ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1831 ใครโจมตีใคร
แน่นอนว่า คนที่รู้เหตุผลต่างก็ได้แต่บ่นพึมพำอยู่ภายในใจ ผู้ใดกล้าขึ้นก็ขึ้นไปเถิด พวกเขาไม่กล้าขึ้นไปหรอก ขอรอดูการแสดงดี ๆ อยู่ตรงนี้ดีกว่า
ณ สถานที่แห่งนี้มีสำนักอยู่มากมาย และมู่เฉียนซีก็ต้องอารมณ์เสียแค่เพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเพียงไม่นานก็มีคนจากกองกำลังที่ต่ำกว่าระดับสี่คนหนึ่งขึ้นเวทีมาเพื่อท้าประลองกับนางจนได้
เขาเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสาม!
“โปรดให้คำชี้แนะข้าด้วย!”
มู่เฉียนซีคลี่ยิ้มอย่างแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “ได้สิ!”
การประลองก่อนหน้านี้ แม้ว่าศิษย์น้องของสำนักตนเองที่ขึ้นเวทีไปจะต้องการคำแนะนำจากเขา แต่ฉู่หลีก็เฝ้าดูมันอย่างเกียจคร้านเพียงแค่สองสามรอบเท่านั้น แล้วจากนั้นก็ไม่ได้สนใจที่จะดูมันอีกเลย
ซึ่งทุกครั้งที่คนจากสำนักเดียวกันกับเขาขึ้นไปบนเวที แววตาของฉู่หลีก็ไม่เคยเคลื่อนย้ายไปที่ใดเลยสักนิด
ทว่าเวลานี้เขากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ตำแหน่งนี้ มันไม่ดีเอาเสียเลย
เพียงชั่วพริบตาเดียว ศิษย์ทั้งสองก็ได้ค้นพบว่าฉู่หลีได้หายตัวไปแล้ว และเพียงไม่นานเขาก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ตรงที่นั่งที่ก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีเคยนั่งอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ในการรับชมที่ดีกว่าเดิมมากเลยทีเดียว
“คุณชาย!”
ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และคนผู้นั้นยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้คนที่แอบคุ้มครองคุณชายไป๋เจ๋อต้องตกใจเป็นอย่างมาก
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “ถอยไป คนผู้นี้คือเพื่อนของข้า”
“คุณชายฉู่” โม่ซวนกล่าว
“อื้ม!” ฉู่หลีตอบกลับอย่างเฉยเมย และจ้องมองไปยังร่างสีม่วงที่อยู่บนแท่นประลองนั้น หลังจากนั้นเขาก็ไม่ตอบสนองอะไรกลับมาอีกเลย
คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีชักกระบี่ออกมาอย่างกะทันหัน และสำหรับพลังในการควบคุมกระบี่ของเขานั้นถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
พลังธาตุวายุหมุนวน จากนั้นมู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกได้อย่างแผ่วเบา
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดหรือ นี่จะต้องเป็นผู้ที่อ่อนแอมากที่สุดที่เคยเห็นมาของงานชุมนุนแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้อย่างแน่นอนเลย!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดจะถือว่าเป็นอัจฉริยะได้อย่างนั้นหรือ? ด้วยพรสวรรค์ที่แสนจะธรรมดาเช่นนี้ ไม่คาดคิดเลยว่านางจะยังมีความกล้าหาญพอให้มาเข้าร่วมการประลองของงานชุมนุมอัจฉริยะครั้งใหญ่นี้ด้วย ไม่กลัวถูกทุบตีจนตายอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีได้ไหลเวียนพลังวิญญาณ และแน่นอนว่าระดับต้องแตกต่างจากทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละคนต่างก็มองไปทางมู่เฉียนซีอย่างตื่นตกใจ
แน่นอนว่า ผู้ที่สามารถร้องอุทานออกมาเช่นนี้ได้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ไม่รู้พลังในการต่อสู้ที่แท้จริงของมู่เฉียนซีเลย
ส่วนเหล่าคนที่รู้ถึงพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของนางต่างก็บ่นพึมพำว่า “เมื่อถึงเวลานั้นก็ยังไม่แน่หรอกว่าผู้ใดเป็นฝ่ายถูกทุบตีกันแน่”
แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้จะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด แต่ทว่าความจริงจังก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายเช่นกัน ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดทั่วไป จะหลบหลีกการโจมตีของเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
สำหรับเขาแล้ว เขาไม่ได้ประมาทเลินเล่อเพียงเพราะระดับที่ต่ำเกินไปจนผิดปกติของมู่เฉียนซีแม้แต่น้อย ทว่าเขากลับพยายามที่จะออกกระบวนท่าอย่างสุดความสามารถ และทำให้มู่เฉียนซีก็เริ่มที่จะโจมตีกลับแล้วเช่นกัน
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
พลังธาตุวายุที่อยู่บริเวณโดยรอบทั้งหมดได้ถูกมู่เฉียนซีควบคุมเอาไว้แล้ว และมันก็ทำให้อีกฝ่ายก็เริ่มรู้สึกหายใจลำบากมากยิ่งขึ้น
เขาไม่อาจที่จะหลบออกไปจากความรวดเร็วของพลังธาตุวายุได้ ฉะนั้นด้วยสองกระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีก็ทำให้เขาถูกกวาดตกลงจากแท่นประลองไป
ชนะแล้ว!
ทุกคนต่างก็พากันตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้มีการต่อสู้หลายสนามที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าการต่อสู้ที่เหนือกว่าถึงห้าระดับอย่างมู่เฉียนซีแถมยังได้รับชัยชนะ จะมีเพียงสนามนี้เท่านั้น
“ข้าจะมาประลองกับเจ้า!”
ผู้ที่ขึ้นมาอีกคนหนึ่งนั้น ก็เป็นลูกศิษย์ที่ระดับต่ำกว่ากองกำลังระดับสี่เช่นกัน และยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสามขั้นสูงสุดอีกด้วย
เขาก็เป็นจอมภูตพลังธาตุคนหนึ่งเช่นกัน เปลวเพลิงสีเหลืองอร่ามโหมกระหน่ำเข้ามา ภายในเปลวเพลิงนั้นมีกรงเล็บเหล็กสีแดงเพลิงอันหนึ่งพุ่งออกมาด้วย และสิ่งนี้ก็คืออาวุธของเขานั่นเอง
อุณหภูมิทั่วทั้งบริเวณโดยรอบของแท่นประลองเริ่มสูงขึ้น ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
พลังธาตุวายุนับไม่ถ้วนระเบิดออกมา และไม่คาดคิดเลยว่าพลังอัคคีนั้นจะถูกกดลงไปอย่างง่ายดาย
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? พลังวิญญาณธาตุที่ระดับต่ำกว่าสามารถกดระดับที่สูงกว่าได้ด้วยหรือ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
แน่นอนว่า เหล่าอาวุโสมากมายที่อยู่ในสถานที่แห่งล้วนจ้องมองมาอย่างชั่วร้าย
“พลังวิญญาณธาตุวายุของแม่สาวน้อยนี้มีความบริสุทธิ์ อีกทั้งยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พลังธาตุอัคคีของเจ้าเด็กน้อยนั่นเห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอ แม้ว่าพลังจิตวิญญาณจะสูงกว่าแม่สาวน้อยผู้นั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย!”
“นี่คือโฉมหน้าผู้มีพลังธาตุที่แข็งแกร่ง!”
ปัง ปัง ปัง!
ดาบวายุถูกกวาดผ่านไป และกรงเล็บนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
พลังธาตุวายุนี้ไม่เพียงแต่บริสุทธิ์เท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย
“นะ…นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
ปัง!
ทันใดนั้นร่างสีม่วงก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าอย่างกะทันหัน และหลังจากที่มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่ผ่านไป พลังอันแข็งแกร่งก็ได้ระเบิดออกมา ก่อนจะตรงเข้าไปกระแทกคนผู้นั้นจนตกลงจากแท่นประลองไป
และภายในกองกำลังที่ระดับต่ำกว่าระดับสี่ก็ยังมีคนที่ไม่พอใจอยู่ นี่จะสู้คนที่แยกตัวออกไปฝึกฝนคนหนึ่ง หรือสู้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดคนหนึ่งไม่ได้เลยจริง ๆ อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นคงถูกผู้อื่นหัวเราะเป็นแน่
ต่อมาก็มีผู้คนหมั่นเข้ามาท้าประลอง จนมู่เฉียนซีชนะถึงเจ็ดคนติดต่อกัน
พวกเขาได้ค้นพบว่ามู่เฉียนซีไม่มีทีท่าว่าจะพักผ่อนเลย แม้จะต่อสู้ติดต่อกันมาเจ็ดถึงสนามแล้วก็ตาม และดูเหมือนว่าจะผลาญพลังวิญญาณไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นด้วย
“ข้าจ้าวชูแห่งหอหานสุ่ยขอท้าประลองกับเจ้า” คนที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงเข้มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนแท่นประลอง
เขากล่าวต่อไปว่า “เจ้าจะลงแท่นประลองไปก่อนก็ได้ รอให้ข้าต่อสู้ติดต่อกันเจ็ดสนามก่อนแล้วเจ้าค่อยขึ้นมา ข้าไม่อยากจะเอาเปรียบผู้หญิง”
มู่เฉียนซีส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก หากเป็นเช่นนั้นจะเสียเวลามากกว่า ประลองตอนนี้ก็มีผลเหมือนกันนั่นแหละ”
ผู้คนต่างก็ประหลาดใจเล็กน้อน ดูเหมือนว่ามู่เฉินซีผู้นี้จะมั่นใจในตนเองมากจริง ๆ “จ้าวชูผู้นี้ค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงในดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มากเลยทีเดียว ทั้งยังฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง และมีพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหกมาตั้งแต่อายุยังน้อย น่าเสียดายที่หอหานสุ่ยเป็นเพียงกองกำลังระดับสี่ธรรมดาเท่านั้น หากอยู่กองกำลังที่มากกว่าระดับสี่ขึ้นไปการที่จะบรรลุผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดก็ไม่ใช่ปัญหาเลย”
“การประลองในครั้งนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่มู่เฉินซีจะสามารถใช้เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ นางอาจจะสามารถจัดการกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับต่ำได้ แต่ทว่าหากเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับกลางแล้วละก็ นางที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่ง คงยากที่จะเอาชนะได้จริง ๆ!”
“……”
นอกจากผู้ที่เคยเห็นพลังในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีที่หอคอยซิงเหลยมาก่อน คนอื่นก็ต่างไม่ได้มองมู่เฉียนซีในแง่ดีเลยแม้แต่น้อย
จ้าวชูกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกเอง เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
หมัดอันทรงพลังพุ่งแหวกอากาศเข้ามาโจมตี ด้วยพลังอันแข็งแกร่งนี้ สามารถที่จะบดขยี้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
ถึงจะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เป็นราวกันคลื่นทะเลที่โหมซัดสาด แต่ทว่าสีหน้าของมู่เฉียนซีกลับนิ่งสงบ และนางใช้เพียงปลายเท้าในการเคลื่อนไหวเท่านั้น ทั้งยังหวาดตัวออกไปราวกับสายฟ้าฟาดอย่างไรอย่างนั้นอีกด้วย
“หลบหรือ! หมัดของข้าไม่ใช่ว่าใครอยากจะหลบก็สามารถหลบได้หรอกนะ”
ทันใดนั้น หมัดของจ้าวชูก็พลิกกลับมาอย่างรวดเร็ว และพุ่งตรงเข้ามาหามู่เฉียนซีอีกครั้ง
“ทักษะวิญญาณเช่นนี้ นี่เป็นการใช้การหักล้างของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจอมภูตที่เชี่ยวชาญด้านความเร็ว! ยังสามารถไล่โจมตีได้อีกหรือ?”
“ถึงจะเคยหลบได้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เกรงว่าครั้งที่สองนั้น…”
ยังไม่ทันที่คำพูดของคนผู้นั้นจะจบ มู่เฉียนซีก็หลบหลีกมันได้อีกครั้งแล้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ความเร็วของนางยิ่งนานเข้าก็ยิ่งเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้จ้าวชูที่เป็นคู่ต่อสู้ของนางเริ่มมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไรแล้ว และทันใดนั้นจ้าวชูก็รู้สึกได้ว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา
หลังจากที่วนเวียนไปมารอบ ๆ การไล่โจมตีทางทักษะวิญญาณของเขาพุ่งเข้ามากระแทกยังทิศทางของเขาอย่างไม่คาดคิด และในเวลานี้มู่เฉินซีก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของเขาแล้ว
จ้าวชูรู้ดีว่าพลังของกระบวนท่านี้แข็งแกร่งมากเพียงใด หากตนเองโดนเข้าไปจะต้องไม่เป็นผลดีเป็นแน่ เขาจึงรีบถอนพลังคืนอย่างรีบร้อน และในเวลานี้มู่เฉียนซีก็โจมตีเข้ามาด้วยเช่นกัน
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
ตูมมม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา จ้าวชูถอยหลังออกไป แต่ทว่ายังคงไม่หลุดออกไปจากแท่นประลอง
จ้าวชูกล่าวว่า “มู่เฉินซี เจ้าฉลาดวางกลอุบายไม่น้อยเลย ก่อนหน้านี้ข้าประมาทเจ้ามากเกินไป แต่ทว่าจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว”
ร่างของจ้าวชูพุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่อย่างไรอย่างนั้น ทันทีที่มือทั้งสองเคลื่อนไหวก็มีกำปั้นทั้งแปดปรากฏขึ้นอยู่กลางท้องฟ้า และหลังจากนั้นกำปั้นทั้งแปดก็พุ่งเข้ามาโจมตีมู่เฉียนซี
ความเร็วของกำปั้นที่ตกลงมาเหล่านี้เร็วราวกับอสุนีบาต และคนที่มีความสามารถในระดับต่ำยากที่จะมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
จ้าวชูผู้นี้จะจริงจังเกินไปแล้ว!