ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1848 กลัวที่ไหน
“คุณหนูใหญ่ จะจัดการกับนางปีศาจนี่อย่างไรดี กรีดใบหน้าของนางดีเลยหรือไม่?”
“กรีดใบหน้าของนางคงจะเป็นการดูถูกนางเกินไป มิสู้หาบุรุษมาให้นางสักหลายคนหน่อยจะดีกว่า…”
“…”
คนของสำนักหลิงหลงเริ่มปรึกษากันด้วยความคิดที่ชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีคุณหนูใหญ่ผู้นี้ก็คิดว่าจะได้เห็นความกลัว ปรากฏบนใบหน้าของเหยียนเหลียนเจีย หรือเห็นนางขอร้องอ้อนวอนตนด้วยท่าทางต่ำต้อย
ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย!
สตรีที่งามล้ำจนทำให้ผู้อื่นอิจฉาริษยา กลับมีท่าทีสุขุมไร้ผู้ใดเทียม
นางยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นราวกับกำลังหัวเราะเยาะพวกนางที่เป็นเหมือนตัวตลกก็มิปาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณหนูใหญ่ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าว “ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะนิ่งสงบเช่นนี้ไปได้อีกสักเท่าไร?”
นางหยิบหีบใบเล็กออกมาจากมิติ “เท่าที่ข้ารู้มา ผลึกสีดำของสัตว์ร้ายบนเกาะหนานอู่เป่านี้สามารถทำให้คนกลายเป็นสัตว์ที่จะเป็นคนก็ไม่ใช่เป็นผีก็ไม่เชิงได้”
“หากคนที่เคยเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของดินแดนทางใต้ อยู่ ๆ ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณขึ้นมา มันคงจะสนุกไม่น้อย”
คุณหนูใหญ่เองก็ไม่กล้าถือผลึกสีดำชิ้นนี้นานจนเกินไป ดังนั้นจึงรีบยัดใส่ไปในมือของเหยียนเหลียนเจียทันที
ของสิ่งนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เหยียนเหลียนเจียอยากจะโยนมันทิ้งไป แต่ราวกับว่ามันได้แนบติดไปกับมือของนางแล้วก็มิปาน
ผลึกสีดำนี้กำลังหลอกล่อให้นางดูดซับพลังของมัน ทว่าโชคดีที่พลังจิตของนางแข็งแกร่ง ทำให้นางยังคงสามารถควบคุมตนเองอยู่ได้ แต่นางเองก็ไม่อาจควบคุมต่อไปได้นานเท่าใดนัก
หน้าผากเนียนขาวละเอียดดั่งหิมะมีเม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นประปราย แน่นอนว่าคนของสำนักหลิงหลงเหล่านั้นก็ย่อมต้องยืนดูงิ้วน้ำดีอยู่ด้วยความสะใจ
“ได้ดูฉากที่หญิงงามอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้กลายเป็นสัตว์ประหลาดกับตาเช่นนี้ เป็นอะไรที่ไม่เลวเลยจริง ๆ”
“เมื่อนางกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว ก็ค่อยแยกร่างนางออกเป็นแปดส่วน!”
“…”
ในขณะที่มู่เฉียนซีและฉู่หลีกำลังไล่สังหารสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณอยู่ พวกเขาก็ได้ออกหาสมุนไพรวิญญาณด้วยเช่นกัน
ผลึกสีดำของสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณเหล่านี้ชักจะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว หากคนธรรมดาทั่วไปต้องเผชิญหน้ากับมัน ก็ทำได้เพียงต้องหลบหลีกเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องการปะทะกับพวกมัน
ถึงแม้จะฆ่าสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณเหล่านี้ทิ้ง ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าขุดอัคนีผลึกสีดำนั่นอยู่ดี นอกเสียจากว่าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
ดังนั้นตลอดทางพวกเขาทั้งสองจึงเก็บเกี่ยวสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่น้อยเลย แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นร่างสีแดงเพลิงที่คุ้นเคยปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ฉู่หลีที่ประสาทสัมผัสไวก็สามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เขากล่าว “ศิษย์น้อง ในมือของนางมีบางสิ่งบางอย่างอยู่!”
“ผลึกสีดำของสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณ สมควรตายจริง ๆ!”
ถึงแม้เหยียนจะทำตัวน่ารำคาญ ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นคนที่โม่ซวนให้ความสนใจ อีกทั้งยังช่วยเหลือนางอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่านางก็ไม่อยากให้เหยียนต้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแต่อย่างใด
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีเป็นความเร็วอย่างถึงที่สูงสุด ภายในชั่วพริบตานางก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีตระหนักได้ว่าสตรีที่รายล้อมอยู่เหล่านี้ไร้ความเป็นมิตรโดยสิ้นเชิง ดังนั้นนางจึงลงมือจัดการพวกนางในขณะที่พวกนางเองก็ยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
“พลังวายุทำลายดับสูญ!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ครืน ครืน!
การโจมตีที่ไร้ซึ่งความลังเลของมู่เฉียนซีนี้ทำให้คนของสำนักหลิงหลงไม่อาจต้านทานได้ทันท่วงที ทว่าในขณะนี้สีหน้าของเหยียนก็ดูไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง นางไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป และนางก็ได้ดูดซับเอาพลังของผลึกสีดำนั้นเข้าไปแล้ว
นางอดไม่ได้ที่อยากจะดูดซับพลังเข้าไปให้มากขึ้นและมากขึ้นอีก!
ทันใดนั้นเงาสีดำก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง และได้หยิบอัคนีผลึกสีดำชิ้นนั้นไป
ทันใดนั้นเหยียนเหลียนเจียก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเป็นเท่าทวี อั้ก! นางกระอักเลือดสีดำออกมาหนึ่งกอง จากนั้นก็ได้ทอดมองไปยังผู้ที่เข้ามาช่วยนางในยามคับขันแล้วกล่าว “องครักษ์ฉู่ ผลึกสีดำนี้ร้ายกาจมาก รีบทิ้งไปเร็วเข้า”
ผลปรากฏว่าฉู่หลีกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่ได้อ่อนแอเช่นเจ้า!”
หลังจากนั้นฉู่หลีก็ได้ไปช่วยมู่เฉียนซีรับมือกับคนของสำนักหลิงหลงเหล่านั้นด้วยท่าทางสุขุมเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ก็มิปาน
อั้ก! เหยียนเหลียนเจียกระอักเลือดสีดำออกมาอีกครั้ง จากนั้นนางจึงจะบ่นพึมพำ “ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจจริง ถึงแม้จะช่วยชีวิตข้าไว้แต่ข้าก็ยังเกลียดอยู่ดี”
ครืน ครืน!
การปรากฏตัวของมู่เฉียนซีเพียงคนเดียวก็ทำให้คนของสำนักหลิงหลงเหล่านั้นทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว ผลปรากฏว่าเมื่อมีฉู่หลีผู้ซึ่งมีพลังแข็งแกร่งและน่ากลัวปรากฏขึ้นอีกคน ก็ทำให้พวกเขาปวดศีรษะและหนักใจมากขึ้นเป็นเท่าทวี
“พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน?”
“ยุ่งเรื่องของผู้อื่นให้มันน้อย ๆ หน่อย”
“ข้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของสำนักหลิงหลงกองกำลังระดับสี่เชียวนะ ถ้าจะให้ดีพวกเจ้าจงสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียด้วย”
ทันใดนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้กลายเป็นกระบี่ “เหตุใดต้องสนใจด้วยว่าเจ้าเป็นใคร? เป็นสำนักกองกำลังระดับสี่ หรือกองกำลังระดับห้า ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะน่ารำคาญ แต่อย่างไรเสียนางก็เดินทางมากับข้า พวกเจ้าใช้วิธีชั่วร้ายเช่นนั้นกับนาง ไม่ว่าอย่างไรวันนี้พวกเจ้าก็ต้องให้คำอธิบายแก่ข้า!”
“เด็กน้อยที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดอย่างเจ้าอย่าได้คิดกำเริบเสิบสานเชียว!”
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ของสำนักหลิงหลงเหล่านั้นโกรธเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมอ่อนข้อให้ พวกเขาเองก็ไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน
“ข้าจะทำตัวกำเริบเสิบสานแล้วพวกเจ้าจะทำไม! เสี่ยวโม่โม่จัดการ!
ครืน ครืน!
เมื่อเสี่ยวโม่โม่ได้สำแดงฤทธิ์เดช เพลิงหงส์อมตะสีดำทมิฬก็โปรยลงมาจากฟากฟ้าราวกับดาวตกก็มิปาน
“เวรเอ้ย! สัตว์เทพ!”
“สัตว์เทพหงส์ เจ้าเด็กนี่เป็นใครกันแน่”
“……”
การโจมตีของเสี่ยวโม่โม่เป็นอะไรที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เมื่อควบรวมกับพลังที่ฉู่หลีดูดซับมาจากผลึกสีดำ ซึ่งทำให้พลังเพิ่มพูนไปอีกระดับหนึ่งแล้วนั้น ก็ทำให้อีกฝ่ายรับมือได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
และแน่นอนว่าค่ายกลป้องกันของคุณหนูใหญ่จากสำนักหลิงหลงกองกำลังระดับสี่ก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด ถึงแม้อีกฝ่ายจะโจมตีมาอย่างบ้าคลั่งก็คงยากที่จะทลายเข้ามาได้
“น้องซีเอ๋อร์!”
การที่ได้ดูดซับพลังเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็ยังคงส่งผลกระทบต่อเหยียนเป็นอย่างมาก ตอนนี้นางรู้สึกว่าตนเองล่องลอยไร้สติอย่างไรชอบกล
ปัง!
เมื่อดวงตากลายเป็นสีดำสนิท นางก็หมดสติไปในทันที
“เหยียน!” มู่เฉียนซีตะโกนร้องเรียก
ดูเหมือนจะต้องรีบจบการต่อสู้ในครั้งนี้ลงให้เร็วที่สุดเสียแล้ว มู่เฉียนซีขับเคลื่อนพลังวิญญาณธาตุมิติ แล้วโจมตีคุณหนูใหญ่สำนักหลิงหลงที่อยู่เบื้องหลังค่ายกลป้องกันในทันที บัดนี้พัดวิหคเฟิงหลิงได้จ่ออยู่บริเวณลำคอของนางแล้ว
“พวกเจ้าจงหยุดทุกอย่างลงเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าได้จบชีวิตลงตรงนี้แน่!”
“หากเจ้ากล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่ของพวกข้าแม้แต่เพียงปลายเล็บ พวกข้าไม่มีทางให้อภัยเจ้าเป็นแน่!”
มู่เฉียนซีถีบคุณหนูใหญ่จนกระเด็นออกไปอย่างไม่เกรงกลัว “ในเมื่อพวกเจ้าต้องการคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้ามากมายเช่นนั้น ข้าก็จะคืนให้!”
“หึ หึ! เจ้าเด็กน้อย รู้จักกลัวแล้วสินะ! ดีมาก ตอนนี้พวกเจ้ายังมีโอกาสคุกเข่าขอร้องพวกข้าอีกหนึ่งครั้ง!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “กลัวรึ? เสี่ยวโม่โม่ เจ้าจงบอกพวกเขาไปสิว่าข้ากลัวที่ไหน!”
“นายท่านไม่มีทางกลัวอย่างแน่นอน! ข้าจะเป็นคนจัดการคนชั่วอย่างพวกเจ้าเอง!”
เสี่ยวโม่โม่โจมตีด้วยพลังอย่างเต็มที่ ทำให้พวกเขาก่นด่าสาปแช่งกันยกใหญ่
ตั้งแต่คุณหนูใหญ่ถูกมู่เฉียนซีจับตัวไปได้ตั้งแต่ครั้งแรก พวกเขาก็คอยปกป้องคุณหนูใหญ่ด้วยความระมัดระวังมาโดยตลอด ผลปรากฎว่าคุณหนูใหญ่ก็ได้ตกไปอยู่ในมือของมู่เฉียนซีอีกคราจนได้
คุณหนูใหญ่โกรธจนตัวสั่นสะท้าน “เจ้า…เจ้ามันสมควรตาย!” ถูกจับตัวถึงสองครั้งสองครา เป็นอะไรที่น่าอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง
การเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้จะเร็วเกินไปแล้ว?
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าหากข้าจะสังหารคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าเป็นอะไรที่ง่ายเสียยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก! ถ้าจะให้ดีพวกเจ้าจงรีบไสหัวไปให้พ้น ๆ หน้าข้าจะดีกว่า หากเหยียนเป็นอะไรไป ไม่แน่ข้าอาจจะลากคุณหนูใหญ่ของเจ้าลงหลุมไปพร้อมกับเหยียนด้วยเลยก็ได้!”
คุณหนูใหญ่กล่าว “จัดการฆ่านางซะ! นางไม่กล้าทำอย่างที่พูดมาหรอก ข้าเป็นใคร? มีหรือที่นางจะกล้าฆ่าข้า?”
ซึบ! ลำคอของนางถูกคมมีดวายุเฉือนจนเป็นรอย โลหิตสีแดงฉานไหลรินอาบต้นคอเป็นสาย
“เจ้าดูเอาก็แล้วกันว่าข้ากล้าหรือไม่กล้า?” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อมีการหลั่งเลือดขึ้น คนของสำนักหลิงหลงเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
สุดท้ายแล้วผู้อาวุโสท่านหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้น “ได้ ข้ารับปากเจ้า! เพียงแค่พวกเจ้าปล่อยตัวคุณหนูของพวกเราก่อน แล้วพวกเราจะรีบจากไปในทันที!”
“พาตัวคุณหนูของเจ้าไสหัวออกไปเถอะ!” มู่เฉียนซีถีบคุณหนูใหญ่ออกไปอย่างไร้ความปรานี