตสังหารออกมา ถลึงตาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี จากนั้นก็ลงมือทันที
น้ำเสียงของไป๋จิ่งเยว่พลันเย็นชาขึ้นแล้ว “พวกเจ้ากล้าเช่นนั้นหรือ!”
ตูม!
มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีของพวกเขาอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวเข้าไปในวงล้อมและจับตัวเกาเฟิ่งเอาไว้
“มู่เฉินซี นี่เจ้าคิดจะทำอะไร? ปล่อยศิษย์น้องเกาเฟิ่งเดี๋ยวนี้นะ!”
“มู่เฉินซี เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
ไป๋จิ่งเยว่ขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้ พวกเขาจึงไม่กล้าผลีผลาม
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าต้องการให้ขอโทษเกาถิงไม่ใช่เหรอ ข้าจับตัวคนที่ควรขอโทษออกมาแล้วนี่ไง ให้นางขอโทษ พวกเจ้าหุบปากไปซะ”
“มู่เฉินซี นี่เจ้าหมายความเช่นไร?”
“คนที่ทำให้เกาถิงต้องกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเกาเฟิ่ง!” มู่เฉียนซีกล่าว
เกาเฟิ่งกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “มู่เฉินซี เจ้าพูดจาเหลวไหล ข้ารักศิษย์น้องเกาถิงมาก เห็นนางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ใคร ๆ ก็รู้ ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไรกัน”
เกาถิงกล่าว “ใช่! ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่นอน มู่เฉินซี เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเลย โดยเฉพาะใส่ร้ายศิษย์พี่เกาเฟิ่งของข้า ช่างน่าขำยิ่งนัก”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ช่างน่าขำอย่างนั้นเหรอ!
มู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมา แล้วยัดเข้าไปในปากของเกาเฟิ่งอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเจ้าไม่พูดความจริง ข้าก็ต้องใช้วิธีนี้ทำให้เจ้าพูดความจริงออกมาเท่านั้น”
“บัดซบ! นี่เจ้าเอายาพิษอันใดให้ศิษย์น้องเกาเฟิ่งกิน มู่เฉินซี เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” ศิษย์ของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นโวยวายขึ้นด้วยความโกรธ
มู่เฉียนซีปล่อยตัวเกาเฟิ่ง เกาเฟิ่งก็ไม่ได้ดิ้นรนแต่อย่างใด ในตอนนี้สีหน้าท่าทางของนางดูเหม่อลอยขึ้นเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “คุณชายไป๋ รบกวนเจ้าสอบถามเกาเฟิ่งหน่อยว่าตกลงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนทำร้ายเกาถิง”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “เหตุใดต้องเป็นข้า?”
มู่เฉียนซีกระซิบข้างหูกับเขาว่า “เพราะดูเหมือนว่าเกาเฟิ่งจะชอบเจ้า เสียงของเจ้าจะทำให้นางใจอ่อนและยอมพูดความจริงออกมาในที่สุด”
ใบหูของไป๋จิ่งเยว่แดงก่ำขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางมู่อย่าได้ล้อเล่นเรื่องเช่นนี้”
“หากเจ้าไม่ยอมช่วย ข้าจัดการเองก็ได้!” มู่เฉียนซีกล่าว
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ ข้าไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเจ้าหรอก”