ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1849 กลัวจนหลั่งน้ำตา
คนเหล่านี้หาใช่คนที่จะรักษาสัญญาไม่ เมื่อคุณหนูใหญ่ของพวกเขาพ้นจากอันตรายแล้ว พวกเขาก็โจมตีพวกของมู่เฉียนซีในทันที
และแน่นอนว่าครานี้พวกเขาได้ส่งผู้อาวุโสที่มีพลังแกร่งกล้ามาคุ้มกันคุณหนูใหญ่ของพวกเขาจำนวนหนึ่ง พวกเขาไม่เชื่อว่าเด็กตัวน้อย ๆ ผู้นี้จะสามารถทำอะไรพวกเขาได้
ปัง ปัง ปัง!
ทว่าการที่ให้คนจำนวนมากมาคุ้มกันคนไร้ประโยชน์เพียงคนเดียว ก็ทำให้คนอื่น ๆ ยากที่จะรับมือกับการโจมตีของมู่เฉียนซีและฉู่หลีได้
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ธาตุวายุระเบิดขึ้นด้วยความน่าเกรงขาม มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดูเหมือนเพื่อปกป้องคุณหนูใหญ่ที่ไร้ค่าของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าจะไม่สนใจอะไรเลยสินะ! แต่คนอย่างพวกเจ้าน่ะหรือจะทำอะไรพวกข้าได้?”
“อ้าก!” ในขณะนั้นเองกระบี่ของฉู่หลีก็ได้จัดการคนผู้หนึ่งไปเป็นที่เรียบร้อย
“ช่วยด้วย!” คนอีกผู้หนึ่งที่ถูกเพลิงหงส์อมตะสีดำทมิฬกลืนกินเข้าไปก็ได้ร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าอนาถ
“ช่วย…”
หากยังไม่มีกองกำลังสนับสนุนคนเหล่านี้จะต้องตายอย่างแน่นอน
คุณหนูใหญ่ของพวกเขารั้งผู้อาวุโสที่คิดจะออกไปช่วยคนหนึ่งไว้แล้วกล่าว “ท่านผู้อาวุโส อย่าไป ข้า…”
นางไม่กล้าเอ่ยคำว่ากลัวออกไป ทว่าสีหน้าท่าทางของนางก็ได้บ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจนแล้ว
ถูกผู้หญิงคนนั้นจับตัวไปถึงสองครั้งสองครา อีกทั้งยังเกือบต้องย่ำเข้าประตูผีอย่างเฉียดฉิว แน่นอนว่านางย่อมต้องรู้สึกกลัวเป็นธรรมดา
“คุณหนูใหญ่ ไม่ได้นะ! พวกเราจะยืนดูพวกเขาถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้!”
“วางใจได้ ยังมีคนอื่นอีก เจ้าเด็กนั่นทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก!”
“……”
ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นไม่น้อย พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่าง
ไฉนเลยจะคาดคิดว่าทางนี้เพิ่งช่องโหว่ได้เพียงไม่นาน กลับถูกมู่เฉียนซีฉกฉวยโอกาสในยามที่พวกเขาเพลี่ยงพล้ำโจมตีเข้ามาเสียแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าตกอยู่ในมือของข้าอีกแล้ว”
ความเย็นยะเยือกของพัดวิหคทำให้คุณหนูใหญ่รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว มู่เฉียนซีไม่แม้แต่จะเหลือบมองนาง ทว่ากลับทอดมองไปยังผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น แล้วกล่าว “ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด! ครานี้ที่สุดแล้วพวกเจ้าจะไสหัวไปหรือไม่กันแน่! ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่าถึงแม้พวกเจ้าจะป้องกันแน่นหนาให้ตายอย่างไร ตราบใดที่มีช่องว่างแม้แต่เพียงน้อยนิด นางก็จะไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน!”
“นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้คุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าอ่อนแอขนาดนี้ล่ะ เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของสำนักกองกำลังระดับสี่ แต่กลับมีศักยภาพต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คงเป็นเพราะสำนักหลิงหลงของพวกเจ้ายากจนเกินไป ทรัพยากรในการฝึกฝนไม่เพียงพอ…”
แท้จริงแล้วศักยภาพของคุณหนูใหญ่ก็ไม่ได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแต่อย่างใด อย่างไรเสียนางก็เกิดมาบนกองทรัพยากรในการฝึกฝน ทว่าน่าเสียดายที่นางต้องมาเจอคู่ต่อสู้อย่างมู่เฉียนซี ทั้ง ๆ ที่มู่เฉียนซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น ทว่านางกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง
“ฮือ ฮือ ฮือ!” เมื่อถูกจับถึงสามครั้งสามครา คุณหนูใหญ่ก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่เอียงอายแต่อย่างใด
“กลับ! พวกเรากลับ! ข้า…ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ข้าไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีก…”
ความกลัวที่ก่อขึ้นตัวขึ้นสามครั้งสามคราทำให้จิตใจของคุณหนูใหญ่ผู้นี้แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี
น่าขายหน้ายิ่งนัก! ผู้อาวุโสของสำนักหลิงหลงแต่ละคนไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป พวกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ปล่อยตัวคุณหนูใหญ่มา แล้วพวกเราจะไป!”
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยัน “พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าครานี้จะเชื่อถือได้…”
พวกเขายังไม่ทันกล่าวตอบ มู่เฉียนซีก็กล่าว “ถึงแม้วาจาที่พวกเจ้ากล่าวมาจะเชื่อถือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็เพียงแค่ต้องต่อสู้กันอีกคราก็เท่านั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าจะยังรับความตกใจเช่นนี้ได้อีกครั้งหรือไม่ ตอนนี้นางก็แข้งขาอ่อนแรงไปหมดแล้ว!”
มู่เฉียนซีปล่อยคุณหนูใหญ่ไปด้วยท่าทางสุขุมเป็นอย่างยิ่ง และคราวนี้พวกเขาก็ไม่ได้ทำการโจมตีแต่อย่างใด พวกเขารีบเข้าไปรับคุณหนูใหญ่ที่แข้งขาอ่อนระทวยจนแทบจะล้มลงกับพื้น!
“นางปีศาจเหยียน!” มู่เฉียนซีเดินไปอยู่เบื้องหน้าเหยียน ขณะนี้พลังชั่วร้ายได้ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของนางอย่างเป็นอิสระ นี่ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสามารถควบคุมได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ เสี่ยวโม่โม่ คุ้มกันให้ข้า!”
มู่เฉียนซีนำหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมาเตรียมจะปรุงยา หากต้องการปลดปล่อยปีศาจออกจากตัวเหยียน ก็จำเป็นจะต้องปรุงยาชนิดใหม่ออกมา นางไม่ได้มียาเหล่านั้นเก็บไว้
“เด็กน้อย เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ารักใคร่เอ็นดูเสี่ยวปามากกว่าข้าอีกละ เจ้าทำให้ข้าเสียใจจริง ๆ”
เดิมที่มู่ฉียนซีคิดจะนำหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมาใช้ ทว่าสิ่งที่ออกมานั้นกลับเป็นหม้อเทพนิรันดร์แทน นิรันดร์คงจะน้อยอกน้อยใจอยู่เป็นแน่
“เจ้าไม่คิดว่ามันจะเป็นการใช้คนไม่เหมาะกับงานหรอกหรือ?”
“ไม่เลยสักนิด เด็กน้อยใช้ข้าไปเรื่อย ๆ ข้าก็คุ้นเคยแล้ว เมื่อคุ้นเคยกับการใช้ความสามารถของข้าแล้ว บางทีต่อไปก็อาจจะคุ้นเคยกับการใช้ร่างกายของข้าก็ได้!…”
นิรันดร์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้ามู่เชียนซีก็เผยรอยยิ้มเย้ายวนใจออกมา ราวกับว่าในตอนนี้เขาได้เปลื้องอาภรณ์ออกจนหมดสิ้น แล้วรอให้ผู้คนเข้ามาเสพสุขกับร่างกายของเขาก็มิปาน
ปัง!
ผลปรากฏว่าฉู่หลีได้ถีบเขาออกไปอย่างไม่เกรงใจ
“อย่ามาเป็นตัวถ่วงให้เสียการเสียงาน!” ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อมู่เฉียนซีใช้หม้อเทพนิรันดร์ในการปรุงยา ไม่นานนักก็ได้ยาออกมาให้เหยียนเหลียนเจียได้กินแล้ว และแน่นอนว่าผลลัพธ์นั้นไม่ต้องเอ่ยถึง เมื่อได้กินยาเข้าไปแล้วความทุกข์ทรมานในร่างกายของเหยียนก็สลายหายไปจนหมดสิ้น
ไม่นานนักเหยียนเหลียนเจียก็ฟื้นขึ้นมา นางกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว น้องซีเอ๋อร์ช่วยชีวิตข้าไว้ บุญคุณในการช่วยชีวิตนี้ ข้าจะขอติดตามน้องซีเอ๋อร์ไปทุกที่ ครานี้ไม่ว่าอย่างไรน้องซีเอ๋อร์ก็ต้องรับข้าแล้วกระมัง?”
ทันทีที่เหยียนเหลียนเจียตื่นขึ้นมา นางก็ได้พุ่งเข้าหามู่เชียนซีด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่ยอมปล่อยให้นางปีนเกลียวอย่างแน่นอน
“หากเจ้าอยากจะตอบแทนบุญคุณที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ละก็ อย่าได้มาก่อกวนข้า นั่นจึงจะเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ดีที่สุด”
“ข้าไม่ได้ทำแบบนั้นเสียหน่อย!” เหยียนกล่าวออดอ้อน
“หุบปากได้แล้ว อย่าได้ทรมานหูของข้าอีกเลย”
เมื่อเหยียนฟื้นขึ้นมาแล้ว นางก็บ่นพึมพำใส่มู่เฉียนซียกใหญ่
“เจ้ามันตัวอันตรายจริง ๆ!” มู่เฉียนซีกล่าว
“เป็นเพราะสันดานของพวกผู้ชายชั่วเหล่านั้นต่างหาก เหตุใดจึงกลายเป็นความผิดของข้าไปได้ล่ะ!” เหยียนกล่าวด้วยท่าทางน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีไม่อยากสนทนาเรื่องนี้กับนางอีกแล้ว นางจึงเอ่ยถาม “เจ้าเจอหญ้าโลหิตมังกรบ้างหรือไม่?”
“อย่าว่าแต่หญ้าโลหิตมังกรเลย แม้กระทั่งขนสักเส้นก็ยังไม่เจอ ล้วนมีแต่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นทั้งสิ้น” เหยียนบ่นพึมพำ
นางทอดมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “แต่ข่าวสารของข้าไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเราก็ได้มารวมตัวกันแล้วเช่นนั้นก็ออกตามหาด้วยกันเถอะ!”
“อืม! นอกจากออกตามหาหญ้าโลหิตมังกรแล้ว ก็ยังต้องฆ่าสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณนั่นด้วย!” มู่เฉียนซีกล่าว
หลังจากนั้นเหยียนเหลียนเจียก็พบว่ามู่เฉียนซีและฉู่หลีได้ร่วมด้วยช่วยกันสังหารสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณเหล่านั้นได้เข้าขากันเป็นอย่างยิ่ง และดูเหมือนว่าผลึกสีดำนี้จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อฉู่หลีเลยแม้แต่น้อย ฉู่หลีสามารถดูดซับพลังวิญญาณจากข้างในผลึกสีดำได้อย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
ช่างน่าอิจฉาเสียจริง! ผลึกสีดำชิ้นนั้นมีพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากได้สั่งสมพลังอันแข็งแกร่งนั้นแล้ว ก็คงเป็นอะไรที่มหาศาลเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีเองก็กำลังใช้อยู่เช่นกัน นางโยนผลึกสีดำไปให้เหยียนแล้วกล่าว “หากดูดซับพลังไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าให้ดีนอกจากพวกเราแล้ว เจ้าก็อย่าให้บุคคลที่สี่รู้ก็แล้วกัน”
เหยียนเหลียนเจียกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าเป็นคนของน้องซีเอ๋อร์แล้ว น้องซีเอ๋อร์ว่าอย่างไรข้าก็ว่าเช่นนั้น”
ระหว่างทางพวกเขาก็พบเจอคนอื่น ๆ ไม่น้อย คนเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะถูกเหยียนเหลียนเจียดึงดูด ผลปรากฏว่าเพียงนางส่งยิ้มให้พวกเขาเล็กน้อย ก็ราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาได้ล่องลอยออกไปไกลแสนไกลแล้วก็มิปาน
“ไปหาหญ้าโลหิตมังกรมาให้ข้า! ได้ยินหรือไม่!”
“แม่คนงามวางใจได้ ข้าจะหาหญ้าโลหิตมังกรมาให้แม่นางเยอะ ๆ อย่างแน่นอน!”
“ข้าจะไปหาเดี๋ยวนี้!”
“……”
เมื่อคนเหล่านี้ถูกชักจูงวิญญาณ พวกเขาก็ฟังคำของเหยียนแต่โดยดี พวกเขาต่างลงมือทำตามคำสั่งของเหยียนอย่างกระฉับกระเฉงเป็นอย่างยิ่ง
เหยียนเหลียนเจียกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “น้องซีเอ๋อร์ คนมากกำลังก็ยิ่งมาก! ตราบใดที่เกาะหนานอู่เป่าแห่งนี้มีหญ้าโลหิตมังกรอยู่ พวกเราจะต้องหาเจออย่างแน่นอน”
อย่างไรเสียผู้คนที่พบเจอเหยียนระหว่างทางก็ยากที่จะรอดพ้นจากเสน่ห์ของนางได้ คนเยอะเท่าไรข่าวคราวก็ยิ่งเยอะขึ้นเท่านั้น และพวกเขาก็ได้รับข่าวคราวบางอย่างมาแล้ว!
บนเกาะหนานอู่เป่ามีพื้นที่อยู่แห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ที่สัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณไม่กล้าเข้าใกล้ และในพื้นที่นั้นเองที่ดูเหมือนจะมีพลังชีวิตแผ่ซ่านออกมา ที่นั่นจะต้องมีของล้ำค่าชิ้นโตอยู่อย่างแน่นอน