ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1810 สำนักหลินเยว่เชิญชวนเข้าร่วมสำนัก
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็มอบหุ่นเชิดขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดตัวหนึ่งให้กับชิงเสวียน จากนั้นนางก็ใช้หยกซวนจำนวนมากซื้อหุ่นเชิดตัวอื่นจำนวนหกสิบสามตัวของเขา
เมื่อเห็นหยกซวนจำนวนมากเช่นนี้ชิงเสวียนก็ถึงกับตื่นตระหนกตกใจ มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เป็นเช่นไรล่ะ ความรู้สึกรวยภายในชั่วข้ามคืนมันช่างหอมหวานเหลือเกินใช่หรือไม่!”
ชิงเสวียนกล่าว “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้รับรู้ถึงความรู้สึกเช่นนี้ มันเป็นความรู้สึกเหมือนข้ากำลังฝันอยู่”
ครั้งนี้พวกเขาได้รับมาไม่น้อยเลย จากนั้นพวกเขาก็ออกไปจากที่นี่!
ค่ายกลส่งตัวออกไปเกิดปัญญาบางอย่างขึ้น ปัง! อาวุธศักดิ์สิทธิ์ป้องกันของไป๋จิ่งเยว่แตกแล้ว สีหน้าของพวกเขาทั้งสองพลันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ความสุขมาถึงขีดสุด ความทุกข์ก็บังเกิด หรือว่าพวกเขาจะต้องมาตายในที่แห่งนี้อย่างนั้นหรือ
อันตรายกำลังเข้ามาใกล้ตัว ทว่า พายุมิตินี้ยังคงอยู่ในความควบคุมของมู่เฉียนซี ไม่จำเป็นต้องให้สุ่ยจิงอิ๋งเป็นคนลงมือ มู่เฉียนซีกำจัดพายุในมิติออกไปได้
ปลอดภัยแล้ว!
มู่เฉินซีเป็นคนลงมือ
ชิงเสวียนกล่าวด้วยความตกใจว่า “เจ้ามันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
ไป๋จิ่งเยว่ยิ้มพลางกล่าว “นับตั้งแต่ได้เจอกับเสี่ยวซี ข้ารู้สึกทึ่งในความสามารถของเจ้ามากจนนับครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียว”
มีพลังแห่งมิติของมู่เฉียนซีคอยสนับสนุน พวกเขาออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย และกลับไปยังสุสานซากปรักหักพังแห่งนั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ข้าขอให้พวกเจ้าช่วยเก็บเป็นความลับด้วย”
ไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนกล่าว “พวกเราเข้าใจแล้ว”
“กลับเมืองซิงเหลยกันเถอะ!”
สาเหตุที่มู่เฉียนซีกลับไปยังเมืองซิงเหลยนั้นก็เพราะว่านางมีของบางอย่างต้องการจะมอบให้กับโม่ซวน นั่นก็คือหุ่นเชิดที่นางได้มา
หุ่นเชิดเหล่านี้จะกลายเป็นอาวุธแหลมคมที่คอยปกป้องหอหมอปีศาจ ไป๋จิ่งเยว่บอกลามู่เฉียนซีเพื่อจะกลับสำนัก
ผู้ดูแลลู่กล่าว “ท่านมู่ ของเหล่านี้มีค่ามากเกินไปแล้ว ท่านเอาให้คุณชายด้วยตัวท่านเองจะดีกว่า”
“ข้าถูกเจ้าจับได้ เจ้าก็ให้ข้าทำงานมากมายเพียงนั้น หากโม่ซวนจับข้าได้อีกคน เจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยข้าไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ อย่าล่อให้ข้าติดเบ็ดเลย”
“คุณชายแค่อยากเห็นท่านกับตาตัวเองว่าท่านปลอดภัยดี เขาถึงจะวางใจ ตอนที่ท่านออกไปจากเมืองซิงเหลย คุณชายก็มาพอดี แต่กลับไม่ได้เจอกับท่าน ตอนนี้คุณชายไปเข้าร่วมการประมูลที่ถนนอ้าน ได้ยินมาว่ามีของลึกลับมาประมูล ท่านมู่ไม่สนใจหรอกหรือ?” ผู้ดูแลลู่กล่าว
“ถนนอ้าน?”
“ถนนอ้าน เป็นสถานที่ที่โกลาหลที่สุดในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของราชวงศ์ตงหวง ซึ่งเรียกว่าอาณาเขตซวนอ้าน เนื่องจากเป็นสถานที่ที่โกลาหลที่สุด จึงมีของล้ำค่าอันตรายบางอย่างที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนมักจะปรากฏขึ้นในที่แห่งนั้น อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดอีกด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นข้าจะไปดูสักครั้ง อย่างไรเสียตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปที่ไหนดี”
ผลจากการฝึกในซากปรักหักพังของสำนักหุ่นเชิดวิญญาณนั้นดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก ดังนั้นไม่ต้องเร่งรีบในการฝึกฝนมากนัก ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนก็ไม่เลว
มู่เฉียนซีกำลังจะออกจากเมืองซิงเหลย แต่ก็ได้พบกับชิงเสวียนผู้ยากไร้อีกครั้ง
“มู่เฉินซี ข้าหาเงินด้วยตัวเองนั้นยากนัก ข้าขอติดตามเจ้าไปได้หรือไม่!” ชิงเสวียนกล่าว
นับตั้งแต่ที่ได้ไปฝึกฝนประสบการณ์กับมู่เฉินซีในครั้งนั้น เขาก็เหมือนได้เปิดโลก เพียงแค่ตั๋วเงินใบเดียวก็มากเกินกว่าที่เขาสะสมมาทั้งชีวิตแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “หยกวิญญาณที่เจ้าขายหุ่นเชิดเหล่านั้น เจ้าใช้หมดแล้วหรือ? นี่เจ้ากินหยกซวนแทนข้าวหรืออย่างไรกัน?”
“เอ่อ…เอ่อ ข้าใช้จ่ายไปหลายที่น่ะ ยังมีที่ที่น่าฝึกฝนอีกหลายที่เลยนะ เจ้าอยากลองดูหรือไม่?” ดวงตาของชิงเสวียนเปล่งประกายขึ้นพลางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี
“เจ้าบอกมาก่อนว่าเจ้าไปทำสิ่งใดมา?”
ชิงเสวียนกล่าว “เจ้าตามข้ามาเถอะ!”
เขารู้ว่าหากจะรักษาความไว้ใจของนาง เขาจะต้องเปิดเผยให้ถึงที่สุด ครั้นแล้วพวกเขาก็ไปที่ลานบ้านที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกเมืองซิงเหลย
แม้สถานที่นี้จะทรุดโทรม แต่ที่แห่งนี้กลับมีเสียงการฝึกวรยุทธ์ดังออกมา และเสียงผู้ที่ฝึกนั้นก็ยังเด็กมากอีกด้วย
“พี่ชิงเสวียนมาแล้ว!”
“พี่ชิงเสวียน…”
“……”
เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมา เด็กที่อายุน้อยที่สุดก็คืออายุสิบสามสิบสี่ปี และยังไม่มีผู้ใดบรรลุนิติภาวะเลยแม้แต่คนเดียว
ใบหน้าของชิงเสวียนเผยรอยยิ้มออกมา เขายิ้มพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าไปฝึกฝนกันก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”
แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะยังเล็ก แต่พวกเขาก็ไม่ดื้อ พวกเขาไปฝึกฝนต่ออย่างเชื่อฟัง
ชิงเสวียนกล่าวว่า “เด็กเหล่านี้ล้วนแต่เป็นลูกหลานของคนในสำนักกองกำลังระดับสามทั้งสิ้น พวกคนกองกำลังใหญ่ ๆ ทำลายล้างสำนักหนึ่งที่เป็นกองกำลังระดับสามไป ท่านเจ้าสำนักพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถและใช้ทรัพยากรสุดท้ายที่เหลืออยู่ปกป้องเด็กน้อยเหล่านี้เอาไว้”
“สำหรับกองกำลังระดับสี่ กองกำลังที่อ่อนแอกว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น สามารถทำลายได้ภายในชั่วพริบตาเดียว และการทำลายล้างของพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล”
ชิงเสวียนเกลียดชังกองกำลังใหญ่ ๆ เข้ากระดูกดำ มิเช่นนั้นแล้ว ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขา เขาสามารถเข้าร่วมกองกำลังระดับสามได้อย่างสบาย และเขาก็คงไม่ถูกบีบให้ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากและมีทรัพยากรในการฝึกฝนที่น้อยนิดเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเขาล้วนแต่เป็นเด็กกำพร้า เจ้ารับเลี้ยงดูเด็กเหล่านี้ ที่เจ้าต้องอยู่อย่างลำบากยากเข็ญเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เพราะเลี้ยงดูพวกเขา แต่เจ้ายังต้องหาทรัพยากรในการฝึกฝนให้กับพวกเขาอีกด้วย?”
“พวกเขาจำเป็นต้องแข็งแกร่ง ไม่ใช่เพราะต้องการล้างแค้น แต่เพราะว่าโลกใบนี้ มีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะไม่ถูกคนอื่นรังแกและแย่งชิงของรักของตนไป”
ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของชิงเสวียนนั้น เขาไม่ได้ใช้ทรัพยากรในการฝึกฝนมากนัก แต่ด้วยความเพียรพยายามของเขาทำให้เขามีความแข็งแกร่งดังเช่นในตอนนี้ได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงเสวียน! ข้าตกลง ข้ายอมรับเงื่อนไขก่อนหน้านี้ของเจ้า! แต่ตอนนี้ข้าต้องไปที่ถนนอ้านก่อน เจ้าจะรอข้ากลับมา หรือจะไปกับข้าด้วย?”
“ข้าไปด้วย!” ชิงเสวียนกล่าว
“ส่วนเด็ก ๆ เหล่านี้ ในตอนที่เจ้าไม่อยู่ ข้าจะส่งคนมาดูแล”
ชิงเสวียนกล่าว “ดี ต่อไปนี้ข้าขอติดตามเจ้า ข้าจะหาเงิน!”
ครั้นแล้วพวกเขาก็เดินทางไปยังถนนอ้าน สุดท้ายระหว่างทางกลับมีสุนัขสองกลุ่มเขัามาขวางทางพวกเขาไว้
ด้านหนึ่งเป็นกลุ่มสตรี อีกทางด้านหนึ่งเป็นชายฉกรรจ์
สายตานับไม่ถ้วนกวาดมองมาที่พวกเขา หญิงสาวผู้หนึ่งกล่าวอย่างกำเริบสืบสานว่า “เจ้าก็คือมู่เฉินซี ผู้ที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดที่เอาชนะติดต่อกันเจ็ดสิบครั้งในหอคอยซิงเหลยสินะ”
“ใช่! เจ้ามีปัญหาอันใดหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“สำนักหลินเยว่กองกำลังระดับสี่ของพวกข้าเชิญให้เจ้าเข้าร่วมสำนัก มาเป็นศิษย์ร่วมสำนักหลินเยว่กับพวกข้า ส่วนเรื่องความขัดแย้งก่อนหน้านี้ เจ้าอย่าได้เก็บมันเอามาใส่ใจเลย คนเหล่านั้น ข้ามอบให้เป็นหน้าที่เจ้าจัดการ”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ทัศนคติในการหาศิษย์เข้าร่วมสำนักของสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้านั้นไม่เลวเลย ข้าขอคิดดูก่อนนะ!”
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพราะมู่เฉียนซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุเดี่ยวเท่านั้น หากรู้ว่ามู่เฉียนซีเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่แล้วละก็ คาดว่าคงจะไม่ใช่เป็นการเชิญชวนเข้าร่วมสำนัก แต่จะเป็นการฆาตกรรมเสียมากกว่า
ส่วนคนกลุ่มหนึ่งแน่นอนว่าเป็นคนของสำนักหลางซิง
“กระบี่ปีศาจชิงเสวียน ข้าขอเชิญเจ้าเข้าร่วมสำนักหลางซิง”
ชิงเสวียนกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์และความรู้สึกว่า “ไม่เข้าร่วม!”
“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะปฏิเสธเข้าร่วมสำนักหลางซิงของพวกเรา! สำนักหลางซิงเป็นถึงกองกำลังระดับสี่ หากพรสวรรค์ในการฝีกฝนสูงและพลังแข็งแกร่ง ก็อาจมีโอกาสได้เป็นองครักษ์ขององค์หญิงหลินหลาง นางเป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแดนซวนเทียนเชียวนะ องค์หญิงหลินหลางผู้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ผู้ใดที่ได้ยลโฉม นับว่าเป็นผู้มีบุญมาก เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะปฏิเสธ”
“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า!” ในใจของชิงเสวียนคิดเพียงแค่เรื่องหาเงินทองเท่านั้น หญิงงามอันดับหนึ่ง อัจฉริยะอันดับหนึ่งอันใดเขาไม่เคยสนใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
คนของสำนักหลางซิงล้วนแต่โกรธเกรี้ยวเพราะคำพูดของชิงเสวียน และตอนนี้มู่เฉียนซีก็ตอบกลับไปว่า “ขอโทษด้วย เข้าร่วมสำนักที่มีแต่ผู้หญิงมันน่าเบื่อเกินไป”
“พวกเจ้าไม่รู้สึกเหรอ? อยู่ในสำนักแม่ชีเช่นนี้ พวกเจ้าไม่เป็นห่วงอนาคตของตัวเองบ้างเหรอ หากขายไม่ออก ออกเรือนไม่ได้จะทำเช่นไร หรือว่าพวกเจ้าจะสานไมตรีกับพวกสำนักหลางซิงคนเจ้าเล่ห์เหล่านั้น?”