ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1814 เขาคือพี่น้องของข้า
ครืน ครืน!
เสียงของบางสิ่งบางอย่างดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
สรุปแล้วก็คือ คนเหล่านี้มีพลังที่สูสีกับกลุ่มคนที่ไล่สังหารของสำนักหลินเยว่ก่อนหน้านี้ เพียงแต่พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นตัวละครที่แสนโหดเหี้ยมและน่ากลัวกว่า ดังนั้นการโจมตีของพวกเขาก็จะยิ่งน่าสะพรึงกลัวตามไปด้วย
มู่เฉียนซีและชิงเสวียนได้เข้ามาสมทบกับพวกเขาแล้ว ไม่นานนัก สงครามในครานี้ก็กลายเป็นสงครามที่แสนชุลมุนไปในทันที
“สองคนนั่นเป็นใครกันแน่! ทั้ง ๆ ที่พลังอยู่ในระดับต่ำแท้ ๆ แต่กลับรับมือได้ยากกว่าพวกยอดฝีมือของสำนักกองกำลังระดับสามระดับสี่เหล่านั้นอีก!”
“พี่น้องทั้งหลาย! สู้ตาย!”
อีกฝั่งมีจำนวนมาก หากปะทะกันแล้วก็ย่อมต้องกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ
สำหรับมู่เฉียนซีและชิงเสวียนนั้น พวกเขาก็คุ้นชินกับสงครามที่ยืดเยื้อเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด
“พลังวายุเมฆา ดาวกระจาย!”
เมื่อปล่อยพลังโจมตีออกไป อีกฝ่ายก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีย่ำลงบนร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นเหล่านั้น แล้วพุ่งเข้าหาหัวหน้าของพวกเขา ก่อนจะใช้พัดวิหคเฟิงหลิงอันเย็นยะเยือกจ่อที่ลำคอของหัวหน้าของพวกเขาเอาไว้
“อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นแล้วหากคอของเจ้าขาด ข้าคงไปรับไม่ทันหรอกนะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หัวหน้าผู้นี้มีเหงื่อเย็นผุดขึ้นทั่วทั้งแผ่นหลัง เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารของพัดวิหคอันเย็นยะเยือกนี้ได้เป็นอย่างดี แล้วเขาจะกล้าขยับเขยื้อนได้อย่างไร?
“เจ้า…อย่าฆ่าข้านะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “การประมูลของถนนมืดมีชื่อเสียงมากในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มาโดยตลอด และมีคนแปลกหน้าจำนวนไม่น้อยที่มาที่นี่เพื่อที่จะคว้าโชคลาภกลับไป ดังนั้นรายได้ของพวกเจ้าคงจะไม่เลวเลยสินะ!”
“ก็แค่ธรรมดาเท่านั้นแหละ! ธรรมดา มีศิษย์จากหลาย ๆ สำนักที่ไม่ชนะการประมูล และส่วนมากก็จะมีองครักษ์ติดตามมาด้วย พวกเราทำได้เพียงรอให้มีกลุ่มที่อ่อนแอหรือปลีกตัวออกมาจากกลุ่มใหญ่ผ่านมาก็เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ง่ายเลย!” หัวหน้าผู้นั้นกล่าวตอบ
กว่าจะรอให้มีคนสองคนที่ปลีกตัวออกมาจากกลุ่มใหญ่เช่นนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่สองคนนี้กลับเป็นคนที่โหดเหี้ยมและน่ากลัวกว่าอีก นี่จะไม่ให้พวกเขามีชีวิตรอดกันเลยหรืออย่างไร!
“ข้าก็ไม่ได้จะรีบร้อนสังหารอะไรเจ้าหรอกนะ เอาของมีค่าที่พวกเจ้าปล้นออกมาให้ข้าเลือก แล้วชีวิตของพวกเจ้าจะปลอดภัย”
พวกเขาต่างรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง นะ…นี่พวกเขาก็เป็นโจรปล้นทรัพย์เหมือนกันอย่างนั้นหรือ!
เมื่อชีวิตอยู่ในกำมือของผู้อื่น พวกเขาก็จำจะต้องเชื่อฟังแต่โดยดี
เมื่อพวกเขานำของล้ำค่าออกมาแล้ว มู่เฉียนซีก็ทำการเลือกในทันที โชคดีที่เด็กสาวผู้นี้มีสายตาเฉียบแหลม! ไม่มีของชิ้นใดที่นางต้องตาเลยสักชิ้น
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ชิงเสวียน เจ้ายังจะยืนอึ้งอะไรอยู่เล่า! ชอบชิ้นใดก็เลือกเอาสิ พวกเราคงไม่เสียแรงเปล่าโดยไม่ได้อะไรกลับไปหรอกนะ!”
ถึงแม้จะเป็นสิ่งของที่ไม่มีมูลค่า ทว่าชิงเสวียนก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแม้แต่ชิ้นเดียว ดังนั้นคนของหมู่บ้านหลงหู่เหล่านี้จึงต้องพบจุดกับจบอันน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
“น้องชาย น้องสาว อย่างน้อย ๆ ก็เหลือให้พวกข้าสักชิ้นสองชิ้นก็ยังดีนะ!”
“หรือให้เงินพวกเรากินข้าวก็ได้!”
“……”
ชิงเสวียนกล่าว “เมื่อของมาอยู่ในกระเป๋าของข้าแล้ว เขาก็ทำใจเอาออกมาไม่ได้หรอกนะ! พวกเจ้าจัดการตัวเองให้ดีเองก็แล้วกัน”
คนของหมู่บ้านหลงหู่เหล่านี้ก็ถึงกับกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว!
เมื่อจัดการพวกเขาเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่คอยนำทางผู้นั้นก็เตรียมที่จะหนีไปในทันที มู่เฉียนซีจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อย่างนั้นหรือ?”
ตุบ! เขาตกใจกลัวจนทรุดลงกับพื้นในทันที
“ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะแม่นาง! ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ ข้าไม่ควรหลอกพวกเจ้า”
เขายอมสารภาพแต่โดยดีแล้ว เขาเป็นคนของหมู่บ้านเฮยสุ่ยที่ถูกผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดเหล่านั้นทำลายจนราบเป็นหน้ากลองแห่งนั้น เดิมทีเขามีหน้าที่นำทางผู้คนไปยังหมู่บ้านเฮยสุ่ยเพื่อให้คนของหมู่บ้านปล้นทรัพย์
ก่อนหน้านี้ทุกอย่างก็เป็นไปได้อย่างราบรื่น คาดไม่ถึงว่าหมู่บ้านเฮยสุ่ยของเขาจะพบกับหายนะ และถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองเช่นนี้ เขารู้สึกราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลายจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าว “สิ่งที่เจ้ากล่าวมาก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด อย่างน้อย ๆ พวกเราก็ต้องการคนนำทาง! เจ้าต้องนำทางต่อไป หากเจ้าทำให้เราพอใจ ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าก็จะยังมีวันพรุ่งนี้ เพียงแต่เจ้าต้องเปลี่ยนเส้นทางสักหน่อย”
“เปลี่ยนเป็นเส้นทางที่มีการปล้นเยอะที่สุดหรือ นะ…นี่พวกท่านเป็นโจรปล้นโจรหรืออย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “อื้ม! มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ศิษย์น้องของข้ายากจนเกินไปแล้ว ข้าก็จะนำทางให้ชีวิตของเขาดีขึ้นอย่างไรเล่า”
ชิงเสวียนกล่าว “ลางสังหรณ์ของข้าไม่ผิดจริง ๆ ด้วย หากคอยติดตามเจ้าแล้วล่ะก็ ย่อมหาเงินได้อย่างรวดเร็ว”
ชิงเสวียนกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อจัดการโจรปล้นทรัพย์เหล่านั้นมาตลอดทาง เขาไม่เพียงแต่จะมีเงินเต็มกระเป๋า แต่ยังสัมผัสได้ว่าตนเองใกล้จะบรรลุระดับขั้นอยู่รำไร
ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงถนนมืดแล้ว เมื่อผู้นำทางได้เห็นการกระทำที่โหดเหี้ยมของคนทั้งสองแล้ว เขาก็แทบจะแตกสลายลงตรงนั้นเสีย คนทั้งสองนี้โหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าโจรด้วยกันเสียอีก
ถึงแม้ถนนมืดจะมีชื่อว่าถนนมืด ทว่ามันก็คือเมืองโบราณเมืองหนึ่งนั่นเอง
คนผู้นั้นกล่าว “ถึงแล้ว ที่นี่แหละ ขะ…ข้าไปได้แล้วยัง?”
ชิงเสวียนกล่าว “ช้าก่อน!”
“ยะ…ยังมีอะไรอีกหรือ?”
“เอาหยกซวนเจ็ดหมื่นชิ้นคืนมา! และถ้าหากเจ้ายังมีหยกซวนอื่น ๆ อีกก็เอาออกมาด้วย”
“จะ…เจ้าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง! ทั้ง ๆ ที่หยกซวนแค่นี้ก็ไม่ได้จำเป็นอะไรสำหรับพวกเจ้าแล้ว”
“จะส่งมาหรือจะตาย?” กระบี่ปีศาจได้เข้าประชิดศีรษะของเขาเตรียมจะลงทัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย
“ให้ ให้ ให้ ข้าให้เจ้าหมดเลย” เขาร้องครวญครางอยู่ในใจ แม้กระทั่งคนจนไส้แห้งอย่างเขาก็ไม่เว้น เจ้านี่มันใจจืดใจดำเสียจริง
ชิงเสวียนเก็บหยกซวนมาด้วยท่าทีพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นจึงเตรียมเข้าเมืองไป
องครักษ์ผู้เฝ้าประตูเมืองพบว่าพวกเขาอยู่ในสภาพมอมแมมสวมอาภรณ์เก่าขาดรุ่งริ่งก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทางรังเกียจ “ถนนมืดไม่ใช่ผู้ใดอยากจะเข้ามาก็เข้ามาได้หรอกนะ หากไม่มีทรัพย์สินที่แน่นอนก็เข้ามาในถนนมืดไม่ได้ แม้กระทั่งจะมาเดินเที่ยวชมก็ไม่มีสิทธิ์ รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้! พวกไร้สำนักไร้หัวนอนปลายเท้า”
ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินออกมา เมื่อเห็นหน้ามู่เฉียนซี คนผู้นั้นก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นอย่างยิ่ง “แม่นางมู่ เจ้ามาแล้ว!คุณชายรอให้เจ้าเข้าพบอยู่ข้างในหลายชั่วยามแล้ว”
องครักษ์ผู้นั้นตกตะลึงไปในทันที ดูเหมือนคนผู้นี้จะเป็นผู้ติดตามของคุณชายไป๋เจ๋อ
อย่าได้ดูแคลนว่ารอยยิ้มของคนผู้นี้ใสซื่อบริสุทธิ์ไร้พิษภัย ทว่าแท้จริงแล้วพลังของเขาก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เชียว
มู่เฉียนซีกล่าว “เขาช่างรอบรู้ข่าวสารจริง ๆ ไปกันเถอะ!”
การประมูลของถนนมืดยังไม่เริ่มขึ้นเลย คุณชายไป๋เจ๋อก็ได้ทำการเหมาโรงเตี๊ยมที่ราคาแพงและหรูหราที่สุดบนถนนมืดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ยินมาว่ากำลังรั้งรอแขกคนสำคัญมาพบอยู่
และแน่นอนว่าคนที่คุณชายไป๋เจ๋อกำลังรออยู่นั้นก็คือมู่เฉียนซีนั่นเอง
“เจ้ามาแล้ว!” สายตาอันแสนอบอุ่นคู่หนึ่งได้ทอดมองไปยังมู่เฉียนซี
ชิงเสวียนสังเกตบุรุษหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสีขาวนวลที่อยู่เบื้องหน้าอย่างละเอียด
บุรุษหนุ่มผู้นี้สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า
คุณชายไป๋เจ๋อเป็นคนลึกลับเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็มีความสำคัญในราชวงศ์ตงหวงและดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อยู่ไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงเสวียนตลอดทางที่ผ่านมาเจ้าคงเหนื่อยไม่เบา ไปพักผ่อนก่อนเถอะ! ข้าอยากคุยกับสหายรักของข้าสักหน่อย”
“ได้!”
โม่ซวนกล่าว “เหลิ่งหนิงจือบอกว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าล่ะเป็นห่วงเจ้าแทบตาย ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าเสียที”
มู่เฉียนซีนั่งลงข้างกายเขาแล้วกล่าว “อย่างไรก็เป็นเสี่ยวเหลิ่งที่เชื่อใจข้าสินะ สำนักลั่วเยว่เป็นปกติดีหรือไม่?”
“ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี!” โม่ซวนกล่าวตอบ
“นับว่าเป็นข่าวดีเลยทีเดียว!”
เมื่อสหายที่ร่วมมือกันทำการค้าขายอีกทั้งยังเป็นสหายเก่าแก่ไม่ได้พบกันมานาน แน่นอนว่าพวกเขาก็มีเรื่องมากมายให้พูดคุยกันอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีรู้สึกพึงพอใจกับสหายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
โม่ซวนกล่าว “เฉียนซี เจ้ารู้จักกับจูเชว่แล้วหรือ?”
“อื้ม! พบเจอกันโดยบังเอิญน่ะ ตอนนั้นเขาถูกคนที่สวมหน้ากากนำออกมาประมูล เพราะการแกะสลักและฝีมือในการทำหน้ากากเหมือนกับของคุณชายไป๋เจ๋อไม่มีผิด” สายตาของมู่เฉียนซีจับจ้องไปยังหน้ากากของคุณชายไป๋เจ๋อ
หากนางไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้ละก็ ในขณะที่นางกำลังช่วยอวิ๋นซิว นางก็คงไม่ช่วยเขาไว้ในเวลาเดียวกันหรอก แต่เป็นเพราะรู้ว่าจูเชว่จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสหายผู้นี้ นางจึงได้ช่วยไว้
มู่เฉียนซีกล่าว “แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก การที่ข้าช่วยเขาไว้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่?”
โม่ซวนกล่าว “เขาเป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันกับข้าตั้งแต่เด็ก แต่เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าต้องแข่งขันกับผู้อื่น และเขาก็คือหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง! เพียงแต่ไม่ว่าพวกเราจะต่อสู้เช่นไร ก็ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองตายไปได้หรอก มิฉะนั้นแล้วคงทำให้ท่านพ่อบุญธรรมเสียเวลากับพวกข้าไปเปล่า ๆ!”