ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1808 ต้องการแย่งชิงคืนมา
ณ สถานที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ไป๋จิ่งเยว่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เขายังไม่ตาย
ข้างกายเขายังมีร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งนอนอยู่ด้วย ร่างนั้นก็คือชิงเสวียนนั่นเอง
เขารีบกินยาลูกกลอนรักษาอาการบาดเจ็บ ยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณเขาใช้ไปจนหมดแล้ว ส่วนยาลูกกลอนที่เหลืออยู่เขาจึงแบ่งให้กับชิงเสวียน
ชิงเสวียนมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเล็กน้อย ในที่สุดตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ไม่มีใครอยากตาย และการที่เขาได้รู้ว่าตนเองไม่ได้ตายลงไปภายใต้เงื้อมมือของหุ่นเชิดประหลาดนั้น เป็นเรื่องที่เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “ดูเหมือนว่าหุ่นเชิดเหล่านั้นเพียงแค่อยากจะทดสอบพวกเราก็เท่านั้น แม้ว่าแต่ละครั้งที่พวกมันใช้จะเป็นกระบวนท่าสังหาร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับคร่าเอาชีวิตพวกเรา”
ชิงเสวียนพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ก็คงจะเป็นเช่นนั้น!”
“ยินดีกับสหายชิงเสวียนด้วยที่ทะลวงพลังวิญญาณได้!”
“เจ้าเองก็ทะลวงพลังวิญญาณได้แล้วเช่นกัน”
ไป๋จิ่งเยว่ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาแค่ใจจดใจจ่อพยายามต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อจัดการกับคู่ต่อสู้อย่างหุ่นเชิดเหล่านั้น ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่กับการต่อสู้ในสนามรบจนเขาทะลวงพลังวิญญาณขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย
“แม่นางมู่ยังไม่ออกมา ดูท่านางจะได้ประโยชน์ไม่น้อยไปกว่าพวกเราแน่นอน สหายชิงเสวียนฆ่าไปเท่าไรหรือ”
“สามสิบสองตัว เจ้าล่ะ?”
“หกสิบสี่!”
น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ช่างเป็นการกระตุ้นการแข่งขันในหัวใจของชิงเสวียนเสียจริง
หากพลังวิญญาณฟื้นฟูกลับมา เขาก็อยากจะต่อสู้อีกสักรอบ
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมายเช่นนี้ พลังวิญญาณสูญเสียไปจนหมดเช่นนี้ แม้ว่ามู่เฉียนซีที่มียาลูกกลอนมากมายติดตัว แต่ตอนนี้ก็เกือบจะใช้ยาลูกกลอนเหล่านั้นหมดแล้ว
กำจัดหุ่นเชิดไปแล้วห้าร้อยตัว สิ่งนี้ถึงขีดจำกัดของนางแล้ว ตอนนี้มู่เฉียนซีเอนกายพิงกำแพงนั่งพัก ทว่า ดวงตานางตอนนี้ก็ยังคงมองหุ่นเชิดจำนวนนับพันที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้
เดิมทีนิรันดร์คิดจะลงมือกำจัดหุ่นเชิดเหล่านี้ แต่กลับพบว่าพวกมันไม่ได้ลงมือโจมตีมู่เฉียนซีต่อแต่อย่างใด ไม่นานนักกำแพงบริเวณรอบ ๆ ก็พลันเปลี่ยนไป จากนั้นมู่เฉียนซีก็ออกไปจากที่นี่ได้
“แม่นางมู่!”
“มู่เฉินซี!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ดูท่าพวกเจ้าคงจะสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก พักผ่อนกันก่อนเถอะ!”
หลังจากที่พลังวิญญาณฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวถามว่า “แม่นางมู่จะหาทางออกหรือ?”
“ข้ากำลังหาทางไปที่มิตินั้น ข้าอยากท้าประลองอีกครั้ง”
ชิงเสวียนกล่าว “เจ้ายังอยากจะท้าประลองอีกอย่างนั้นเหรอ ก่อนออกมา เจ้าฆ่าหุ่นเชิดไปกี่ตัวแล้ว?”
“ห้าร้อยสิบสองตัว!” มู่เฉียนซีกล่าว
มุมปากของชิงเสวียนกับไป๋จิ่งเยว่กระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดเป็นอย่างยิ่ง
ชิงเสวียนกล่าว “ช่วยกันหาเถอะ! ข้าก็อยากลองดูเหมือนกัน”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “ข้าก็เหมือนกัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ออกไปแล้วค่อยเข้ามาใหม่อีกครั้ง”
“อืม!”
พวกเขาออกจากประตูไป ชิงเสวียนจะบุกเข้าไป แต่กลับถูกมู่เฉียนซีขวางเอาไว้เสียก่อน
“ตอนนี้พลังวิญญาณของเจ้ายังฟื้นฟูไม่ถึงขั้นสูงสุด อีกอย่างเจ้าคงไม่มียาฟื้นฟูพลังวิญญาณติดตัวแล้วกระมัง! หากเจ้าเข้าไปตอนนี้ คะแนนเจ้าคงจะน่าสังเวชกว่าเดิมเป็นแน่”
“ยาลูกกลอนใช้หมดแล้ว จะทำเช่นไร?” ชิงเสวียนกล่าว
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “ยาลูกกลอนของข้าก็หมดแล้ว แต่แม้จะไม่มียาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณ ข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้ไปง่าย ๆ แน่นอน”
“ยาลูกกลอนเหรอ! ใครว่าไม่มีกันล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าว
“เจ้ายังมียาลูกกลอนเหลืออยู่หรือ เป็นไปไม่ได้!” ชิงเสวียนกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ยาลูกกลอน แค่หลอมออกมาก็ได้แล้ว!”
“เจ้าหลอมเป็นอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ข้า!” มู่เฉียนซีตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หลุนหุยออกมา ข้ามอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว”
หลุนหุยที่อยู่ในการหลับใหลมาโดยตลอด ตอนนี้มู่เฉียนซีที่ไม่ค่อยมีแรง ในที่สุดก็ได้เรียกใช้งานมันแล้ว
นางโยนสมุนไพรวิญญาณจำนวนมากเข้าไป นางไม่จำเป็นต้องถ่ายเทพลังจิตเลย เนื่องจากมีนิรันดร์เป็นตัวแทนทำแทนนาง
เมื่อครู่ศิษย์ที่รักของเขาต่อสู้ด้วยความยากลำบาก แม้ว่าพลังจิตของนางจะยังมีเหลือเฟือ แต่เขาก็ไม่อยากให้ศิษย์ที่รักของเขาต้องลงมือเอง
จากนั้นชิงเสวียนกับไป๋จิ่งเยว่ก็เห็นหม้อหลอมยาที่หลอมยาด้วยตัวของมันเอง อีกทั้งยังหลอมยาลูกกลอนออกมาเป็นจำนวนมากด้วยความเร็วอันน่าทึ่งอีกด้วย นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
เมื่อหม้อหลุนหุยหลอมยาออกมาได้มากพอแล้ว มู่เฉียนซีจึงกล่าว “เรียบร้อย! แม้ว่ายาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณจะทำให้การต่อสู้ยาวนานขึ้นได้ แต่ยาลูกกลอน กินเยอะไปก็ไม่ดี แม้มันจะเป็นยาบำรุงก็ตาม”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “นี่มันหนึ่งในหม้อเลียนแบบของหม้อเทพนิรันดร์ในตำนานนี่นา มันคือหม้อหลุนหุยแห่งความตาย”
“ฮ่า ๆ ๆ! แววตาของเจ้าช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะจำข้าได้ ไม่เลวเลย!” หลุนหุยกล่าว
ชิงเสวียนกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์!”
“เอาล่ะ เจ้ากลับเข้าไปได้แล้ว” มู่เฉียนซีเก็บหม้อหลุนหุยกลับ
นางกล่าวกับไป๋จิ่งเยว่ว่า “อืม! ถูกต้อง”
ชิงเสวียนกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าบ้าไปแล้วจริง ๆ ของล้ำค่าเช่นนี้ไม่ควรเผยให้คนอื่นรู้ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์เจ้าเอาออกมาตามใจเช่นนี้ได้อย่างไร”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ทำไม หรือว่าเจ้าคิดจะแย่งชิงไปจากข้า เจ้าเอาชนะข้าให้ได้เสียก่อนเถอะ”
“ข้าอยากแย่งไปจริง ๆ! หม้อยาที่หลอมยาลูกกลอนได้เอง สิ่งที่หลอมออกมาล้วนแต่เป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น!” ชิงเสวียนผู้มีสีหน้าไร้อารมณ์และความรู้สึกผู้นี้ เมื่อพูดถึงเรื่องเงินทอง ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลงมือกระทำอันใด หนึ่งคือเขาเอาชนะมู่เฉียนซีไม่ได้จริง ๆ สองเขาไม่ใช่คนที่ลืมบุญคุณคน
“เอาล่ะ! แบ่งยาลูกกลอนกัน แบ่งสามคนเท่า ๆ กัน แล้วลุยกันอีกครั้ง”
ไป๋จิ่งเยว่ยิ้มพลางกล่าว “ขอบใจแม่นางมู่มาก!”
“ข้าไม่มีเงิน! และข้าก็ไม่มีปัญญาชดใช้คืนด้วย” ชิงเสวียนมองมู่เฉียนซีพลางกล่าว
“เจ้าเองก็เห็นแล้ว ข้าหลอมยาออกมาได้ง่ายมาก ข้าต้องการเท่าไร หลุนหุยก็ทำให้ข้าได้เท่านั้น ฉะนั้น ยาลูกกลอนสำหรับข้าแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากว่าเจ้าจะทิ้งโอกาสดี ๆ เช่นนี้ก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน”
ชิงเสวียนจนปัญญา เขาทำได้เพียงแค่ยอมรับมัน แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีค่าพอที่จะแลก แต่เขาก็อยากจะท้าประลองอีกสักครั้ง
เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในสถานที่นั้นอีกครั้ง พวกเขาก็เริ่มหลบหลีกการโจมตีของหุ่นเชิดและเข้าไปในมิตินั้นอีกครั้ง
เริ่มจากหุ่นเชิดหนึ่งตัว นี่นับเป็นการเริ่มใหม่
พวกเขาเคยต่อสู้มาก่อนครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้เริ่มคุ้นชินแล้ว มู่เฉียนซีเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดห้าร้อยกว่าตัวรวดเร็วกว่าในครั้งแรก และนางก็เริ่มสังหารอย่างดุเดือด
ตอนนี้ชิงเสวียนเองก็เอาชนะหุ่นเชิดสามสิบสองตัวไปได้แล้ว ยาลูกกลอนยังมี พลังวิญญาณก็ยังเหลือ เขาพึมพำเสียงเบาว่า “ความรู้สึกที่กินยาลูกกลอนโดยไม่มีทางหมดมันเป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเพิ่งจะเคยลิ้มรส ช่างสดชื่นยิ่งนัก!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “สมกับเป็นยาที่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์หลอมออกมาจริง ๆ คุณภาพยาก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มิติสามมิติ หนุ่มสาวสามคนพยายามต่อสู้กับศัตรูตรงหน้าอย่างสุดกำลังความสามารถเพื่อเอาชนะใจตนเอง และฝึกฝนการต่อสู้สนามรบจริงด้วยวิธีการของตนเอง
หุ่นเชิดห้าร้อยสิบสองตัวถูกกำจัดไปจนสิ้น ต่อมา มู่เฉียนซีก็เผชิญหน้าต่อสู้กับหุ่นเชิดจำนวนนับพันตัว
ปัง!
ในที่สุดชิงเสวียนกับไป๋จิ่งเยว่ก็ถูกหุ่นเชิดหนึ่งร้อยตัวห้อมล้อมโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและออกจากสนามการสู้รบนี้ไป
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “ฟื้นฟูพลังวิญญาณก่อน แล้วรอแม่นางมู่ออกมา!”
“อืม!”
จำนวนของหุ่นเชิดเหล่านั้นมากเกินไปแล้ว อีกอย่างพลังความแข็งแกร่งของพวกมันก็เทียบเท่ากับพวกเขาแล้วด้วย
และนั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้มู่เฉียนซีต้องเผชิญหน้าต่อสู้กับหุ่นเชิดที่มีพลังเทียบเท่ากับนางจำนวนนับพันตัว กำลังในการต่อสู้อันวิปริตเช่นนี้หาได้ยากยิ่งในแดนซวนเทียน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคู่ต่อสู้นับพันรุมหนึ่งคนเช่นนี้ด้วย!
ปัง ปัง ปัง!
พลังธาตุวายุช่วยสนับสนุนพลังแห่งมิติ อีกอย่างความเร็วของหุ่นเชิดเหล่านี้ก็ไม่ได้ช้าไปกว่ามู่เฉียนซีสักเท่าไรนัก
ตูม!
การต่อสู้ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณทั้งสิ้น ความสามารถในการควบคุมพลังธาตุวายุก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ในใจมีเพียงความปรารถนาเดียว นั่นก็คือ สู้!
นิรันดร์ยืนอยู่ในความว่างเปล่า คอยชี้แนะเมื่อตอนที่มู่เฉียนซีประสบกับความยากลำบาก แต่ส่วนมากเขาจะชื่นชมท่วงท่าการต่อสู้ของมู่เฉียนซีเสียมากกว่า เขาพึมพำว่า “ศิษย์ที่รักของข้าช่างงดงามมากจริง ๆ จะยอมให้เจ้าหวงจิ่วเยี่ยผู้นั้นเอาเปรียบไม่ได้เด็ดขาด ข้าจะต้องแย่งชิงนางกลับคืนมาให้จงได้”