ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1809 เพิกเฉยต่อคำสารภาพรัก
นิรันดร์ยิ้มร่า ทว่า ดวงตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นกลับเผยความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนออกมา
ในตอนนี้มู่เฉียนซียังคงถูกหุ่นเชิดจำนวนมากห้อมล้อมโจมตี ทักษะวิญญาณพลังธาตุวายุของนางยังไม่ได้ผลมากนัก หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวก็พอจะสามารถทำได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้เป็นกลุ่มจำนวนมากเช่นนี้ จำต้องมีทักษะวิญญาณที่มีกำลังในการทำลายล้างที่แข็งแกร่งกว่านี้ถึงจะทำได้
ทักษะวิญญาณที่มีพลังการทำลายล้างที่แข็งแกร่งกว่านี้…
ปัง ปัง ปัง!
หุ่นเชิดนับพันพุ่งเข้ามาใกล้ ไม่เว้นหนทางให้นางได้หลบหลีกเลย
หากต้องมาพ่ายแพ้ตอนนี้ มู่เฉียนซีคงไม่สบายใจเป็นแน่
พัดวิหคเฟิงหลิงขยายใหญ่ขึ้น และดึงดูดพลังธาตุวายุทั้งหมดมา
“พลังวายุทำลาย!”
ทันทีที่พัดได้ขยายใหญ่ขึ้นนั้น ใบพัดของพัดวิหคเฟิงหลิงก็ปิดลงทันที ทันใดนั้นพลังวายุบริเวณโดยรอบก็พลันกลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่เล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังการทำลายล้างอันแกร่งกล้า ก่อนจะพุ่งโจมตีไปที่หุ่นเชิดเหล่านั้น
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงการโจมตีดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนั้น หุ่นเชิดนับพันก็พลันแตกสลายจนสิ้นซากทันที
แววตาของนิรันดร์เปล่งประกายสุกสกาวขึ้น เขามองไปที่มู่เฉียนซีและยิ้มพลางกล่าวว่า “ศิษย์ที่รักของข้าตระหนักรู้ได้ถึงทักษะวิญญาณใหม่อีกแล้ว ทักษะวิญญาณที่มีพลังการทำลายล้างหมู่ได้ ช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว”
“ศิษย์ที่รักของข้า ข้าชอบเจ้ามากจริง ๆ ข้าชอบเจ้ามาก…”
ตูม!
นิรันดร์สารภาพรักออกไปตรง ๆ แต่มู่เฉียนซีกลับรวบรวมพลังแล้วโจมตีหุ่นเชิดอีกครั้ง ส่วนคำพูดของนิรันดร์นั้นนางไม่ได้สนใจแต่อย่างใดเลย
“พวกหุ่นเชิดนี้ช่างบัดซบยิ่งนัก มาขวางทางรักของข้า!” ดวงตาของนิรันดร์จ้องมองไปที่หุ่นเชิดเหล่านั้นพลางกัดฟันกรอด เขาอยากจะลงมือทำลายหุ่นเชิดเหล่านี้ให้พลังวิญญาณดับสลายไปจริง ๆ
“ช่างเถอะ ยังมีเวลาอีกยาวไกล สถานที่แห่งนี้ไม่ได้โรแมนติกพอที่จะบอกรัก เมื่อครู่ข้าวู่วามเกินไปแล้ว” นิรันดร์บ่นพึมพำกับตัวเอง
เมื่อพลังวิญญาณสูญเสียไปจนหมด มู่เฉียนซีก็ใช้ยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณ!
ต่อสู้ ต่อสู้ และต่อสู้!
ปัง!
และเมื่อร่างของหุ่นเชิดตัวสุดท้ายล้มลงไปนั้น ประตูบานใหญ่บานหนึ่งก็เปิดออก และประตูอีกบานที่อยู่ตรงหน้านางก็เปิดออกเช่นกัน
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนี้ ชิงเสวียนและไป๋จิ่งเยว่ก็หันมามอง
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้างหน้ามีทางเดิน เข้าไปดูกันเถอะ”
เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูบานนั้นไป จึงได้เห็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างรูปทรงกลมที่งดงามมากแห่งหนึ่ง
สถาปัตยกรรมก่อสร้างในแต่ละชั้นเต็มไปด้วยหุ่นเชิด หุ่นเชิดเหล่านั้นยืนแน่นขนัดอยู่ด้านในโดยไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด จำนวนของพวกมันมีนับหมื่นตัว
น้ำเสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้น “นานหลายปีแล้ว ในที่สุดก็มีคนผ่านการทดสอบด่านสุดท้ายของสำนักหุ่นเชิดวิญญาณของข้า จนกระทั่งมาถึงที่นี่ได้อีกด้วย”
พวกเขาได้ยินเช่นนี้แล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น การทดสอบด่านสุดท้าย!
“การทดสอบด่านสุดท้ายมีหุ่นเชิดด้วยกันทั้งหมดหนึ่งพันยี่สิบสี่ตัว หลังจากทำสำเร็จก็จะสามารถเปิดประตูทางเข้าบานนี้ได้ แต่หากทำไม่ได้ อย่างมากพวกเจ้าได้รับเพียงแค่โอกาสในการต่อสู้กับเหล่าหุ่นเชิดวิญญาณเท่านั้น”
หนึ่งพันยี่สิบสี่ตัว ชิงเสวียนและไป๋จิ่งเยว่หันไปมองมู่เฉียนซีด้วยความตกใจ คนที่ทำได้ไม่ใช่พวกเขาเป็นแน่ แต่เป็นนาง
“ผู้ที่เข้ามาในนี้นั้น เอาชนะหุ่นเชิดได้มากเท่าไรก็สามารถเอาหุ่นเชิดกลับไปได้มากเท่านั้น ตอนนี้พวกเจ้าทั้งสองไปเลือกได้ ส่วนสาวน้อยที่ทำสำเร็จในด้านสุดท้ายนี้ เจ้าสามารถนำหุ่นเชิดทุกตัวที่นี่กลับไปได้ เพียงแต่มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เงื่อนไขอันใด?”
“ในตอนนั้น สำนักหุ่นเชิดวิญญาณของข้าถูกคนลึกลับกลุ่มหนึ่งฆ่าทำลาย ข้าทุ่มเทกำลังและความสามารถทั้งหมดเพื่อปกป้องรักษายอดหุ่นเชิดในสำนักของข้า ก็เพื่อรอว่าวันหนึ่งจะมีผู้ที่เหมาะสมมาพาพวกหุ่นเชิดเหล่านี้ไปแก้แค้นให้กับสำนัก”
“ผู้ที่ทำลายสำนักใหญ่อย่างสำนักของท่านได้ คาดว่าต้องมีพลังแข็งแกร่งมากเป็นแน่ แม้สำนักหุ่นเชิดวิญญาณของท่านจะไม่ใช่กองกำลังระดับห้า แต่ก็ต้องเป็นกองกำลังระดับสี่กระมัง?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
เจ้าสำนักชราผู้นี้กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ในตอนแรก สำนักหุ่นเชิดวิญญาณของข้ามีวิชาหุ่นเชิด ที่นับว่าดีที่สุดในของสำนักกองกำลังระดับสี่ บรรพบุรุษของสำนักหุ่นเชิดวิญญาณชื่นชอบเดินทางไปทั่วทุกหนทุกแห่งเพื่อฝึกฝนหาประสบการณ์ และเขาก็ได้พบกับการมีอยู่ของตำนานอย่างหนึ่ง เนื่องด้วยเหตุนี้ จึงถูกคนเหล่านั้นมาหาเรื่อง เมื่อคนเหล่านั้นไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ สุดท้ายจึงทำลายสำนักหุ่นเชิดวิญญาณของพวกข้าลง และการมีอยู่ในตำนานดังกล่าวนั้น นั่นก็คือไม้เทพแห่งชีวิตนั่นเอง”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นทันที “หากท่านบอกข้าได้ว่าไม้เทพแห่งชีวิตนั่นอยู่ที่ใด ข้าจะรับปากตอบตกลงตามเงื่อนไขของท่าน”
“มิติที่มีของเทพเช่นนั้น ใช่ว่าจะหาเจอกันได้ง่าย ๆ ในตอนนั้นบรรพบุรุษของข้าโชคดีถึงได้ไปพบเจอเข้า แม้ตอนนี้อยากจะพบเจออีกครั้ง คาดว่ายากที่จะเจอร่องรอยแล้ว ดังนั้น…”
ดังนั้น ไม้เทพแห่งชีวิตจึงลึกลับมากเกินไปแล้ว หายากกว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอีก
มู่เฉียนซีกล่าว “คนที่ทำลายสำนักของพวกท่านเหล่านั้นเป็นคนชุดดำใช่หรือไม่ ดูประหลาด ๆ อีกทั้งยังมีพลังแห่งความมืดมิดด้วยหรือไม่?”
“ถูกต้อง!”
“ตกลง! ข้ารับปากท่าน!”
คนเหล่านั้นก็คือคนของเผ่าคำสาปนั่นเอง ที่แท้ก็เป็นศัตรูตัวฉกาจมาตั้งแต่แรกนี่เอง ไม่ว่าจะรับปากทำตามเงื่อนไขของชายชราผู้นี้หรือไม่ สุดท้ายนางก็เป็นศัตรูกับคนเหล่านั้นอยู่ดี
มิสู้รับปากตามน้ำไปเลยเสียดีกว่า อย่างไรเสียหุ่นเชิดมากมายเพียงนี้ก็ทำให้นางใจเต้นแรงยิ่งนัก
“สาวน้อย ข้าเชื่อใจเจ้า!”
“เอาเลือดของเจ้าหยดลงในใจกลางตรงนี้”
เลือดสีแดงสดหยดลง มู่เฉียนซีจึงพบว่าสถาปัตยกรรมอันใหญ่โตที่พวกเขาอยู่นั้นเป็นที่รองรับอาวุธวิญญาณของหุ่นเชิดเหล่านี้ อาวุธนี้ยอมจำนนให้กับนาง และหุ่นเชิดก็เป็นของนางเช่นกัน
ที่นี่มีหุ่นเชิดวิญญาณขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดจำนวนสิบตัว ขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ระดับกลาง และระดับต่ำนับพัน
นี่คือเบื้องหลังของกองกำลังระดับสี่ มีของเหล่านี้อยู่ หากกองกำลังระดับสี่กองกำลังใดกล้ารังแกหอหมอปีศาจแล้วละก็ คนพวกนั้นจะต้องเจอดีเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงเสวียน ไป๋จิ่งเยว่ เลือกหุ่นเชิดที่พวกเจ้าต้องการไปเถอะ!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “แม่นางมู่ ที่พวกเราได้เห็นฉากที่งดงามเช่นนี้ได้ก็เป็นเพราะเจ้า หุ่นเชิดเหล่านี้สมควรจะเป็นของของเจ้า”
“พูดจาไร้สาระ สิ่งใดที่ควรจะเป็นของเจ้า เจ้าก็เอาไปเถอะ! หากเจ้าไม่เลือก เดี๋ยวข้าจะเป็นคนเลือกให้เจ้าเอง”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
หุ่นเชิดจำนวนหกสิบสี่ตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าไป๋จิ่งเยว่ และหนึ่งในนั้นก็มีหุ่นเชิดขึ้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดหนึ่งตัว
มู่เฉียนซีกล่าว “เก็บไปเถอะ!”
ไป๋จิ่งเยว่มองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ มู่เฉียนซีกล่าว “ได้รู้จักกันนับว่าเป็นโชคชะตา เพราะเจ้านั้นเป็นคนดี และดูแลข้าอย่างดีมาโดยตลอด และทุกคนก็ล้วนแต่เป็นสหายกันทั้งสิ้น เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ยอมเสียของเล่นเล็กน้อยเหล่านี้อย่างนั้นเหรอ?”
ไป๋จิ่งเยว่มองมู่เฉียนซีด้วยความตกตะลึง เขาเป็นคนที่ไม่ชอบเอาเปรียบใคร อีกอย่าง เขายังเคยเห็นคนจำนวนมากที่ปรารถนายึดของล้ำค่าเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
หุ่นเชิดเหล่านี้มีค่ามีราคามากยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดไม่อยากครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่สหายผู้ที่รู้จักกันเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนผู้นี้กลับเต็มใจแบ่งให้เขา
ไป๋จิ่งเยว่เป็นคนดี สหายดี ๆ ของเขาก็มีเยอะ แต่สหายที่ทำได้ถึงเพียงนี้กลับมีไม่มากนัก
เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวซี เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
ไป๋จิ่งเยว่รับมา ชิงเสวียนกลับกล่าวว่า “ข้าไม่เอา! ของเหล่านี้ต้องใช้หยกวิญญาณถึงจะใช้ได้ ข้าไม่มีเงินทองหรือหยกวิญญาณพวกนั้น อย่างไรก็ใช้ไม่ได้ ข้าเอามาก็ไม่ต่างอะไรกับเอาขยะไร้ประโยชน์มา สิ้นเปลืองเปล่า ๆ”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าโง่เขลายิ่งนัก! เจ้าก็เอาของอย่างอื่นมาขายข้าสิ เลือกที่แข็งแกร่ง ๆ หน่อยเอาไว้ปกป้องรักษาชีวิตของเจ้า!”
“ไม่ขาย ข้าใช้ยาลูกกลอนของเจ้าไปมากมายแล้ว แถมเจ้ายังช่วยข้าซ่อมกระบี่ปีศาจอีก เท่านี้ก็ไม่รู้จะชดเชยเช่นไรแล้ว” ชิงเสวียนกล่าว
“เจ้ากล่าววาจาเช่นนี้ คาดว่าผู้อาวุโสท่านนั้นคงต้องโกรธจนลุกออกมาจากโลงเป็นแน่ เจ้าประเมินค่าหุ่นเชิดของสำนักหุ่นเชิดวิญญาณเหล่านี้ต่ำเกินไปแล้วกระมัง!”