ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1820 ถูกดึงดูดมา
บุรุษหนุ่มผู้นั้นตะคอกใส่ลูกน้องของเขาด้วยท่าทางขุ่นเคือง “พวกเจ้าจะมัวยืนบื้อกันอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปสั่งสอนเจ้าเด็กนั่นให้ข้าอีก”
ร่างจำนวนนับไม่ถ้วนวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาก้มมองมู่เฉียนซีจากกลางเวหาแล้วกล่าว “แม่นางน้อย ใช่ว่าพวกเราจะเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กอย่างไร้เหตุผลหรอกนะ เพียงแค่เจ้ากล่าวขอโทษคุณชายของเรา แล้วบอกวิธีต้านทานดนตรีทะเลทรายสิ้นหวังกับพวกเรามา พวกข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอย่างแน่อน”
สำหรับพวกเขาแล้ว การที่จะจัดการเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งก็ง่ายดายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก
ทว่าหากจะให้พวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กสาวตัวเล็ก ๆ พวกเขาก็คงจะรู้สึกไร้เกียรติ ดังนั้นพวกเขาจึงจะเปิดทางให้มู่เฉียนซีได้มีทางลงบ้าง
มู่เฉียนซีชี้ไปยังบุรุษหนุ่มท่าทางน่าอนาถผู้นั้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถึงแม้ตะต้องขอโทษ แต่คนที่ต้องขอโทษก็ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเขาต่างหาก! ข้าไม่อยากเสียเวลา พวกเจ้าสำคัญตัวเองมากเกินไปแล้ว!”
“สาวน้อยบ้าบิ่นอย่างเจ้า คงต้องได้รับบทเรียนสักหน่อยแล้ว” สีหน้าของผู้อาวุโสเหล่านี้ดูเย็นชาขึ้นในบัดดล จากนั้นพวกเขาก็ทำการโจมตีมู่เฉียนซีภายในชั่วพริบตา
ครืน!
เมื่อพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระเบิดขึ้น ผู้บำเพ็ญภูตขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตตัวเล็ก ๆ ก็ย่อมต้องหวาดกลัวจนแข่งขาอ่อนยวบทรุดลงไปกับพื้นอย่างแน่นอน
ทว่ามู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งไร้ผู้ใดเทียบ พลังระดับนี้ไม่อาจข่มขู่หรือส่งผลกระทบใด ๆ ต่อนางได้แม้แต่น้อย
นางสามารถหลบหลีกการโจมตีของพวกเขาได้ภายในชั่วพริบตา
“หลบได้อย่างนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร?” สีหน้าของพวกเขาปรากฎความไม่อยากเชื่อขึ้นอย่างชัดเจน
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวโม่โม่ พวกเรามาเล่นกับพวกเขาสักหน่อยดีกว่า รีบสู้รีบจบ!”
อีกฝ่ายมีผู้ที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์จำนวนไม่น้อย หากอยากจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ในเวลาสั้น ๆ นางคนเดียวก็คงไม่เพียงพอ
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืดภายในชั่วพริบตา ราวกับมีเปลวไฟสีนิลปกคลุมอยู่ทั่วทั้งท้องนภาก็มิปาน
พวกเขาหน้าถอดสีไปในทันที “สัตว์เทพ!”
“แม่นางน้อย พวกข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับสัตว์เทพด้วย! แต่เจ้าคิดหรือว่าหากมีสัตว์เทพอยู่แล้ว เจ้าจะรักษาชีวิตน้อย ๆ ไว้ได้หรือ?” พวกเขาหัวเราะเยาะ ก่อนจะรีบแยกย้ายออกไปคนละทิศละทางอย่างรวดเร็ว
“ประตูมังกรสวรรค์พิฆาต!”
“เวหาทลายศัตรู!”
“……”
แต่ละคนล้วนส่งเสียงเคร่งขรึมข่มขู่มู่เฉียนซี ไม่นานนักพลังวิญญาณก็แปรเปลี่ยนเป็นความโหดร้ายทารุณ การโจมตีของพวกเขาได้พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่จากทั่วทุกสารทิศ
ปัง ปัง ปัง!
การที่สัตว์เทพจะไม่สะทกสะท้านก็เป็นเรื่องปกติ ทว่าการที่มู่เฉียนซียังคงมีท่าทีสุขุมเป็นปกติสุขดีนั้นทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง แผนการของแม่นางน้อยนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ครืน ครืน!
มู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่รวมพลังกัน ไล่ล่าบรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้นไม่เลิกรา
บุรุษหนุ่มที่ได้กล่าวยั่วโทสะไปก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความฝันก็มิปาน ผู้บำเพ็ญภูตขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่มีพลังเพียงเล็กน้อยคนหนึ่ง จะมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
“พลังวายุเมฆา ดาวกระจาย!”
“……”
มู่เฉียนซีสามารถใช้ทักษะวิญญาณพลังธาตุวายุได้อย่างอิสระและชำนาญเป็นอย่างยิ่ง สายตาของจิ่วเยี่ยยังคงหยุดนิ่งอยู่ที่นางมาโดยตลอด ราวกับว่ามองอย่างไรก็มองไม่พอก็มิปาน
อู๋ตี้และเสี่ยวหงที่อยู่กลางเวหาต่างก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจไม่น้อย “หากพวกเราสองคนออกไป คงไม่ต้องไปตามไล่สังหารผู้อาวุโสเหล่านั้นให้วุ่นวายหรอก สังหารให้ตายไปทั้งหมดทีเดียวง่ายจะตายไป!”
อู๋ตี้กล่าว “ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบนอนหรอกหรือ? เช่นนั้นก็หลับไปเสียสิ! ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเราต้องลงสนามสักหน่อย ให้เจ้าหงส์น้อยนั่นฝึกฝนให้มากสักหน่อย”
“หึ! รู้แต่จะด่าว่าข้า วางแก่นวิญญาณที่แทะอยู่ลงบ้างก็ได้!”
ตั้งแต่มู่เฉียนซีเปลี่ยนแปลงสถานะแล้วหวนกลับมาที่แดนซวนเทียน อู๋ตี้และเสี่ยวหงก็ทำได้เพียงมองดูเสี่ยวโม่โม่ทำการต่อสู้อย่างทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
ทว่าก็ไม่เป็นอะไร ระหว่างนี้พวกเขาก็จะได้พักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย ถึงยามนั้นเมื่อพลังได้พัฒนาไปอีกหนึ่งขั้น ทุก ๆ คนก็จะตกตะลึง แล้วพวกเขาจะได้ออกไปสู้รบกับนายท่านไปทั่วทั้งใต้หล้าอย่างน่าเกรงขาม
สีหน้าของคนเหล่านี้บูดบึ้งไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ปะทะกันไปมาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่อาจจัดการแม่สาวน้อยคนนี้ได้ ในทางกลับกันยังถูกสัตว์เทพของนางโจมตีจนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ผู้อาวุโสจากสำนักกองกำลังระดับสี่ที่แต่งองค์ทรงเครื่องมาอย่างเพียบพร้อม บัดนี้กลับถูกสายลมและเพลิงหงส์อมตะโจมตีจนอาภรณ์ขาดรุ่งริ่งไม่เป็นชิ้นดี สภาพไม่ต่างอันใดจากขอทานยาจกข้างถนนเลยสักนิด
บุรุษหนุ่มกล่าว “ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านจะเสียเวลามากเกินไปแล้ว พวกเราจะไปตามหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ อย่าได้มาเสียเวลากับผู้หญิงเพียงคนเดียวเลย”
“ตั้งแนวรบ ไม่มีความจำเป็นให้เด็กคนนี้มีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้ว”
“ขอรับ!”
“น่าเสียดายหงส์ที่เป็นสัตว์เทพตัวนั้นจริง ๆ”
พวกเขาล้วนเป็นผู้อาวุโสของสำนักกองกำลังระดับสี่ และรู้จักกันมานานหลายสิบปีแล้ว พลังการตั้งแนวรบของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์ก็ไม่ใช่น้อย ๆ
ครืน ครืน!
การโจมตีแบบตั้งแนวรบจึงจะทำให้พวกเขาสามารถรับมือกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดที่นับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งคนหนึ่งได้ มันทำให้พวกเขารู้สึกโกรธและหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อได้เผชิญหน้ากับความเร็วและการป้องกันของมู่เฉียนซี อีกทั้งยังมีเพลิงหงส์อมตะของเสี่ยวโม่โม่ที่สุดแสนจะน่ากลัว ถึงแม้พวกเขาจะนับว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทว่าหากคิดจะสังหารมู่เฉียนซีแล้ว ความสามารถเพียงเล็ก ๆ น้อยๆนี้ก็ไม่เพียงพอแต่อย่างใด
ท่ามกลางทะเลทรายสิ้นหวัง เสียงดนตรีอันแสนโศกเศร้าและสิ้นหวังได้เคล้าไปกับเสียงของการสู้รบที่กำลังแว่วดังขึ้นอยู่ไม่คลาย
ทันใดนั้นแววตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของจิ่วเยี่ยก็ได้เคลื่อนไปยังอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
อยู่ ๆ เขาก็หายวับไปตรงนั้นภายในชั่วพริบตา เขาใช้แขนโอบรัดร่างบางของมู่เฉียนซีซึ่งถูกผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่งรายล้อมไว้ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ปัง ปัง ปัง!
พลังโจมตีอันแข็งแกร่งของเขาก็ล้วนถูกจิ่วเยี่ยต้านทานไว้ได้อย่างง่ายดาย คนเหล่านั้นล้วนแต่ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น แผ่นหลังของพวกเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
บุรุษชุดดำท่าทางเงียบขรึมที่ติดตามแม่นางน้อยมาด้วยผู้นี้ เพียงแค่ยืนดูแม่นางน้อยต่อสู้กับพวกเขา และไม่มีทีท่าจะลงมาต่อสู้ด้วยแต่อย่างใด ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย เห็นทีคงจะเป็นแมงดาที่คอยเกาะผู้หญิงกระมัง
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น พลังที่แผ่ซ่านออกจากตัวของเขาจะเป็นอะไรที่น่าตกใจถึงเพียงนี้
จิ่วเยี่ยเอ่ยถาม “ซี ข้าว่าพอสมควรแล้วกระมัง?”
มู่เฉียนซีกล่าว “มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ที่นั่นมีอะไรบางอย่าง?” จิ่วเยี่ยทอดมองไปยังทิศทางหนึ่ง
“เช่นนั้นพวกเราไปดูกันเถอะ”
พวกเขาเตรียมจะออกเดินทางแล้ว ทว่ากลับมีคนไม่ยินยอมให้พวกเขาจากไป
“พวกเจ้าจะไปที่ใดไม่ได้ทั้งนั้น ทำร้ายข้าแล้วคิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆอย่างนั้นรึ”
“หากวันนี้ข้าไม่…”
“……”
พวกเขาคิดจะทะยานขึ้นไปขัดขวางมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยไว้ ทว่าเพียงชั่วพริบตาพวกเขาทั้งสองก็ได้หายวับไปเสียแล้ว
ไม่นานนักเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็แว่วดังขึ้น “อ้า! มือข้า!”
“ขาข้า!”
“ช่วยด้วย!”
จิ่วเยี่ยได้เดินจากไปไกลมากแล้ว ทว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคที่จะส่งคนเหล่านั้นลงนรกไปแต่อย่างใด
จากเนื้อหนังกลับกลายเป็นกระดูกขาวโพลน วิญญาณล่องลอยกลายเป็นหมอกควัน
ด้วยความเร็วของจิ่วเยี่ยแล้ว เขาก็สามารถไปถึงสถานที่แห่งนั้นได้รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่ไปถึง มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ไปถึงเช่นกัน
อย่างไรเสียผู้ที่ทำการประมูลและได้รับแผนที่ชิ้นนี้ไปก็มีจำนวนหลายร้อยคน อีกทั้งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั่นก็ถูกเล่าขานว่ามันมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีผู้ใดยอมล่าถอยไปแม้แต่คนเดียว
“ที่นี่ไม่เห็นจะมีอะไรเลย? เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดข้ามาที่นี่นะ”
“ข้าเองก็สัมผัสได้เช่นกัน คงเป็นเพราะมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลือกข้าอย่างแน่นอน จึงได้ดึงดูดให้ข้ามาที่นี่ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับนั้นสามารถเลือกเจ้านายได้อย่างไม่ต้องสงสัย”
“……”
เมื่อมู่เฉียนซีได้ยินคนเหล่านี้กำลังพูดจาซี้ซั้ว นางจึงกล่าว “เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกอะไรเลย?”
นิรันดร์หัวเราะเยาะแล้วกล่าว “คนเหล่านี้คิดเข้าข้างตัวเองเสียจริง! หากเป็นเสี่ยวห้วนเอ๋อร์จริงคงไม่เห็นพวกอัปลักษณ์เหล่านี้อยู่ในสายตาหรอก?”
“คงไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นที่ชื่นชอบในคนรูปงามเหมือนเจ้าหรอกนะ! นิรันดร์”
“อย่าพูดเลย เจ้าเสี่ยวห้วนเอ๋อร์หนักกว่าข้าเสียอีก ข้าเพียงแค่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่เขาน่ะหรือ! ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังดูที่จิตใจอีกด้วย เจ้านั่นมันวิปลาส!” หากให้เอ่ยถึงเจ้าเด็กเปรตผู้นั้นแล้วละก็ นิรันดร์ก็รู้สึกเหนื่อยจนเกินบรรยายเลยจริง ๆ