ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1822 ผลกระทบอันน่าสะพรึงกลัว
นักล่าสมบัติเหล่านี้แม้จะรู้ว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้านั้นแข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่มีผู้ใดที่คิดจะยอมแพ้เลยสักคนเดียว ความเชื่ออันแน่วแน่อย่างที่สุดนั้นทำให้พวกเขาไม่มีความเกรงกลัวต่อความตาย ทั้งยังยืนหยัดจนถึงที่สุดอีกด้วย!
แน่นอนว่า พวกเขาไม่สามารถที่จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้โดยอาศัยเพียงหัวใจที่มีความเด็ดเดี่ยวหนักแน่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากต้องการที่จะเอาชนะพวกมันให้ได้ก็จะต้องใช้พละกำลังอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
นิรันดร์เหลือบมองไปที่หวงจิ่วเยี่ยแล้วกล่าวว่า “แบ่งกันคนละตัว แล้วมาดูว่าผู้ใดเอาชนะได้ก่อน! หากว่าเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าจะต้องไสหัวกลับไปยังแดนนรกซะ!”
จิ่วเยี่ยไม่ได้ให้ความสนใจต่อคำพูดของนิรันดร์อย่างสิ้นเชิง และยังต้องการที่จะทำลายรูปปั้นทั้งสองตัวนี้เพียงคนเดียวด้วย
“เจ้ามันเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว นี่มันเป็นของข้า!” นิรันดร์รีบวิ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน
โครมม!
การเคลื่อนไหวของทั้งสอง กล่าวได้ว่าทั้งรวดเร็วและแม่นยำเป็นอย่างมาก!
ตูม! ตูม!
รูปปั้นทั้งสองนี้ถูกเปิดออก และประตูบานนั้นก็เปิดออกมาด้วยตนเองในทันที
ทุกคนต่างทนรอไม่ไหวจึงรีบพุ่งทะยานเข้าไป และในตอนที่พวกเขาพุ่งทะยานเข้าไปแล้ว พวกเขาถึงได้รู้ว่าสถานที่ที่พวกเขาไปนั้นไม่ใช่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่มันกลับเป็นดินแดนนรกที่ไร้ขีดจำกัดแห่งหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้มืดครึ้มเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเน่าอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
แม้สภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้จะแปลกประหลาดมาก แต่พวกเขากลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญด้วย
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำว่า “เจ้ามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างนั่นมาทำบ้าอะไรที่นี่กันแน่?”
นิรันดร์กล่าวว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ มารอดูสถานการณ์กันก่อนเถอะ!”
สถานที่แห่งนี้เป็นป่าทึบที่เขียวชอุ่ม ในตอนที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้า ก็มีเสียงสะท้อนดังขึ้นมาจากบริเวณโดยรอบ
“อ๊ากกก!”
ดูเหมือนว่ารากของต้นไม้ที่อยู่บนพื้นจะมีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น มันพุ่งตรงออกมาจากพื้นดิน จากนั้นก็แทงทะลุฝ่าเท้าขึ้นมา และเลือดสดก็สาดกระเซ็นไปบนพื้นดินสีดำทมึนนั้น
“ระวัง!”
“ทำลายสิ่งชั่วร้ายแห่งความมืดเหล่านี้ซะ!”
“สิ่งที่มาจากความมืดเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องถูกกำจัดไปให้สิ้นซาก”
ตูมม!
เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้ายแห่งความมืดที่แปลกประหลาดนี้ และแน่นอนว่าก็ได้มีบางสิ่งกำลังแอบลอบโจมตีมู่เฉียนซีอยู่
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว! พัดวิหคเฟิงหลิงถูกกวาดออกไป และตัดพื้นที่อันตรายเหล่านั้นออกไปบางส่วน
ปัง ปัง ปัง! ทุกคนต่างพากันระแวดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าหากหละหลวม ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะรักษาชีวิตน้อย ๆ นี้ไว้ไม่ได้เป็นแน่
“ทุกคนระวังด้วย!”
“ฆ่ามัน!”
“……”
พวกเขาฆ่าสิ่งแปลกประหลาเหล่านี้อย่างสุดกำลัง และพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีก็แพร่กระจายออกไป
ไม่คาดคิดเลยว่านางจะไม่สามารถสัมผัสถึงพลังธาตุแสงใด ๆ จากสถานที่แห่งนี้ได้เลย แต่สิ่งที่สัมผัสได้มีเพียงแค่แรงกดดันของพลังแห่งความมืดเท่านั้น
แล้วก็ยังมี…ใครบางคนกำลังตรงมาทางนี้!
ไม่คิดว่าสถานที่เช่นนี้จะมีคน ทว่ามีคนก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน
หากมีเพียงแค่พืชเพชฌฆาตเหล่านี้จริง ๆ คงไม่มีหนทางที่จะสอบถามข้อมูลได้เป็นแน่
นางหรี่ตาลงเล็กน้อย คนพวกนั้นกำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ทั้งยังมาทางนี้ด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีธนูนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาโจมตี และเป้าหมายในการโจมตีก็คือพวกเขานั่นเอง
ถึงจะพบเจอมนุษย์ในสถานที่ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ แต่ทว่าภายในสายตาของพวกเขากลับมองว่าเป็นศัตรูเสียอย่างนั้น
“ฆ่าพวกมัน! ฆ่าพวกมันซะ!”
“สิ่งชั่วร้ายแห่งความมืดเหล่านี้ จำต้องจัดการให้สิ้นซาก”
“……”
ทักษะวิญญาณต่าง ๆ ปะทุออกมาทั่วทั้งท้องฟ้า และพุ่งเข้าไปสังหารคนที่โจมตีเหล่านั้น
แน่นอนว่า อีกฝ่ายก็ไม่เกรงใจ และโต้กลับอย่างดุเดือดเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราคอยรอดูสถานการณ์กันก่อนเถอะ! การต่อสู้ที่ชุลมุนเช่นนี้ ข้าไม่ขอเข้าไปร่วมวงด้วยก็แล้วกัน หลังจากที่พลังแห่งแสงสว่างปรากฏออกมา คนเหล่านั้นก็กลายเป็นไม่ปกติไปแล้ว”
นิรันดร์กล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ปกติอยู่แล้ว ถูกพลังแห่งแสงสว่างชำระล้างก็จะเปลี่ยนมาบูชาพลังแห่งแสงสว่างแทน ภายในใจก็จะถูกชำระล้างจนสะอาด เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้ายแห่งความมืด ทุกคนก็ต้องการที่จะกำจัดให้สิ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ทั้งไม่คำนึงถึงตนเองอีกด้วย”
เนื่องจากไม่คำนึงถึงตนเอง ดังนั้นจึงต่อสู้เข่นฆ่าอย่างไม่กลัวตายและไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะบาดเจ็บเจียนตายแต่พวกเขาต่างก็ไม่รู้สึกถึงมันเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเพราะเหตุใดเผ่ามังกรแห่งความมืดถึงได้ปกปิดเรื่องมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างไว้ลึกถึงเพียงนั้น เนื่องจากพลังนี้มันส่งผลที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้นี่เอง!”
เดิมทีพวกเขาคิดจะไล่ล่าสิ่งเหล่านี้ในนามของแสงสว่าง ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นเหยี่อของคนเหล่านี้เสียเอง ทั้งยังถูกจับด้วยคนเหล่านี้อีกต่างหาก
ดูเหมือนว่าพวกเขายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่ได้ถูกกำจัดให้สิ้นซาก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ความสามารถของคนเหล่านี้แข็งแกร่งมาก และยังเป็นคนที่ฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุแห่งความมืดอีกด้วย”
“หากว่าพวกเขาสามารถเอาชนะรูปปั้นทั้งสองได้แล้วละก็ เมื่อเข้ามาแล้วก็คงมีพลังพอที่จะต่อสู้บ้าง แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ ดังนั้นพลังของทั้งสองฝ่ายจึงแตกต่างกันอย่างมาก และการที่จะถูกจับได้นั้นก็เป็นเรื่องที่ปกติมากเลยทีเดียว” นิรันดร์กล่าวตอบ
“ตามไปดูก่อนว่าพวกเขาจะทำอะไรกันแน่?”
คนที่ถูกจับเหล่านี้ยอมตายเสียยังดีกว่ายอมจำนน “ให้ตายเถอะ! เจ้าพวกน่ารังเกียจนี่ คิดจะตรงเข้ามาสังหารพวกเราหรือ!”
“ใช่ ๆ ๆ! คิดจะตรงมาสังหารพวกเรา”
สีหน้าของคนเหล่านั้นเผยให้เห็นถึงความเย็นชาออกมา จากนั้นก็มัดพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา แล้วพาพวกเขากลับไปด้วย
ข้างหน้ามีหมู่บ้านเล็ก ๆ หมู่บ้านหนึ่ง เป็นสถานที่ซึ่งมีครอบครัวอยู่ประมาณหนึ่งร้อยครัวเรือนได้
ปึก ปึก ปึก! หลังจากที่จับคนกลับมาแล้ว ก็มีคนในหมู่บ้านออกมามุงดูเป็นจำนวนมาก
ในเวลานี้ ชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำคนหนึ่งเดินเข้ามา และพวกเขาต่างก็ตะโกนกล่าวอย่างเคารพว่า “ท่านหัวหน้าเผ่า!”
“ท่านหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสของท่านมาถึงแล้ว”
“……”
คนที่ถูกจับมาเหล่านั้น ต่างจ้องมองไปที่พวกเขาด้วยความโกรธเคือง และเปลวเพลิงของความโกรธนั้นก็ราวกับว่าจะเผาพวกเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ท่านหัวหน้าเผ่าถอนหายใจ “เฮ้อ!”
“ท่านหัวหน้าเผ่า คนที่เข้ามาในครั้งอ่อนแอมากเกินไป ช่างบอบบางเสียเหลือเกิน! ดูเหมือนว่าความสามารถของคนที่อยู่ข้างนอกเหล่านี้ยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว”
“ให้ตายเถอะ! หากพวกเราไม่ถูกขังอยู่ในสถานที่บ้า ๆ เช่นนี้ และฟื้นฟูเผ่าของเรามาตั้งแต่แรก คงมีชื่อเสียงไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว”
“……”
ท่านหัวหน้าเผ่าในชุดคลุมสีดำกล่าวว่า “เฮ้อ! พวกเขาก็คือคนน่าสงสารเช่นกัน ส่งพวกเขาออกไปเถิด!”
“เราไม่อาจส่งพวกเขาออกไปได้ พวกเขามาทำร้ายคนของพวกเราจนบาดเจ็บ!”
“โยนพวกเขาเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เสีย บางทีอาจจะมีคนหรือสองคนที่น่าจะพอเป็นประโยชน์บ้าง!”
“ใช่ ๆ ๆ! พวกเราถูกขังอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว แม้แต่ตัวตนของตนเองก็ลืมไปจนหมดสิ้นแล้ว ข้าทนกับช่วงเวลาเช่นนี้มามากเพียงพอแล้ว”
หัวหน้าเผ่าผู้นั้นกล่าวว่า “พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า แล้วนับประสาอะไรกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยังไงก็ช่างมันเถิด! เอาพวกเขาไปโยนไว้ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แค่นี้พวกเขาก็ออกมาไม่ได้แล้ว”
“ไม่ได้ พวกเขาเป็นผู้บุกรุก ไม่ฆ่าพวกเขาทิ้งก็ถือว่าเป็นบุญคุณมากแล้ว ไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วจะทำงานอะไรให้พวกเราได้กันล่ะ?”
มีการโต้เถียงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่พวกเชลยกลับกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “คิดจะให้พวกเราทำเรื่องชั่วช้าแทนพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”
“เป็นไปไม่ได้ ทางที่ดีพวกเจ้าฆ่าพวกข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่เช่นนั้น…”
“……”
เมื่อดูจากการแสดงออกของพวกเขาแล้ว ราวกับว่าทุกคนต่างเตรียมพร้อมที่จะยอมรับความตายอย่างกล้าหารแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะใช้พลังแห่งความมืด แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร เราไปถามพวกเขากันเถอะ!”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “อื้ม!”
นิรันดร์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอาตามที่ศิษย์ที่รักว่า”
มู่เฉียนซีที่ไม่หลบซ่อนอีกต่อไปก็ได้ลุกยืนขึ้น และในที่สุดพวกเขาก็สังเกตเห็นแล้ว
คนที่ถูกมัดอยู่เหล่านั้น เมื่อได้รู้ว่ายังมีพันธมิตรที่ยังไม่ถูกจับก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แล้วตะโกนร้องขึ้นมาว่า “ทำลายพวกมันซะ ทำลายพวกมัน…”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หุบปาก!”
พวกเขามองไปทางมู่เฉียนซีด้วยใบหน้าที่งุนงง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน! เหตุใดหญิงสาวผู้นี้ถึงไม่ร่วมแรงร่วมใจต่อสู้กับศัตรูพร้อมกับพวกเขา
นี่มันผิดปกติเกินไป
คนพื้นเมืองที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสาวน้อยผู้นี้จะมีความแตกต่างจากคนอื่นเป็นอย่างมาก