ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1817 นิรันดร์ จิ่วเยี่ย
ร่างสูงโปร่งสวมอาภรณ์สีดำวิจิตรงดงาม ใบหน้าของเขาถูกบดบังด้วยหน้ากากสีดำ ดวงตาสีน้ำเงินอันเปรียบดั่งเกล็ดน้ำแข็งหมื่นปีได้ทอดมองไปยังมู่เฉียนซี แววตานั้นแฝงไปด้วยเลศนัยที่แอบแฝงอยู่ภายใน
เบื้องหลังของเขามีบุรุษสวมอาภรณ์สีเขียวแก่ท่าทางสง่างามผู้หนึ่งยืนอยู่ เมื่อมุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสนชั่วร้าย เขาก็ผลักคนที่อยู่เบื้องหน้าให้ก้าวออกไปในทันที
“ดูสิ! แม่โฉมงามน้อยประหลาดใจใช่หรือไม่? หากเจ้าเชื่อข้าและฟังข้า รับรองว่าไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน รีบเข้าไปหาคนงามตัวน้อยเร็วเข้าสิ! เยี่ย เจ้าอย่าได้สงบเสงี่ยมนักเลย หากสงบเสงี่ยมเกินไป ไม่แน่คนงามตัวน้อยของเจ้าอาจจะถูกปีศาจจิ้งจอกตัวไหนคาบไปกินก็ได้”
จิ่วเยี่ยก้าวออกไปเบื้องหน้า ทันใดนั้นสายลมแรงกล้าก็ได้พัดปะทะเข้ามาหาเขาทันที ธาตุวายุได้กักขังมิตินี้ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จื่อโยวเห็นบุรุษอาภรณ์ขาวรูปงามมากเสน่ห์ไร้ผู้ใดเทียบคนหนึ่ง
เขากล่าวด้วยความตกตะลึง “มีปีศาจจิ้งจอกอยู่จริง ๆ ด้วย!”
นิรันดร์ซัดหมัดออกไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง “หวงจิ่วเยี่ยต่างหากที่เป็นปีศาจจิ้งจอกหลอกล่อศิษย์ที่รักของข้า!”
โครม!
การโจมตีของนิรันดร์ถูกหวงจิ่วเยี่ยป้องกันไว้ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อได้เห็นเขา ดวงตาของจิ่วเยี่ยก็มีแววของความอันตรายวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเขาต้องทราบว่าคนผู้นี้คือผู้ใด?
พลังแห่งความมืดกำลังก่อตัวขึ้น จากนั้นหวงจิ่วเยี่ยก็ได้โจมตีกลับไปอย่างไม่คิดเกรงใจ
จื่อโยวรีบควบคุมมิติที่อยู่โดยรอบในทันที เขากล่าว “เยี่ย เจ้าระวังตัวด้วย! หากทำลายที่นี่แล้วสร้างใหม่ขึ้นมาต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะ เจ้าจะเห็นใจข้าสักหน่อยไม่ได้หรือ?”
จิ่วเยี่ยทอดมองไปยังนิรันดร์ด้วยสายตาเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “รนหาที่ตายนัก!”
“หวงจิ่วเยี่ย ข้าอยากจะต่อยเจ้ามานานแล้ว”
ครั้นนึกถึงศิษย์ที่รักที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน มันก็ยิ่งทำให้เขาโกรธขึ้นเป็นเท่าทวี!
นิรันดร์อย่างเขากลายเป็นคนไร้เสน่ห์เช่นนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ต้องเป็นเจ้าหวงจิ่วเยี่ยที่ขโมยหัวใจของศิษย์ที่รักไปอย่างแน่นอน
ปัง!
คนโหดเหี้ยมไร้ปราณีทั้งสองได้เริ่มปะทะกันแล้ว จื่อโยวรู้สึกว่าเกราะป้องกันของตนเองไม่สามารถทนได้นานเท่าใดนัก เขาจึงทำได้เพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากมู่เฉียนซีเท่านั้น
“แม่โฉมงามน้อย รีบห้ามพวกเขาได้แล้ว”
มู่เฉียนซีไม่ได้มองพวกเขาแต่อย่างใด ทว่ากลับหันไปกล่าวกับโม่ซวนที่กำลังมองคนทั้งสองปะทะกันด้วยความตกตะลึงแทน “โม่ซวนที่นี่ชักจะหนวกหูเกินไปแล้ว! พวกเรากลับไปศึกษาแผนที่ที่โรงเตี๊ยมดีกว่า ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก!”
ผู้ที่ทำพันธสัญญากับนางล้วนไม่ถูกกับจิ่วเยี่ยทั้งนั้น ตั้งแต่อาถิง พิฆาตวิญญาณ มังกรวารีรวมไปถึงนิรันดร์ล้วนไม่ถูกกับจิ่วเยี่ยทั้งนั้น นางชินชาไปแล้ว
เมื่อมู่เฉียนซีกำลังจะเดินจากไป แน่นอนว่าจิ่วเยี่ยย่อมไม่อยากให้นางจากไปอยู่แล้ว กว่าเขาจะออกจากวังคุกโลหิตมาเจอซีได้ก็ไม่ง่ายเอาเสียเลย
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อหลบหลีกการโจมตีของธาตุวายุอันแสนน่ากลัวได้แล้ว เขาก็มาปรากฏอยู่เบื้องหลังมู่เฉียนซีด้วยความรวดเร็ว แล้วดึงมู่เฉียนซีเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
มู่เฉียนซีอยู่ใกล้จิ่วเยี่ยถึงเพียงนี้ แน่นอนว่านิรันดร์ก็ไม่กล้าโจมตีอีก แม้จะรู้ว่าเขาไม่อาจทำร้ายศิษย์ที่รักได้ และการโจมตีของเขาก็ไม่มีวันหันไปทางศิษย์ที่รักอย่างแน่นอน
ดวงตาของนิรันดร์มีประกายไฟโทสะลุกโชนจนน่ากลัว “หวงจิ่วเยี่ย ปล่อยมือเจ้าซะ”
จิ่วเยี่ยกอดร่างบางแน่นขึ้นเรื่อย ๆ “ซีเป็นของข้า!”
“ข้าเป็นของศิษย์ที่รัก!” นิรันดร์กล่าวขึ้นอย่างเต็มปากเต็มคำ
จิ่วเยี่ยกระตุกยิ้มมุมปากอันแสนเย็นชา “ก็แค่เตาหลอมยาก็เท่านั้น!”
นิรันดร์รู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง “ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์ที่รักกับข้าไม่ใช่แค่นั้นอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย”
จูบอันแสนเย็นยะเยือกถูกประพรมลงบนใบหน้ามนของมู่เฉียนซี เขากล่าว “ข้าเองก็เป็นของซี เป็นผู้ชายของซี”
คนหนึ่งเป็นบุรุษ คนหนึ่งเป็นเตาหลอมยา เป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนยิ่ง นิรันดร์รู้สึกอิจฉาริษยาอยู่ในใจ ไฟแห่งความริษยาแผดเผาเขาเสียจนเจ็บปวดทรมานเจียนตาย
นิรันดร์เป็นปรมาจารย์แห่งความรัก ดังนั้นเขาจึงมองออกว่าศิษย์ที่รักไม่มีท่าทีขัดขืนหรือปฏิเสธการเข้ามาใกล้ชิดของหวงจิ่วเยี่ยแม้แต่น้อย อีกอย่างนางก็คุ้นชิ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาล้มเหลวในเรื่องความรัก และเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวด เขากล่าว “ศิษย์ที่รัก ที่นี่มันน่าอึดอัดใจเกินไป อาจารย์ขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อยก็แล้วกัน”
จิ่วเยี่ยสัมผัสได้ถึงพลังงานและอุณภูมิจากร่างกายของมู่เฉียนซี หากไม่ใช่เพราะรอบกายยังมีคนผู้อื่นอยู่ เขาคงจะสัมผัสนางให้มากกว่านี้ไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้ามาแล้ว!”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าแล้วกล่าว “อื้ม!”
เมื่อกำจัดภัยอันตรายออกไปได้แล้ว จื่อโยวก็อดรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวเสียมิได้ เขากล่าว “แม่โฉมงามน้อย เจ้าอย่าได้เห็นว่าจิ่วเยี่ยเป็นคนเย็นชาเลย ตอนที่ข้าบอกเขาว่าเจ้ามาร่วมการประมูลที่ถนนมืด เขาก็แทบจะเหาะเหินมาหาเจ้าเลยทีเดียว”
“เพียงแต่มาหาเจ้าเฉย ๆ มันก็คงธรรมดาจนเกินไป ข้าก็เลยวางแผนให้เขาออกมา เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง ก็ค่อยส่งของที่เจ้าต้องการประมูลมาให้เจ้าทั้งหมดในคราเดียว”
จื่อโยวกล่าว “เมื่อต้องมาคบค้ากับเจ้านายที่ไม่รู้จักเอาใจผู้หญิงแบบนี้ ข้าเองก็เหนื่อยใจเหมือนกัน!”
“ซี ข้าให้เจ้า!” จิ่วเยี่ยได้ส่งของที่มู่เฉียนซีต้องการประมูลก่อนหน้านี้ทั้งหมดมาให้มู่เฉียนซีจริง ๆ ด้วย นอกจากสิ่งของเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีของชิ้นอื่นอีกด้วย
มู่เฉียนซีกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นี่จิ่วเยี่ยขโมยโกดังตลาดการประมูลมาจนหมดเกลี้ยงเลยหรืออย่างไร!
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังจื่อโยวแล้วกล่าว “ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ ยอดฝีมือที่ลงมือจัดการคนของราชวงศ์ตงหวงเมื่อครู่คือพวกเจ้าสินะ!”
“ใช่แล้ว! ไม่รู้จักดูเสียบ้างว่าที่นี่เป็นที่ใด กล้ามาขโมยของประมูลรึ สงสัยคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง! แต่เห็นแก่เงินที่พวกเขานำมาให้ ข้าจะให้พวกเขาได้มีโอกาสหายใจไปอีกสักหนึ่งชั่วยามก็แล้วกัน! อย่างไรเสียข้าก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาออกไปจากถนนมืดโดยที่ยังมีลมหายใจอย่างแน่นอน” แววตาของจื่อโยวปรากฎความเย็นชาวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรเสียจุดจบของคนเหล่านั้นก็คงไม่น่าพิสมัยเท่าใดนัก
มู่เฉียนซีนำแผ่นหยกออกมาแล้วกล่าว “แล้วแผนที่แผ่นนี้มีความจริงมากน้อยแค่ไหนกัน?”
จื่อโยวกล่าว “เรื่องนี้ก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้ เพียงแต่เมื่อมันมีความเกี่ยวข้องกับธาตุแสง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยวางได้ จิ่วเยี่ยเองก็ได้มาแล้วด้วย”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “เช่นนั้นก็มาไขปริศนาแผนที่ชิ้นนี้ด้วยกันเถอะ!”
ไม่ใช่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่กำลังไขปริศนาแผนที่ชิ้นนี้ ไม่ว่าผู้ใดที่ประมูลแผนที่ชิ้นนี้ได้ ก็ล้วนแต่พยายามใช้สมองไตร่ตรองและไขปริศนาชิ้นนี้อย่างสุดกำลังเช่นกัน
โม่ซวนกล่าว “ที่นี่น่าจะเป็นทะเลสาบโยวหมิงนะ แต่ข้าก็ไม่ได้แน่ใจ”
จื่อโยวกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พักผ่อนกันก่อนสักคืน แล้วค่อยดูว่าคนผู้อื่นมีความคิดเห็นว่าอย่างไร จากนั้นก็ค่อยสรุปเบาะแสทั้งหมด เช่นนี้ก็น่าจะหาที่ตั้งของมันเจอ พี่ชาย เจ้าพักอยู่ที่ใด เดี๋ยวข้าจะส่งพี่ชายกลับไปเอง ถนนมืดค่อยข้างอันตรายไม่น้อย”
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังของผู้เป็นนายยิ่งแฝงไปด้วยความอันตรายขึ้นเรื่อย ๆ มีหรือที่เขาจะไม่รู้จักผู้เป็นนาย เจ้านายคงจะรู้สึกขัดตากับคนทั้งสองอย่างแน่นอน รีบถอยกลับไปก่อนจะดีกว่า!
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังโม่ซวนแล้วกล่าว “ดูเหมือนอิทธิพลมืดบนถนนมืดจะอยู่ในพื้นที่ของจิ่วเยี่ยกับจื่อโยวนะ ไม่ใช่ศัตรู”
จื่อโยวกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่ใช่ศัตรูอะไรกันเล่า! พื้นที่ของเยี่ยแน่นอนว่าก็ต้องเป็นของแม่โฉมงามน้อยเช่นกัน ได้ยินมาว่าพี่ชายเป็นสหายร่วมลงทุนกับแม่โฉมงามน้อยด้วย หากมีปัญหาอะไรก็มาขอความช่วยเหลือจากพวกเราได้”
โม่ซวนกล่าว “เช่นนั้นพวกเราก็ควรมาปรึกษาพูดคุยกันสักหน่อยแล้ว!”
“ได้!”
จื่อโยวได้พาโม่ซวนปลีกตัวออกไปแล้ว จิ่วเยี่ยจึงดึงมู่เฉียนซีเข้ามาประชิดข้างกายในทันที เมื่อหน้ากากสีดำถูกปลดออก ใบหน้ารูปงามแสนเย็นชาก็ยังคงปะทะเข้ามาในดวงใจมู่เฉียนซีดังเดิม
เมื่อถูกใบหน้าอันหล่อเหลาดึงดูด ริมฝีปากบางของบุรุษรูปงามก็เข้าจู่โจมในทันที!
ฟึ่บ! เสียงของบางสิ่งบางอย่างแทรกผ่านกลางอากาศมา นิรันดร์หวนกลับมาอีกครั้ง แล้วปรากฎตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์ที่รักเป็นเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์หม้อวิญญาณนิรันดร์ หวงจิ่วเยี่ยหากคิดจะเอาเปรียบนาง ก็ผ่านด่านข้าไปให้ได้ก่อน!มิฉะนั้นแล้วก็อย่าได้หวัง!” นิรันดร์ออกไปสงบจิตสงบใจได้ครู่หนึ่ง จากจิตใจที่คับแคบก็กว้างขวางขึ้นมาในบัดดล สำหรับหญิงงามแล้ว คนอย่างนิรันดร์ก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน