ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1802 กินปูร้องท้อง
น้ำเสียงของไป๋จิ่งเยว่อ่อนโยนลง เขากล่าวว่า “เกาเฟิ่ง ตกลงแล้วใครเป็นคนทำร้ายศิษย์น้องของเจ้ากันแน่?”
เกาเฟิ่งกล่าวด้วยท่าทางเหม่อลอย “ข้าเอง! ข้าเป็นคนทำเอง มู่เฉินซีก็เป็นเพียงแค่แพะรับบาปก็เท่านั้น! เกาถิง นางคนสารเลวผู้นั้น ภายนอกทำดีกับข้าสารพัด แต่อันที่จริงแล้วอยากจะเหยียบข้าให้จมดิน ด้วยพรสวรรค์อันเยี่ยมยอดของนาง มีโอกาสที่นางจะลวงพลังวิญญาณขั้นปราชญ์แห่งภูตได้เร็วกว่าข้า ฉะนั้นข้าจึงฉวยโอกาสนี้ทำให้นาง…”
“อ๊าย ๆ ๆ! เกาเฟิ่ง นางคนสารเลว! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเกาเฟิ่ง เกาถิงผู้อ่อนแอผู้นั้นก็พุ่งตัวไปหานางอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับเหวี่ยงนางลงไปกับพื้น
เกาถิงใช้ทั้งเล็บใช้ทั้งฟันกัดเพื่อจะเอาชีวิตของเกาเฟิ่ง
สีหน้าของคนจากสำนักหลินเยว่เหล่านี้ดูดีใจเล็กน้อย ส่วนกลุ่มคนที่มุงดูอยู่เหล่านี้ ต่างก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ที่แท้ศิษย์สำนักหลินเยว่เหล่านี้ต่างก็สมรู้ร่วมคิดกันเพื่อที่จะทำลายอนาคตของสหายร่วมสำนัก จากนั้นก็เล่นอุบายใส่ความผู้อื่น
มู่เฉียนซีกล่าว “ส่วนเรื่องที่คุณหนูเกาเฟิ่งใช้วิธีการใดทำร้ายนั้น ข้าว่าทุกคนพาตัวนางกลับไปไต่สวนเถอะ! อย่างไรเสีย วิธีอันโหดเหี้ยมนั้นกว่าจะเรียนรู้ได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นแน่”
แม้มู่เฉียนซีจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับตัวเองได้แล้ว แต่ศิษย์สำนักหลินเยว่เหล่านี้กลับยิ่งโกรธเกลียดชิงชังนางมากขึ้นกว่าเดิม
มู่เฉียนซีกล่าวต่อว่า “เห็นแก่ที่สำนักหลินเยว่ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้กับข้าในหอคอยซิงเหลย การที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีในครั้งนี้ข้าจะไม่เรียกร้องเอาค่าชดเชยจากพวกเจ้าก็แล้วกัน”
ค่าชดเชยอย่างนั้นเหรอ? สาวน้อยผู้นี้ทำให้สำนักหลินเยว่ของพวกนางอับอายขายหน้าถึงเพียงนี้ ยังจะกล้ามาพูดถึงค่าเสียหายอีก บัดซบยิ่งนัก!
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “แม่นางมู่ เราไปกันเถอะ!”
ตอนแรก ทันทีที่มาถึงเมืองซิงเหลยก็มุ่งหน้าไปที่หอคอยซิงเหลยทันที ยังไม่ได้เดินเที่ยวเล่นในเมืองซิงเหลยเลย
เนื่องจากมีผู้บำเพ็ญภูตจำนวนมากเดินทางมาฝึกฝนที่หอคอยซิงเหลย สิ่งนี้ทำให้การค้าของเมืองซิงเหลยครึกครื้นเป็นอย่างมาก
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “ข้าก็พอจะคุ้นเคยกับเมืองซิงเหลยอยู่บ้าง หากแม่นางมู่สนใจ ข้าจะเป็นคนนำทางแม่นางมู่เอง”
“ไม่มีปัญหา!”
ทั้งสองไปกินข้าวกันก่อน ไป๋จิ่งเยคุ้นเคยและรู้จักสถานที่ฝึกฝนต่าง ๆ ทางใต้ของแดนซวนเทียนเป็นอย่างดี เขาให้คำแนะนำมู่เฉียนซีไม่น้อยเลย
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “เส้นทางการฝึกฝนของแม่นางมู่นั้นแตกต่างไปจากคนทั่วไปมาก เพียงแต่ว่าประโยชน์ในการเข้าสำนักก็มีไม่น้อย อย่างเช่น…”
มู่เฉียนซีขอบคุณคำแนะนำดี ๆ ของไป๋จิ่งเยว่ จากนั้นก็กล่าวว่า “เจ้าแนะนำได้ดีมาก อันที่จริงข้าก็ได้เข้าสำนักแล้วนะ เพียงแต่ว่าตอนนี้มีเรื่องบางอย่างต้องทำจึงต้องออกมาฝึกฝนอยู่ข้างนอกเช่นนี้ก็เท่านั้น”
“ดูท่าข้าคงจะยุ่งวุ่นวายมากเกินไปแล้ว” ไป๋จิ่งเยว่กล่าว
หลังจากกินข้าวเสร็จ ไป๋จิ่งเยว่ก็พามู่เฉียนซีเดินไปที่ตรอกถนนที่หรูหราสายหนึ่ง มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าชื่นชอบสมุนไพรวิญญาณมากเป็นพิเศษ และยังชื่นชอบสิ่งของที่หายากด้วย”
“เช่นนั้นแม่นางมู่ก็ตามข้ามา!”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปทั่วทุกร้านราวกับอยากกวาดซื้อไปให้หมดก็มิปาน จากนั้นก็เดินไปตามร้านค้าที่วางขายของอยู่อย่างกระจัดกระจาย ตรงนี้มีเหล่าบรรดาผู้ฝึกฝนที่มีของล้ำค่าแต่ขาดเงินทองนำสินค้ามาวางขาย
มู่เฉียนซีเริ่มกวาดซื้อสินค้าเหล่านี้ พลันนั้นนางก็เห็นสมุนไพรวิญญาณแปลกตาหลายชนิดวางขายอยู่ในร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปถามว่า “สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ขายเช่นไร?”
คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นพลางกล่าว “ข้าไม่ต้องการหยกซวน ข้าต้องการแร่หายากสองชนิด แร่เงินเย็นและผลึกดาราสวรรค์”
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พ่อค้าผู้นี้กลับเป็นคนคุ้นเคย เขาก็คือกระบี่ปีศาจชิงเสวียนนั่นเอง
เมื่อเขาเห็นคนที่มาซื้อของคือมู่เฉียนซี ชิงเสวียนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขากล่าว “ต่อให้เป็นเจ้า ข้าก็จะไม่ลดราคาให้แน่นอน”
สายตาของไป๋จิ่งเยว่จ้องมองไปที่ชิงเสวียน แร่สองชนิดนี้ช่างหาได้ยากยิ่งนัก มูลค่าสูงกว่าที่ชิงเสวียนตั้งเอาไว้มาก
ทว่า มู่เฉียนซีกลับกล่าวด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ว่า “ตกลง ข้าซื้อ!”
ชิงเสวียนเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้จะมีแร่สองชนิดนั้น นางโยนออกมาให้เขาภายในชั่วพริบตาเดียว ชิงเสวียนคิดในใจว่า ‘นางช่างเป็นคนที่ร่ำรวยจริง ๆ ด้วย’
“ช้าก่อน...” หลังจากที่ซื้อขายกันเสร็จก็มีคนออกมาก่อเรื่อง
“สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ข้าเหมาหมด!”
ชิงเสวียนกล่าว “ข้าได้ขายไปแล้ว สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้เป็นของข้าแล้ว”
กล่าวจบ เขาก็ปิดร้านและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มผู้หนึ่งมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าว “เจ้าจะเอาเช่นไรถึงจะยอมมอบสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นให้ข้า”
มู่เฉียนซีตอบกลับไปว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าแร่เงินเย็นกับผลึกดาราสวรรค์มันมีค่ามากเพียงใด หากตอนนี้เจ้าสามารถเอาหยกวิญญาณที่มีราคามากกว่าแร่สองชนิดนั้นถึงสิบเท่ามาแลกได้ ข้าอาจจะพิจารณาก็ได้นะ”
สีหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ดำคล้ำขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว อย่าว่าแต่สิบเท่าเลย แม้แต่หนึ่งเท่าเขาก็ยังไม่มีปัญญาเลย
“ไม่มีทาง! เขาบ้าไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าสมุนไพรวิญญาณจะมีราคาสูงมากถึงเพียงนั้น”
ไม่เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งจะเรียกราคาที่สูงลิ่วเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังยอมโดนเอาเปรียบอีกด้วย นี่มันช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก
“ข้าจดจำพวกเจ้าเอาไว้แล้ว” เขารู้สึกว่าตัวเองถูกทำให้อับอายและอัปยศอดสูเข้าแล้ว ดวงตาคู่นั้นจ้องถลึงไปที่มู่เฉียนซีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินจากไป
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวถามว่า “แม่นางมู่ยังอยากจะไปที่ใดอีกหรือไม่?”
“เมืองซิงเหลยน่าจะมีหอหมอปีศาจกระมัง?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“อืม!”
“เช่นนั้นเราไปดูหอหมอปีศาจกันสักหน่อยเถอะ!”
ไป๋จิ่งเยว่พยักหน้าพลางกล่าว “ได้สิ!”
ความสามารถของโม่ซวนนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ยาลูกกลอนเป็นที่ต้องการมากในเมืองซิงเหลยแห่งนี้
ยาลูกกลอนราคาถูกอีกทั้งยังมีคุณภาพสูงอีกด้วย แต่ละคนที่เข้ามาล้วนแต่มาจับจ่ายซื้อกลับไปเป็นจำนวนมาก แต่มู่เฉียนซีกลับเพียงแค่เดินดู นางเพียงแค่มาตรวจตราพื้นที่อาณาเขตของตัวเองก็เท่านั้น
ในตอนนี้เอง หญิงสาวผู้หนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาพลางกล่าวว่า “คุณชายจิ่งเยว่ คุณชายจิ่งเยว่ ในที่สุดข้าก็ตามหาท่านเจอแล้ว”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวอย่างห่างเหินว่า “คุณหนูซิง”
“คุณชายจิ่งเยว่ ข้าฝึกฝนแล้วเกิดเจอปัญหาเข้า ท่านกลับจวนท่านเจ้าเมืองไปอธิบายให้ข้าฟังหน่อยจะได้หรือไม่!” คุณหนูซิงมองหน้าไป๋จิ่งเยว่และทำท่าทีออดอ้อน
“ขออภัยด้วย วันนี้ข้าต้องอยู่กับสหายข้า” ไป๋จิ่งเยว่ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“อยู่กับสหาย แม่นางผู้นี้คงจะมาหอหมอปีศาจเพื่อซื้อยาลูกกลอนกระมัง! นางเข้ามาตั้งนานแล้วแต่กลับยังไม่ซื้อยาลูกกลอนแม้แต่เม็ดเดียว คงจะไม่ใช่เพราะไม่มีเงินหรอกกระมัง!” คุณหนูซิงยิ้มพลางกล่าว
นางเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางผู้นี้ เจ้าต้องการยาลูกกลอนใดก็เลือกเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะจ่ายให้เจ้าเอง เพียงแค่เจ้ารับปากเงื่อนไขข้าเรื่องหนึ่ง วันนี้ให้คุณชายจิ่งเยว่ไปกับข้า เจ้าจะว่าเช่นไร”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณชายไป๋เป็นสหายของข้า เขาไม่ใช่เป็นสิ่งของ คุณหนูซิงควรจะเคารพในการตัดสินใจของเขา”
คุณหนูซิงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ข้าเป็นถึงบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองซิงเหลย ยาลูกกลอนเหล่านี้ที่เจ้าไม่มีปัญญาซื้อ ข้าซื้อได้เป็นกอง ๆ เจ้าอย่าได้หักหน้าข้า แล้วทำให้ตนเองอับอายขายหน้านะ”
อยู่ต่อหน้าไป๋จิ่งเยว่คุณหนูซิงดูเป็นหญิงสาวที่น่ารัก น่าทะนุถนอม แต่ต่อหน้าคนอื่นนางกลับเป็นคนหยิ่งผยองและไร้เหตุผลมาก
ไป๋จิ่งเยว่กำลังจะเอ่ยปากกล่าว จู่ ๆ ผู้ดูแลหนุ่มผู้หนึ่งของหอหมอปีศาจแห่งเมืองซิงเหลยก็เดินยิ้มออกมาต้อนรับพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่…”
มู่เฉียนซีรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี นางจึงกล่าวว่า “คุณชายไป๋ เราไปกันเถอะ!”
ในเมืองซิงเหลยแห่งนี้ไม่ว่าใครที่เห็นผู้ดูแลหอหมอปีศาจต่างก็พากันเข้าไปประจบประแจงทั้งสิ้น แต่คนที่เห็นเขาแล้ววิ่งหนีคาดว่าจะมีเพียงแค่มู่เฉียนซีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทั้งสองจะรีบออกไป แต่คนผู้นี้มีพลังที่แข็งแกร่งมาก เขารีบผลักประตูให้ปิดลง ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ ข้าน้อยดูน่ากลัวถึงเพียงนั้นเลยหรือ แม่นางเห็นหน้าข้าแล้วถึงกับต้องรีบหนีเช่นนี้?”
คุณหนูซิงกล่าวเย้ยหยันว่า “เห็นหน้าท่านผู้ดูแลแล้วหนีเช่นนี้ เจ้าทำความผิดอันใดไว้อย่างนั้นเหรอ”