ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1850 รู้จักประมาณตน
มู่เฉียนซีและฉู่หลีได้ดูดซับพลังของผนึกสีดำความมืดจนอิ่มตัวและอยู่ในสถานะที่ไม่จำเป็นต้องไล่ล่าอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงพุ่งทะยานไปยังสถานที่ลึกลับแห่งนั้นด้วยความเร็วอย่างสูงที่สุด
ข้อมูลนี้น่าเชื่อถือ สัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณที่เดิมที่แล้วไล่ล่ามนุษย์เหล่านั้น เมื่อพวกเขาเริ่มเข้าใกล้ดินแดนแห่งนี้ พวกมันก็ไม่ได้เข้ามาใกล้พวกเขาเลยแม้แต่ครึ่งก้าว
สถานที่แห่งนี้มีคนมารวมตัวกันอยู่มากมาย คนแปลกหน้าเหล่านี้ได้ถูกสัตว์ประหลาดคร่าวิญญาณไล่ล่าจนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
มีบางคนที่โชคดีจนมาถึงสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ได้รับข้อมูลการล่าสมบัติมาก่อนหน้านี้ด้วย
ในส่วนของร่องรอยของสิ่งมีชีวิต มู่เฉียนซีสามารถรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าถึงทุกคนจะควานหาไปจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอสมบัติเลยสักชิ้น
ในเวลานี้ฉู่หลีก็กล่าวขึ้นว่า “มีค่ายกลหรือ?”
“มีค่ายกลหรือ? เป็นค่ายกลอะไร? สามารถทำลายได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ข้าสัมผัสได้ว่ามี แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ข้าไม่เคยศึกษาค่ายกลนี้มาก่อน!”
แค่มีความแข็งแกร่งก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นารปรุงยา การหลอมออาวุธหรือสร้างค่ายกล เขาล้วนรู้สึกว่ามันยุ่งยากทั้งนั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นตอนนี้ ฉู่หลีก็กำลังคิดว่า หรือบางทีอาจจะจำเป็นที่จะต้องศึกษามันไว้บ้างหรือไม่? พลันนั้นดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นก็ส่องประกายแวววาวออกมาเล็กน้อย
เมื่อลองคิดดูแล้ว เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยุ่งยากมากเกินไปอยู่ดี เขาจึงกล่าวว่า “นิรันดร์น่าจะรู้”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” เมื่อนิรันดร์ถูกเอ่ยชื่อ มันก็ยิ่งทำให้เขามองฉู่หลีด้วยความประหลาดใจ
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะเทียบกับคนในความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!
ฉู่หลีกล่าวว่า “เจ้าช่วยศิษย์น้องทำลายค่ายกลซะสิ!”
“ศิษย์ที่รักของข้า ข้าต้องช่วยแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าจำเป็นต้องพูดมากด้วยหรืออย่างไร?” นิรันดร์กล่าวอย่างไม่พอใจ
“ศิษย์ที่รัก ความจริงแล้วเจ้าสิ่งนี้เป็นเพียงค่ายกลเล็กน้อยเท่านั้น! มันเป็นเพียงแค่ค่ายกลที่ใช้สำหรับคุ้มครองสวนสมุนไพรเท่านั้น ซึ่งค่ายกลนี้ง่ายต่อการทำลายเป็นอย่างมาก ข้าจะสอนเจ้าเอง…”
ในที่สุดนิรันดร์ก็สามารถเข้าใกล้มู่เฉียนซีได้แล้ว เขาได้บอกจุดทำลายค่ายกลแต่ละจุดให้กับมู่เฉียนซีได้รู้ และหลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ทำลายค่ายกลด้วยการควบคุมพลังวิญญาณ ซึ่งมันก็ไม่ยากเลย!
“ข้ารู้แล้ว! หายากที่เจ้าจะไว้ใจได้” มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวตอบ
“ศิษย์ที่รัก ข้าเป็นคนที่ไว้ใจได้มาโดยตลอด! อะไรทำให้เจ้าเกิดภาพลวงตาเช่นนั้นกับข้ากัน”
ฉู่หลีที่อยู่ข้างหลังนิรันดร์กล่าวขึ้นมาว่า “ไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย!”
นิรันดร์รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนอยากที่จะต่อสู้กับเจ้าหมอนี่สักสามร้อยรอบให้รู้แล้วรู้รอดไป
“ข้ากล้ายืนยันว่า ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้จักคนน่ารังเกียจเช่นเจ้าอย่างแน่นอน หากรู้จักแล้วละก็ แม้ว่าเจ้าจะไม่โดนข้าทุบตีจนตาย แต่ก็ต้องโดนข้าวางยาพิษจนตายเป็นแน่”
ฉู่หลีกล่าวว่า “ข้าว่าเจ้าทำไม่ได้หรอก!”
พลังวิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์ ความทรงจำก็ยังคลุมเครือเป็นอย่างมาก ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณของเขาทั้งนั้น
และในเวลานี้มู่เฉียนซีได้เหาะออกไปเผื่อทำลายค่ายกลแล้ว พลังจิดวิญญาณของนางแผ่กระจายออก และมู่เฉียนซีก็ได้เริ่มทำลายค่ายกลนี้ในคราเดียว
ทันใดนั้นก็มีแสงสีเขียวที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นมา และภาพที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมดของทุกคนก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และทันใดนั้นก็ได้มีสวนสมุนไพรปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้า
สวนสมุนไพรนี้ดูไม่ใหญ่มากนัก แต่ทว่าสมุนไพรวิญญาณแต่ละชนิดนั้นต่างก็มีมูลค่าเป็นอย่างมาก และมันยังเป็นสมุนไพรวิญญาณที่หาได้ยากในแดนซวนเทียนอีกด้วย
และมู่เฉียนซีก็เห็นหญ้าโลหิตมังกรตั้งแต่แวบแรกที่เข้ามา นางจึงกล่าวว่า “ข้อมูลของเจ้าแม่นยำมาก ที่นี่มีหญ้าโลหิตมังกรจริง ๆ ด้วย! แต่ก็น่าเสียดาย ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีสมุนไพรวิญญาณล้ำค่ามากมาย ทว่ามันกลับไม่มีอีกสองชนิดที่เหลืออยู่เลยนะสิ”
“วางใจเถอะ! น้องซีเอ๋อร์ ข้ามีความเก่งกาจในการสอบถามข้อมูลเรื่องสมุนไพรวิญญาณเป็นอย่างมาก ใช้เวลาเพียงไม่นานจะต้องหาสมุนไพรวิญญาณที่เหลืออีกสองชนิดมาให้เจ้าได้อย่างแน่นอน! ข้ายังไม่ได้กลั่นแกล้งซวนให้หนำใจเลย! ข้าไม่อยากให้เขารีบตายนักหรอก” เหยียนเหลียนเจียกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราไปเก็บสมุนไพรวิญญาณกันเถอะ! หากว่าน้องซีเอ๋อร์ชอบละก็ ข้าจะเอาสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดนี้มามอบให้เจ้า!”
ไม่ได้มีเพียงแค่พวกนางที่เคลื่อนไหวเท่านั้น แต่เมื่อผู้อื่นได้เห็นสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าเหล่านี้ พวกเขาต่างก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว แม้ว่าจะเอาไปทั้งหมดไม่ได้ แต่สมุนไพรวิญญาณที่แข็งแกร่งเหล่านี้ก็ทำเงินให้ได้อย่างมหาศาล
ปัง ปัง ปัง!
ผลสุดท้าย พวกเขาก็โดนกระแทกเข้าอย่างจัง!
มีทั้งคนที่ถูกกระแทกจนจมูกบิดเบี้ยว ใบหน้าบู้บี้ และสมองกระทบกระเทือน
เหยียนหยุดฝีเท้าลง แล้วกล่าวว่า “อันตรายจริง ๆ! หากข้าโดนกระแทกจนน่าสังเวชเช่นนั้น น้องซีเอ๋อร์จะต้องรังเกียจข้าเป็นแน่”
นิรันดร์กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “โอ้! ที่แท้ก็มีปราการป้องกันอยู่อีกชั้นหนึ่ง ปราการป้องกันนี้มีเพียงนักปรุงยาเท่านั้นที่จะสามารถผ่านไปได้ ในตอนที่เข้าไปใกล้เพียงแค่ปล่อยพลังจิตวิญญาณออกไปก็สามารถผ่านไปได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวกับเหยียนเหลียนเจียและฉู่หลีว่า “พวกเจ้าไปรอข้าอยู่ข้างนอกเถิด”
มู่เฉียนซีได้เดินเข้าไปแล้ว และนางก็เดินเข้าไปอย่างราบรื่นอีกด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
“พวกเราไม่มีใครเข้าไปได้ แล้วเหตุใดแม่สาวน้อยผู้นั้นถึงสามารถเข้าไปได้ล่ะ?”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? นางจะต้องมีหนทางอย่างแน่นอนเลย”
“……”
ในเมื่อพวกเขาหมดหนทางที่จะพุ่งเข้าไปถามมู่เฉียนซี ผลก็คือพวกเขาได้พุ่งเป้าหมายไปที่เหยียนเหลียนเจียและฉู่หลีอย่างพร้อมเพียงกัน
“เหตุใดสาวน้อยผู้นั้นถึงสามารถเข้าไปได้ ที่จริงแล้วมีเคล็ดลับอะไรกันแน่! รีบพูดมาเร็วเข้า”
ทันทีที่ข้อมือของเหยียนเหลียนเจียขยับ นางก็ได้เผยรอยยิ้มที่แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ “ทำไม? พวกเจ้าต้องการให้ข้าลงมือเช่นนั้นหรือ?”
แววตาที่เย็นยะเยือกของฉู่หลีกวาดมองไปที่พวกเขา
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีเป็นคนแรกที่ได้รับหญ้าโลหิตมังกร ทว่าหญ้าโลหิตมังกรนั้นอยู่ห่างออกไปไกลกว่าสวนสมุนไพรวิญญาณเสียอีก และในตอนที่มู่เฉียนซีพุ่งออกไป นางก็รู้สึกได้ถึงแรงต้านในอากาศ
แน่นอนว่าแรงต้านทานนี้ก็ได้ถูกพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของมู่เฉียนซีทำลายจนสิ้นซากเหมือนก่อนหน้านี้เช่นกัน และมันก็ไม่อาจที่จะขวางมู่เฉียนซีเอาไว้ได้
สมุนไพรวิญญาณสีแดงเลือดได้ถูกมู่เฉียนซีเก็บขึ้นมา นางเผยยิ้มงามพลางกล่าว “ได้หญ้าโลหิตมังกรมาแล้ว!”
คนอื่นต่างก็พากันอิจฉาจนตาร้อนผ่าว แต่กลับไม่กล้าที่จะลงมือกันตามอำเภอใจ
ต่อมามู่เฉียนซีก็เริ่มเก็บสมุนไพรอย่างเชื่องช้า ในเมื่อนางเข้ามาแล้ว ทั้งยังไม่มีผู้ใดมาแย่งนางได้ เช่นนั้นนางจึงลงมือเก็บมันทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ
แน่นอนว่าคนที่อยู่ภายนอกก็ได้แต่มองดูอย่างจนปัญญา และทันใดนั้นก็มีชายชราผู้หนึ่งพุ่งเข้าไปได้อย่างง่ายดาย “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ที่แท้…”
“ชายชราผู้นั้นก็เข้าไปแล้วเช่นกัน เขาใช้วิธีการใดกันแน่?”
“ข้าจำได้ว่าชายชราผู้นั้นคือนักปรุงยา หรือว่านักปรุงยาจะสามารถเข้าไปได้อย่างนั้นหรือ?”
“นี่มันเลือกปฏิบัติชัด ๆ! นี่มันมีไว้ให้เพียงนักปรุงยาเท่านั้นหรือ?”
ในสถานที่แห่งนี้ยังมีนักปรุงยาคนอื่นอยู่ด้วย และแน่นอนว่ามีบางคนที่คาดเดาและได้ลองเดินเข้าไป จนสุดท้ายก็ประสบผลสำเร็จ
เหยียนเหลียนเจียกล่าวว่า “ที่แท้ก็มีเพียงแต่นักปรุงยาที่เข้าไปได้ ถึงว่าน้องซีเอ๋อร์จึงได้ให้พวกเรารอนางอยู่ด้านนอกเท่านั้น!”
ผลที่ได้คือในตอนที่พวกเขาพุ่งเข้าไปก็ค้นพบว่าสมุนไพรวิญญาณตรงทางเข้าได้ถูกมู่เฉียนซีเก็บไปจนหมดแล้ว พวกเขาจึงกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “แม่สาวน้อย อย่าคิดที่จะฮุบเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวสิ! มอบบางส่วนออกมาให้พวกข้าบ้าง”
“ในเมื่อเจ้าเก็บมาพอแล้ว ต่อไปทั้งหมดนี้ก็ต้องเป็นของพวกเรา”
“……”
ในฐานะที่มู่เฉียนซีเป็นผู้ที่เข้ามายังสถานที่นี้ได้สำเร็จเป็นคนแรก จึงทำให้เก็บเกี่ยวไปได้เป็นจำนวนมาก แต่ทว่าตอนนี้กลับจะให้นางยอมแพ้ต่อสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าเช่นนี้หรือ ไม่มีทางเสียหรอก!
“พวกเจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนโง่เง่าหรืออย่างไร! ข้างหน้านั่นยังมีสมุนไพรวิญญาณอยู่อีกมากมาย! และยิ่งล้ำค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย แล้วเหตุใดข้าจะต้องยอมแพ้ด้วยเล่า!”
มู่เฉียนซีรีบพุ่งทะยานออกไป และก็ได้มีบางคนที่คิดจะจับมู่เฉียนซีเอาไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่สุดท้ายในตอนที่พวกเขากำลังเดินหน้าไปก็ได้รู้สึกว่ามีแรงต้านมาขวางทางเอาไว้
พรึ่บ!
ตึง ตึง!
พวกเขาทำได้เพียงถอยไปจนสุดเขตทางเข้าเท่านั้น
พวกเขาแต่ละคนเผยสีหน้าที่ยากจะเชื่อออกมา “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เหตุใดถึงขยับไปไหนไม่ได้เลย?”
“เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแม่สาวน้อยผู้นั้นเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่พวกเรากลับทำไม่ได้ นี่มันน่าประหลาดเกินไปแล้ว”
“……”
ในอาณาเขตที่พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้ มีสมุนไพรวิญญาณเหลืออยู่ไม่มากเท่าไรนัก เนื่องจากว่าทั้งหมดนี้เป็นของที่เหลือจากมู่เฉียนซีนั่นเอง
มันเป็นเรื่องยากที่คิดอยากจะก้าวไปสักก้าว แน่นอนว่ามีบางคนที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ คนที่เดินไปข้างหน้าอย่างง่ายดายทำราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง ดังนั้นจึงเอ่ยปากออกมาว่า “ดูเหมือนว่าการเก็บสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ก็มีข้อกำหนดเช่นกัน เนื่องจากพลังจิตวิญญาณของพวกเจ้าไม่แข็งแกร่งพอจึงไม่อาจเดินหน้าต่อได้!”