ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1855 ตระกูลนักปรุงยา
หากคิดว่าผู้หญิงจะสามารถต้านทานพลังเสน่ห์ของเหยียนได้จริง ๆ แล้วละก็ นั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว
เนื่องจากความงดงามราวกับนางฟ้าของเหยียนนั้น มีผลทั้งกับชายและหญิงนั่นเอง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฉู่หลีก็ได้จัดการทั้งหมดจนไม่เหลือผู้ใดเลยสักคนเดียว
ข้อมูลก่อนหน้านี้ของพวกเขาล้วนถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่ความสามารถของฉู่หลีที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อมาถึงเกาะหนานอู่เป่าจนได้ดูดซับพลังของผลึกสีดำไปมากมาย จึงทำให้ความสามารถของฉู่หลียกระดับขึ้นเป็นอย่างมาก
เหยียนเดินเข้าไปพลางกล่าวว่า “เสียเวลา! มันเสียเวลามากเกินไปแล้ว แต่จะฆ่าทิ้งก็น่าเสียดายเกินไป”
ตอนนั้นเองฉู่หลีไม่ได้สนใจนางอีกต่อไป และเดินไปทางยังฝั่งของด้านของมู่เฉียนซีทันที
เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็สงสัยเช่นกันว่าทางด้านของซีเอ๋อร์จะเป็นเช่นไรบ้าง?”
…
ปัง ปัง ปัง!
ทางด้านนี้ เหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลินเยว่กำลังพยายามดิ้นรนอย่างยากลำบาก
ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเสียสละคนส่วนน้อย เพื่อให้คนบางส่วนได้หนีไป เนื่องจากพวกเขาไม่เชื่อว่ามู่เฉินซีเพียงคนเดียวจะสามารถไล่ล่าพวกเขาทั้งหมดได้
แต่ทว่ามู่เฉียนซีไม่ได้อยู่ลำพังเพียงคนเดียวน่ะสิ!
นางกล่าว “เสี่ยวโม่โม่ ออกมาเถอะ อย่าปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
“เจ้าค่ะ!”
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก “สัตว์เทพ นั่นมันสัตว์เทพ! คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสัตว์เทพหงส์”
ตูมม โครมมม!
ในเวลานี้ร่างสีแดงร่างหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นมา นางกล่าวว่า “น้องซีเอ๋อร์ อย่าฆ่าพวกเขาไปจนหมดล่ะ ถึงอย่างไรก็เป็นชีวิตหนึ่งเชียวนะ!”
“เหยียนเหลียนเจีย!”
“พวกเจ้า…”
ตอนนี้พวกเขาได้สังเกตเห็นเหยียนเหลียนเจียอีกทั้งยังมีฉู่หลี เหตุใดพวกเขายังสบายดีอยู่ เช่นนั้นผู้อาวุโสที่เหลือล่ะ!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ พวกเขาก็หวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก!
จำเป็นที่จะต้องหนีไปโดยเร็ว!
ปัง ปัง ปัง!
ข้างหน้ามีเสี่ยวโม่โม่ และข้างหลังก็มีมู่เฉียนซี หากคิดว่าจะหนีได้พ้น พวกเขาก็ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยแล้ว
เมื่อมู่เฉียนซีได้ยินคำพูดนั้นของเหยียนแล้ว นางจึงไม่ได้สังหารทิ้งจนหมด และได้ปล่อยให้บางคนยังมีชีวิตอยู่
ในเวลานี้สำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงได้ถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!
นางมองไปทางเหยียนเหลียนเจีย “ไว้ชีวิตพวกเขาไปทำไมกัน? ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้านั้นมีเมตตาต่อศัตรูด้วย”
เหยียนกล่าวว่า “ข้ายังมีอีกหลายส่วนในความรับผิดชอบที่มีคนงานไม่เพียงพอมิใช่หรือ? โดยเฉพาะสถานที่อันมืดมิดบางแห่งที่คนส่วนมากมักปฎิเสธที่จะไป ฉะนั้นข้าเลยจะให้หญิงสาวจากสำนักหลินเยว่เหล่านี้ไปทำงานแทนอย่างไรล่ะ”
“จะใช้คนของศัตรูเจ้าไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหารึ!”
เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องซีเอ๋อร์ยังจำได้หรือไม่ว่าข้าทำอะไรได้? เรื่องวิธีที่จะทำให้คนเชื่อฟังนั้นมีมากมายเลยทีเดียว”
“คนเหล่านี้ได้ถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือขอมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าว
วิธีการนี้ของเหยียนนั้น โหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าการฆ่า และน่าเวทนายิ่งกว่าการตายเสียอีก
โรงเตี้ยมแห่งนี้ไม่สามารถที่จะพักได้อีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นพวกเขาจึงได้เปลี่ยนสถานที่
เมื่อคนของสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงได้รู้ว่าคนของพวกเขาล้มเหลว ทั้งยังมีคนบางส่วนที่หายไป และยังไม่รู้ว่าถูกพาตัวไปที่ใดอีกด้วย
“นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
“เหยียนเหลียนเจียผู้นั้นชั่วร้ายเกินไปแล้ว ทั้งยังมีคุณชายจูเชว่ที่คอยหนุนหลังให้นางอย่างซื่อสัตย์อีก หากจะจัดการมู่เฉินซีกับนางอีกครั้งคงไม่ง่ายแล้ว!”
“พวกข้าเคยส่งคนไปจัดการกับเหยียนเหลียนเจียมาก่อน แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ล้มเหลว! และดูเหมือนว่ามู่เฉินซีจะอยู่ด้วยกันกับนาง หากพวกเราลงมือก็มีแต่จะได้รับความเสียหายเท่านั้น”
“หรือว่าพวกเราจะต้องทนเช่นนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ?”
“หรือว่าเราจะกราบทูลฝ่าบาท! ให้พระองค์…”
“หุบปาก! เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ยังทำได้ไม่ดี แล้วพวกเราจะเอาหน้าที่ไหนไปพบฝ่าบาทกันเล่า”
ทางฝั่งของสำนักหลินเยว่ได้ปรึกษาหารือกันอย่างดุเดือด และทางฝั่งของสำนักหลางซิงเองก็เช่นกัน
“ท่านหัวหน้าสำนัก คุณชายจูเชว่ผู้นี้จะเกินไปแล้ว! เรื่องของพวกเราสำนักหลางซิงเขายังกล้ายื่นมือเข้ามาวุ่นวาย คนผู้นี้จะต้องเป็นภัยแน่ พวกเราจะต้องฆ่าเขาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!”
“ใช่แล้ว! ไม่เพียงแต่ต้องฆ่าเขาเท่านั้น แต่ต้องถอนรากถอนโคนผู้มีอำนาจเบื้องหลังของเขาด้วย”
สำหรับพวกเขาแล้วมู่เฉินซีเป็นเพียงแค่คนเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ยังต้องพึ่งพาให้คนของคุณชายจูเชว่คอยคุ้มครอง และหากว่าคุณชายจูเชว่ตายไป เช่นนั้นคงจะสามารถจำกัดนางได้อย่างง่ายดายเป็นแน่
ความขัดแย้งของสำนักหลางซิงและจูเชว่ของดินแดนทางทิศใต้นั้นสะสมมาอย่างยาวนานและล้ำลึก ทว่าที่พักของจูเชว่นั้นลึกลับเป็นอย่างมาก และอิทธิพลของเขายังแทรกซึมกระจายไปมากมายทั่วทั้งเมือง ซึ่งยากต่อการจัดการเป็นที่สุด!
เพียงแต่ว่าคราวนี้ สำนักหลางซิงมีความมุงมั่นที่จะต่อสู้กับจูเชว่อย่างเอาเป็นเอาตาย
และด้วยความล้มเหลวในครั้งนี้ ได้ทำให้ทั้งสองสำนักใหญ่เกิดความเสียหายอย่างหนักหน่วง ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งคนไปสร้างปัญหาตามท้องถนนอีก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมาถึงเมืองหนานหวางได้อย่างราบรื่น และเมืองหลวงแห่งนี้ยังเป็นเมืองทางตอนใต้ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของราชวงศ์ตงหวงอีกด้วย
หลังจากที่เข้ามาในประตูเมืองแล้ว มู่เฉียนซีก็ยิ่งสามารถสัมผัสได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของตลาดแห่งนี้ ที่มีร้านรวงต่าง ๆ มากมายเต็มไปหมด
เหยียนกล่าวว่า “น้องซีเอ๋อร์ หากว่าเจ้ายังไม่เหนื่อยแล้วละก็ พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ! เจ้าชื่นชอบหรืออยากหยิบอะไรก็เอาไปได้เลย ข้าจะจ่ายให้เจ้าทั้งหมดเองดีหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทำให้เจ้ายากจนหรืออย่างไร เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะยากจนถึงขนาดต้องไปขายเรือนร่างเลยก็ได้นะ”
“น้องซีเอ๋อร์ดูถูกข้ามากเกินไปแล้วจริง ๆ” เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ด้วยเหตุนี้ มู่เฉียนซีและเหยียนจึงได้ไปซื้อของ และตรงไปยังร้านขายยาตามสถานที่ต่าง ๆ ในที่สุดเหยียนก็ตระหนักถึงพลังการซื้อของมู่เฉียนซีแล้ว
“ข้าจะเอาทั้งหมดนี้เลย!”
“ของพวกนี้ด้วย!”
สิ่งที่มู่เฉียนซีต้องการนั้นมากมายเกินไปแล้ว แม้แต่เจ้าของร้านยายังต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เมืองหนานหวางมีนักปรุงยาที่มีเงินอยูไม่น้อย แต่ทว่าก็ไม่เคยเห็นท่านไหนที่บ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อนเลย
อีกทั้งคนที่มาเป็นเพื่อนแม่นางน้อยผู้นี้ยังเป็นเหยียนเหลียนเจียอีกด้วย เหล่าเถ้าแก่ต่างก็ไม่กล้าที่จะมองซ้ำหลายครั้ง เนื่องจากกลัวจะถูกหว่านเสน่ห์เข้าเสียก่อน
เหยียนกล่าวว่า “เอาทั้งหมดนี้ไปคิดไว้ที่บัญชีของข้า เมื่อถึงเวลาพวกเจ้าค่อยไปเอาที่จุ้ยเมิ่งชวนก็แล้วกัน
“ขอรับ!”
จากนั้นก็ไปร้านต่อไป และร้านต่อ ๆ ไป แล้วก็…
นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าที่เมืองหนานหวางแห่งนี้จะมีร้านยามากมายถึงเพียงนี้ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสียดายเหลือเกิน!”
“คนของข้าล้วนเป็นคนของน้องซีเอ๋อร์ แน่นอนว่าเงินเหล่านี้ก็ถือว่าใช่ด้วยเช่นกัน แล้วมีอะไรให้ต้องเสียดายอีกเล่า ขอเพียงแค่น้องซีเอ๋อร์ชอบก็พอแล้ว”
สำหรับเหยียนแล้วเมืองหนานหวางก็เปรียบเสมือนบ้านของตนเองก็มิปาน ฉะนั้นจะต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี และหลังจากนั้นพวกนางก็ตรงไปยังร้านอาหารที่อร่อยที่สุดเเห่งหนึ่ง
“ได้ยินหรือยัง? เรื่องที่หอหมอปีศาจจะมาเปิดสาขาที่เมืองหนานหวางแล้วนะ”
“ความจริงแล้วหอหมอปีศาจมีเบื้องหลังอย่างไรกันแน่? ถึงได้ผุดขึ้นมารวดเร็วถึงเพียงนี้”
“คุณชายโม่ซวนก็เป็นนักปรุงยาอัจฉริยะคนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะสุขภาพที่ไม่ดีเขา เขาก็คงกลายเป็นนักปรุงยาขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ไปนานแล้ว”
“ไม่ว่าจะมีภูมิหลังมาเช่นไร? แต่ข้าก็ได้ยินมาว่ายาลูกกลอนของหอหมอปีศาจทั้งดีทั้งถูก เมื่อถึงตอนนั้นต้องพลาดไม่ได้อย่างแน่นอน”
ในเวลานี้ ก็ได้มีเสียงที่โกรธเคืองเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านบน “พวกเจ้าหุบปากไปซะ! หอหมอปีศาจอะไรกัน ข้าดูแล้วเหมือนจะหลอกลวงเสียมากกว่า! ทั่วทั้งดินแดนทางทิศใต้มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่า ยาลูกกลอนที่ดีที่สุดแน่นอนว่าจะต้องเป็นของตระกูลตานอยู่แล้ว”
และผู้ที่อยู่ชั้นบนในเวลานี้ ดูเหมือนว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลตานนั่นเอง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คุณหนูใหญ่ตานกล่าวได้ถูกต้องแล้ว พวกเราเพียงแค่เล่าเรื่องที่ได้ยินมาก็เท่านั้น”
“แน่นอนว่าทักษะการกลั่นยาที่สืบต่อกันมาหลายพันปีของตระกูลตานดีที่สุดอยู่แล้ว ข้าคิดว่าหอหมอปีศาจนั่นคงจะถูกยกยอปอปั้นขึ้นมาจากคนที่ไม่มีความรู้เท่านั้นแหละ”
“……”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเหยียนแล้วกล่าวว่า “ตระกูลตาน!”
เหยียนตอบกลับมาว่า “ตระกูลตานเป็นตระกูลนักปรุงยาอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้แห่งราชวงศ์ตงหวง สามารถจัดได้ว่าเป็นตระกลูชั้นนำของราชวงศ์ตงหวงเลยก็ว่าได้ อีกทั้งความสัมพันธ์กับสำนักหลางซิงยังดีมากอีกด้วย พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น จนสามารถผูกขาดตลาดยาลูกกลอนส่วนใหญ่ของทางตอนใต้เอาไว้ได้เลยทีเดียว”
“ตลาดของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีขนาดที่เล็กมาก เป็นสถานที่ที่พวกเขาดูถูกเป็นอย่างมาก อีกทั้งเสี่ยวซวนซวนก็มีความระมัดระวังอย่างถึงดียว่า จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถคิดที่จะทำอะไรแผลง ๆ ได้ ทว่าหากหอหมอปีศาจก้าวหน้ามาจนถึงดินแดนทางทิศใต้ได้ และหากมีกิจการที่ดียิ่งกว่าตระกูลตาน แถมยังมียาลูกกลอนที่ดีกว่าพวกเขาแล้วละก็ พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยเอาไว้อย่างแน่นอน”