ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1812 ตัดรากถอนโคน
ต่อมา กลยุทธ์ในการต่อสู้เช่นนี้ก็ทำให้พวกนางรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนี้ชิงเสวียนกำจัดคนของสำนักหลางซิงสองคนนั้นเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าการต่อสู้ทางด้านนี้เขาไม่อาจแทรกมือได้ อีกอย่างเขาก็เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามู่เฉียนซีสามารถกำจัดคนเหล่านั้นได้
เพียงแต่เมื่อเขาเห็นมู่เฉียนซีกลืนกินยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณเข้าไปแต่ละขวดมากมายเช่นนี้ มุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นด้วยความตกใจ ช่างฟุ่มเฟือยมากเกินไปแล้ว ช่างสิ้นเปลืองยิ่งนัก!
ยาลูกกลอนของคนสำนักหลินเยว่ได้หมดลงแล้ว ทว่ายาลูกกลอนของมู่เฉียนซีกลับยังเหลืออยู่ไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “กองกำลังระดับสี่ก็งั้น ๆ! การดูแลของมู่หลินหลางที่มีต่อสุนัขรับใช้ของนางช่างไม่ได้เรื่องเสียจริง ยาลูกกลอนให้มาเพียงน้อยนิด แต่กลับพยายามทำภารกิจอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเจ้าช่างโง่เขลาเกินไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินวาจาเช่นนี้พวกเขาก็โกรธเกรี้ยวจนกระอักเลือดคำโตออกมา ไม่ใช่ยาลูกกลอนของพวกนางไม่มากพอ แต่ยาลูกกลอนของหญิงสาวผู้นี้มีมากเสียจนกินเข้าไปเท่าไรก็ไม่หมดต่างหากเล่า
ผลลัพธ์ที่ตามมาจากการสูญเสียพลังวิญญาณจนหมดสิ้นนั้นร้ายแรงยิ่งนัก ไม่เพียงแต่จับตัวหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เท่านั้น แถมยังต้องพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของนางอีกด้วย
แม้ในใจจะรู้สึกขุ่นเคืองใจและโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง แต่เพื่อเอาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองให้รอด พวกนางจำใจต้องเลือกที่จะถอยหนี
“ล่าถอย!”
หญิงสาวผู้นี้ช่างรับมือได้ยากยิ่งนักเกรงว่าต้องเป็นท่านผู้ดูแลที่มีพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสเท่านั้นถึงจะจัดการนางได้
แต่หากองค์หญิงรู้ว่าแม้แต่หญิงสาวคนเดียวพวกนางก็ยังจัดการไม่ได้องค์หญิงจะต้องสงสัยในความสามารถของพวกนางเป็นแน่
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “เจ้าคิดว่าอยากจะหนีตอนนี้ก็หนีไปได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ ในเมื่อมาหาเรื่องข้าแล้วเช่นนี้แล้ว ก็ควรทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่เสียให้หมด!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ลมพายุพัดกระโชกมาอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารอันเย็นยะเยือกพุ่งเข้าหาพวกนาง
“มู่เฉินซีเจ้าอย่าได้กระทำเกินไปหน่อยเลย!”
“เป็นพวกเจ้าเองที่รนหาเรื่องข้าถึงที่ ฉะนั้นอย่าได้กล่าวโทษข้าว่าข้าทำเกินไป!”
ปัง ปัง ปัง!
พวกนางรีบต้านทานการโจมตีของมู่เฉียนซีทันใด นึกไม่ถึงเลยว่ากระบวนท่าเดียวของขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดจะแข็งแกร่งได้อย่างน่าทึ่งเช่นนี้ คนจำนวนไม่น้อยที่พยายามต้านทานการโจมตีนี้ และตอนนี้เองที่เลือดสีแดงสดได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของพวกนางแล้ว
“ไป! พวกเจ้าสกัดข้างหลังเอาไว้!”
“ศิษย์พี่หญิงพวกข้า…” สีหน้าของคนที่ถูกเรียกให้สกัดด้านหลังเหล่านั้นซีดเผือดขึ้นทันที มู่เฉินซีผู้นี้โหดร้ายป่าเถื่อนเพียงนี้ ที่เรียกว่าคอยสกัดอยู่ข้างหลังนี้เท่ากับคอยเป็นโล่กำบังและเป็นการรอความตายนั่นเอง
“นี่คือคำสั่ง!” และในตอนนี้ ต้องเลือกที่จะทำหรือไม่แล้ว ทำมิเช่นนั้นพวกนางคงต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
คนของสำนักหลินเยว่ถอยหนี ขณะที่มู่เฉียนซีตามไล่ล่า
และในตอนนี้เองมู่เฉียนซีรู้สึกว่ามิติบริเวณโดยรอบได้บิดเบี้ยวขึ้น ทันใดนั้นกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์กลิ่นอายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหวไป มู่เฉียนซีใช้ความเร็วภายในชั่วพริบตาย้ายตำแหน่งที่อยู่ของตนเอง
ตูม!
ทันใดนั้นการโจมตีหนึ่งก็พุ่งไปยังพื้นที่ที่มู่เฉียนซียืนอยู่ก่อนหน้านี้ มันปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้มันรุนแรงมากเพียงใด
“ท่านผู้ดูแลถู!”
ร่างในชุดคลุมยาวสีดำร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ สีหน้าของคนสำนักหลินเยว่เหล่านี้เผยความดีอกดีใจออกมา
“ข้าก็แค่ผ่านมาเฉย ๆ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวอย่างพวกเจ้าจะไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้ แม้แต่สาวน้อยเพียงคนเดียวก็จัดการไม่ได้” ผู้อาวุโสถูกล่าวอย่างเย็นชา
ผู้อาวุโสถูผู้นี้มีร่างกายเป็นหญิง แต่ใบหน้านั้นกลับเป็นชาย ดูแล้วช่างน่าประหลาดยิ่งนัก
พวกนางกล่าวชี้แจงว่า “ท่านผู้อาวุโสถู ท่านไม่รู้หรอกว่ามู่เฉินซีนาง…”
“พลังวายุทำลายดารา!”
พลังวายุบริเวณโดยรอบก็พลันระเบิดกลิ่นอายอันตรายออกมา กระบวนท่านี้เต็มไปด้วยพลังอำนาจที่สามารถทำลายดาราได้ พลังธาตุวายุพัดกระโชกดุจดั่งกระแสน้ำนี้ถูกมู่เฉียนซีใช้อย่างไม่มีวันหมด
“ยังไม่ตายอีก! นึกไม่ถึงเลยว่าจะหลบหลีกได้” สีหน้าของผู้อาวุโสถูเผยความไม่อยากเชื่อออกมา
ศิษย์ของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสถู ช่วยด้วยเจ้าค่ะ!”
ตูม!
พลังอำนาจขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสถูสามารถต้านทานกระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีได้อย่างแน่นอน แต่ในขณะที่เขาต้านทานกระบวนท่านั้น มู่เฉียนซีก็ใช้การเคลื่อนไหวภายในชั่วพริบตา ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังศิษย์ของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นที่กำลังอยู่ในความตื่นตระหนกตกใจและไม่ทันได้ระมัดระวังตัว
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ปัง!
เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา อีกทั้งยังสาดกระเซ็นไปแปดเปื้อนร่างของผู้อาวุโสถูอีกด้วย
ศิษย์สำนักหลินเยว่เหล่านั้นที่ไม่ได้ตกเป็นเป้าของมู่เฉียนซีตอนนี้ต่างอยู่ในความตกตะลึงพรึงเพริดกันทั้งหมดแล้ว
ผู้อาวุโสถูผู้มีพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว พวกนางจะต้องปลอดภัยแน่นอน ทว่า เหตุใดมู่เฉินซีผู้นี้ถึงได้กล้าฆ่าคนของสำนักหลินเยว่ต่อหน้าต่อตาผู้อาวุโสถูเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “คิดว่ามีตาแก่ขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้วพวกเจ้าจะรอดเหรอ ยิ่งประมาทเลินเล่อเช่นนี้ มีหวังต้องตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่!”
พลังอำนาจขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวพัดกระโชกมา แม้แต่พื้นดินก็ยังแตกระแหง
สายตาของผู้อาวุโสถูกวาดมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างโหดร้าย ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “เจ้าเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนแรกที่กล้าฆ่าศิษย์สำนักหลินเยว่ต่อหน้าต่อตาข้า เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”
เมื่อครู่มู่เฉียนซีฆ่าไปสามคนภายในกระบวนท่าเดียว การกระทำเช่นนี้ของนางไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขาอย่างโหดร้ายเลย!
ผู้อาวุโสถูพุ่งตัวไปที่มู่เฉียนซี สายตาของเขาจ้องมองมู่เฉียนซีอย่างโหดเหี้ยม มือข้างหนึ่งง้างโจมตีไปที่มู่เฉียนซี
“เจ้าตัวประหลาด เจ้าอยากให้ใครตายกัน!”
ทันใดนั้นเองร่างในชุดคลุมยาวสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้น ทำลายการโจมตีนั้นของผู้อาวุโสถูไปอย่างง่ายดาย
ชายชราชุดคลุมยาวสีขาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี เขากล่าว “แม่นางมู่ ข้าได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋เจ๋อให้มาปกป้องแม่นาง คนเหล่านี้จะให้ข้าจัดการเช่นไร!”
สีหน้าของผู้อาวุโสถูพลันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “คุณชายไป๋เจ๋อ ช่างบังอาจยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับสำนักหลินเยว่ของข้า!”
“เหอะ! สำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว แม่นางมู่เป็นสหายของคุณชายไป๋เจ๋อ คุณชายบอกเอาไว้ว่า ผู้ใดกล้าทำร้ายนาง จะต้องตัดรากถอนโคนมันผู้นั้นให้สิ้น!” ชายชราชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นท่านผู้อาวุโสก็ทำตามที่คุณชายท่านบอกเถอะ ตัดรากถอนโคนไปเลย!”
“ขอรับ!”
ทันทีที่ชายชราชุดขาวลงมือก็จัดการไปได้สองคนในคราเดียว!
พลังของผู้ดูแลถูไม่ได้แข็งแกร่งมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เขาอยากจะถอยหนี แต่กลับถูกชายชราชุดขาวจับตัวเอาไว้ได้
ตูม!
การต่อสู้ของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์รู้แพ้รู้ชนะได้เร็วมาก ศิษย์ของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นรีบอ้อนวอนร้องขอชีวิตทันที “ท่านผู้อาวุโส ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย! ได้โปรด!”
“ท่านผู้อาวุโสมีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ คงไม่คิดเอาความพวกเราอย่างแน่นอน ได้โปรดท่านปล่อยพวกเราไปเถอะเจ้าค่ะ!”
“ขอเพียงท่านปล่อยพวกเราไป พวกเราสัญญาว่าจะถอนตัวออกจากสำนักหลินเยว่”
ชายชราชุดขาวมองพวกเขาราวกับมองขยะไร้ประโยชน์ก็มิปาน จากนั้นเขาก็ง้างมือขึ้น และกำจัดพวกนางไปในคราเดียว
ชายชราชุดขาวกล่าวว่า “แม่นางมู่ ข้าขอตัวลา!”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมาก!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
ก็แค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำคนเดียว หากท่านผู้อาวุโสผู้นี้ไม่ลงมือ นางก็มีวิธีจัดการได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหากไพ่ตายในมืออย่างเสี่ยวโม่โม่เผยตัวออกมา มีหวังตัวตนที่แท้จริงของนางต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่
ไม่นานนัก ชายชราชุดขาวก็กลับไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ชิงเสวียน เจ้าเห็นแล้วว่าข้าเป็นศัตรูกับกองกำลังระดับสี่ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะติดตามข้า?”
ชิงเสวียนกล่าว “ข้าไม่ได้เหมือนคนทั่วไป! ตอนที่ข้าไปที่หอคอยซิงเหลยเพื่อไปหาเงิน ก็ถูกคนเหล่านั้นจ้องเล่นงานตั้งนานแล้ว คนพวกนั้นช่างน่าเบื่อยิ่งนัก!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่ ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก พวกหาเรื่องไปวัน ๆ ไม่มีอะไรทำ เสียเวลามามากแล้ว เรารีบเดินทางกันเถอะ!”
ครั้งนี้สำนักหลินเยว่ได้สูญเสียศิษย์ขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงไป อีกทั้งยังสูญเสียผู้บำเพ็ญภูตขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ไม่รู้ว่าพวกนางจะหยุดไปอีกนานเพียงใดถึงจะลงมือเคลื่อนไหวอีก
ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีและชิงเสวียนเดินทางไปที่เขตแดนของอาณาเขตเสวียนอ้านอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้เองก็มีคนโผล่ออกมาและกล่าวว่า “ศิษย์น้องหญิง ศิษย์น้องชาย จะเข้าไปในอาณาเขตเสวียนอ้านโดยที่ไม่มีคนนำทางเห็นทีคงจะไม่ได้หรอกนะ!”