ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1859 คำเตือนของจูเชว่
ยาลูกกลอนเช่นนี้ หากเป็นตระกูลตานของพวกเขา จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้?
“ไปซื้อยาลูกกลอนมา อย่าให้พลาดยาไปแม้แต่ชนิดเดียว ยิ่งมีระดับสูงก็ต้องยิ่งซื้อมาให้เยอะ ๆ เมื่อไรที่ยาเหล่านี้หายสาบสูญไป และหากพวกเราสามารถศึกษาค้นคว้าสูตรยาเหล่านี้ออกมาได้ พวกเราจะต้องได้รับประโยนชน์มากมายเป็นแน่” ท่านผู้นำตระกูลตานออกคำสั่ง
ด้วยเหตุนี้ ในวันเปิดกิจการวันแรกของหอหมอปีศาจ ไม่คาดคิดเลยว่าลูกค้ารายใหญ่ที่สุดจะกลายเป็นตระกูลตาน
“ไม่ได้มาสร้างเรื่องก่อกวนแต่กลับมาใช้ผนึกซวนไปมากมายถึงเพียงนี้ ครั้งนี้ตระกูลตานต้องมีเจตนาที่ไม่ดีเป็นแน่” จูเชว่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ผู้ที่มาก็เป็นลูกค้าทั้งนั้นแหละ!”
“ภายในยามากมายเหล่านี้ มีที่แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้จัก และคาดว่าตระกูลตานก็น่าจะไม่รู้จักเช่นกัน หากพวกเขานำยาเหล่านี้ไปค้นคว้าจะทำเช่นไรเล่า?” จูเชว่เองก็สามารถที่จะคาดเดาความคิดของพวกเขาออกเช่นกัน
“ต่อให้พวกเขาจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นสิบสมอง ก็ไม่อาจที่จะค้นคว้ายาลูกกลอนนี้ได้หรอก! เจ้านี่จะเป็นกังวลเกินไปแล้ว” นิรันดร์กล่าวขณะที่เดินออกมา
สูตรยาของตนเอง ถึงแม้จะทำเช่นไรเจ้าตระกูลนักปรุงยาระดับสี่ที่ไร้ค่านั่นก็ไม่สามารถค้นคว้าออกมาได้หรอก
มู่เฉียนซีหัวเราะอย่างแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเขา จะต้องกำลังปวดหัวมากเป็นแน่!”
และตอนนี้คนของตระกูลตานเหล่านั้นก็กำลังปวดหัวเป็นอย่างมากจริง ๆ พวกเขาเสียเงินเพื่อไปซื้อยาจำนวนมากมายมหาศาลเช่นนี้ แต่กลับไม่อาจที่จะค้นคว้าสูตรยาที่สมบูรณ์ออกมาได้เลยสักอย่างเดียว ถึงแม้ว่าจะเข้าใกล้มาก แต่สุดท้ายแล้วยาที่กลั่นออกมากลับกลายเป็นเพียงยาที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น
“มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!”
“ยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด ที่แม้แต่ท่านผู้นำตระกูลก็ยังไม่สามารถกลั่นออกมาได้ เช่นนั้นเจ้าหมอปีศาจนั่นที่จริงแล้วมีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?”
“……”
สิ่งที่พวกเขาสามารถที่จะยืนยันได้ก็คือ หมอปีศาจของหอหมอปีศาจผู้นั้นเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมาก และมีควาแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าท่านผู้นำตระกูลของพวกเขาด้วยซ้ำ
ด้วยความรู้เช่นนี้พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะลงมืออย่างผลีผลาม แต่ทว่าคนที่ต้องการยาของตระกูลตานเริ่มน้อยลงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะให้พวกเขาทนหยิ่งยโสอยู่ได้อย่างไร
“นักปรุงยาลึกลับผู้นั้น ดันมาทำให้ตระกูลตานของพวกเราต้องลำบากเสียแล้ว!”
“หากปล่อยให้หอหมอปีศาจยังรุดหน้าต่อไปเช่นนี้ ทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงคงจะไม่มีพื้นที่ให้ตระกูลตานของพวกเราตั้งหลักได้อีกแล้วเป็นแน่”
“……”
ยาลูกกลอนของหอหมอปีศาจนั้นไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิง เดิมทีพวกเขาคิดจะหาข้อจับผิดแต่ก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นจึงไม่สามารถเล่นงานอย่างขาวสะอาดได้ และทำได้เพียงแค่เล่นสกปรกเท่านั้น
แต่ทว่าในตอนที่ตระกูลตานกำลังคิดที่จะเล่นสกปรกนั้น กลับได้รับคำเตือนจากคุณชายจูเชว่มาเสียก่อน
ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ในสายตาของเขาหมดแล้ว และหอหมอปีศาจก็อยู่ในปกครองของเขา หากพวกเขากล้าผลีผลามทำอะไรแล้วละก็ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเขาไม่เตือน
“บัดซบเอ๊ย! เบื้องหลังของหอหมอปีศาจที่จริงแล้วเป็นอะไรกันแน่ ไม่คิดเลยว่าคุณชายจูเชว่จะออกมาช่วยเหลือเขาเช่นนี้!”
“ในตอนแรกตระกูลตานของพวกเขาได้รับข้อมูลบางอย่าง และเพื่อสร้างความโปรดปราน เราก็เอาใจคุณชายจูเชว่ราวกับหลานชายก็มิปาน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะไปปกป้องหอหมอปีศาจเช่นนี้”
“……”
คนของตระกูลตานโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แต่ในเวลาเดียวกันก็ได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังหอหมอปีศาจไปด้วย และมันไม่ใช่กองกำลังอื่น ๆ ที่พวกเขาเคยทำลายหรือทำให้ล่มสลายไปก่อนหน้านี้
จูเชว่กล่าวว่า “ซีซี ข้าได้ให้คำเตือนกับตระกูลตานไปแล้ว พวกเขาคงจะไม่ดำเนินการอะไรไปช่วงระยะหนึ่ง! เพียงแต่พวกตระกูลตานจะต้องไม่ยอมแพ้อย่างเต็มใจแน่นอน ยาลูกกลอนของตระกูลตานในตอนนี้นอกจากยังมีการสั่งซื้อมาจากกองกำลังของพวกเขาแล้ว ก็ไม่ได้มีคำสั่งซื้อมาจากที่อื่นมากเท่าไรนัก”
“กิจการไม่ดี แล้วยังไม่ยอมลดราคาลงอีก! และยาลูกกลอนบางอย่างก็น่าอายเกินกว่าที่จะขายในราคาที่สูงถึงเพียงนั้น แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาอาศัยความเก่งกาจของตระกูลตานในการเพิ่มราคาให้สูงขึ้นจนเคยชิน มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะโลภมากต่อไปไม่รู้จบเช่นนี้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
“กระต่ายเมื่อถึงตาจนยังกล้าที่จะกัดคนได้ฉันใด แล้วนับประสาอะไรกับงูพิษจอมตะกละตัวหนึ่งอย่างพวกเขา ทว่าหากพวกเขากล้าที่จะลงมือ เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจเช่นกัน” จูเชว่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
การเริ่มต้นครั้งแรกผ่านไปด้วยดี ทั้งยังมีการสนับสนุนอันแข็งแกร่งของจูเชว่อยู่ด้วย จึงทำให้มีการสร้างหอหมอปีศาจขึ้นมาตามเมืองใหญ่ในดินแดนทางทิศใต้
จูเชว่เป็นหัวหน้าของฝ่ายข่าวสาร นอกจากนี้เขาก็รู้จักนักปรุงยาของดินแดนทางทิศใต้เป็นอย่างดี และหลังจากนั้นจูเชว่ก็ได้ตระหนักรู้ว่ามู่เฉียนซีดึงนักปรุงยามาได้อย่างไร?
มันจะเก่งกล้าสามารถเกินไปแล้ว!
สูตรยาอันล้ำค่าอย่างหาที่สุดไม่ได้ถูกทำลายลงโดยตรง ยิ่งต้องการมากเท่าไรก็ถูกทำลายลงเท่านั้น และสุดท้ายนักปรุงยาที่หยิ่งยโสเหล่านั้นก็จบลงที่ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
ยิ่งได้รู้ถึงฝีมือของมู่เฉียนซี จูเชว่ก็ยิ่งอิจฉาโม่ซวนมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ซวน เจ้าหมอนี่คงเอาโชคที่มีทั้งชีวิตมาใช้หมดแล้วเป็นแน่”
การล้อมโจมตีตระกูลตานของหอหมอปีศาจ ได้ทำให้ตระกูลตานทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
“ติดต่อไปยังสำนักหลางซิง มันค่อนข้างที่จะยุ่งยากหากให้ตระกูลตานของพวกเราจัดการจูเชว่เพียงลำพัง แต่หากสำนักหลางซิงให้การช่วยเหลือพวกเราสักครั้ง เช่นนั้นมันก็จะต่างออกไปแล้ว”
ความก้าวหน้าของหอหมอปีศาจ ยิ่งทำให้หมอปีศาจของหอหมอปีศาจล้ำลึกเกินที่จะหยั่งถึงมากขึ้นไปอีก
“ซีซี เมืองโบราณซางหลันของดินแดนทางทิศใต้กำลังจะเปิดแล้ว ภายในนั้นมีสมุนไพรวิญญาณโบราณขึ้นอยู่มากมาย ข้าได้ข่าวมาว่ามีคนได้ผลอายุวัฒนะโบราณมาจากข้างในนั้นด้วย” จูเชว่ได้นำข่าวดีมาบอกให้กับมู่เฉียนซีได้รู้
“เมืองโบราณซางหลันหรือ?”
“เมืองโบราณซางหลันเป็นเมืองโบราณที่ถูกค้นพบมาจากความร่วมมือของกองกำลังระดับสี่ขนาดใหญ่แห่งดินแดนทางทิศใต้ และมีเพียงสำนักระดับสี่เท่านั้นถึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปได้! แม้ว่าความเข้าใจในความสามารถของข้าจะไม่ได้ถูกจัดอันดับ ทว่าก็มียังกองกำลังระดับสี่อื่นที่ยอมช่วยพาพวกเราเข้าไป!” จูเชว่กล่าว
“พวกเรา? เจ้าก็ไปด้วยหรือ!”
“แน่นอนอยู่แล้ว! ในช่วงเวลานี้พวกเราจะต้องยืนหยัดที่จะร่วมมือกันให้ถึงที่สุด หรือว่าซีซีคิดที่จะทิ้งข้าเช่นนั้นหรือ?” จูเชว่กล่าวอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด
“ถึงแม้ว่าหอหมอปีศาจจะมั่นคงแล้ว แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีคนคอยรักษาการณ์! เจ้าอยู่ที่นี่แหละ”
“ให้ซวนเป็นคนทำก็ได้!”
“ที่นี่เป็นอาณาเขตของเจ้า ให้เจ้าเป็นคนทำข้าจะวางใจกว่า”
ในเมื่อมู่เฉียนซียืนยันเช่นนี้ จูเชว่จึงทำได้เพียงแต่ประนีประนอมเท่านั้น
“ทว่าข้าก็ยังไม่วางใจ ข้าให้เหยียนไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วยดีหรือไม่? ข้าเคยตักเตือนนางไปแล้ว นางจะไม่สร้างความรำคาญและสร้างปัญหาให้เจ้าอย่างแน่นอน”
“เอาเถอะ! ไม่ได้เจอนางมานานแล้วเหมือนกัน” มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่จูเชว่พลางคลี่ยิ้ม
ในตอนที่กำลังเดินทางไปยังเมืองโบราณซางหลันของดินแดนทางทิศใต้ นางฟ้าเหยียนก็ได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“น้องซีเอ๋อร์ ไม่ได้เจอกันนานถึงเพียงนี้ เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”
นิรันดร์กล่าวว่า “มีข้าอยู่ด้วย ศิษย์ที่รักของข้าจะไปคิดถึงเจ้าทำไมกัน คิดเองเออเองเก่งเกินไปแล้ว”
“จูเชว่บอกข้าหมดแล้ว ว่าซีซีเคยถามหาข้าอยู่ตั้งหลายครั้งหลายครา” แน่นอนว่าเหยียนไม่ยอมล่าถอยไปง่าย ๆ อยู่แล้ว
ในเวลานี้ ฉู่หลีก็กล่าวขึ้นมาว่า “ศิษย์น้อง ควรไปได้แล้ว! ปล่อยให้พวกเขาทะเลาะกันต่อไปเถอะ อย่ารอเลย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!”
หลังจากที่รอให้พวกมู่เฉียนซีและฉู่หลีบินไปแล้ว นิรันดร์และเหยียนถึงได้หยุดทะเลาะกัน และหลังจากนั้นก็รีบร้อนไล่ตามไปทันที
“ศิษย์ที่รัก!”
“น้องซีเอ๋อร์ รอข้าด้วย!”
เป้าหมายของพวกเขาก็คือสำนักชิงเฟิงผู้เป็นกองกำลังระดับสี่สำนักหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ แม้จูเชว่จะกล่าวว่าพวกเขาช่วยเหลืออย่างเต็มใจ แต่มู่เฉียนซีรู้ดีว่าสำนักนี้น่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของจูเชว่อย่างลับ ๆ เป็นแน่
สัตว์เทพหงส์สีนิลโผบินไปในอากาศ และมันก็ได้เข้าใกล้สำนักชิงเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ คนของสำนักชิงเฟิงกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “แขกผู้มีเกียรติมาแล้ว รีบไปรายงานให้ผู้อาวุโสทุกท่านมาต้อนรับเร็วเข้า!”
พวกเขาร่อนลงมาจากกลางอากาศ และผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักชิงเฟิงก็เริ่มกล่าวต้อนรับ อีกทั้งด้านหลังของพวกเขายังมีลูกศิษย์อีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเหล่าลูกศิษย์ของสำนักชิงเฟิงได้เห็นเหยียนต่างพากันอ้างปากค้างไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ที่มีอายุมากแล้วถือได้ว่านิ่งสงบเลยทีเดียว เขาก้าวขึ้นมาข้างหน้าพลางกล่าวว่า “เมืองโบราณซางหลันกำลังจะเปิดแล้ว พวกเราจะเริ่มเดินทางกันต่อนี้เลย พวกท่านยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกหรือไม่?”
เหยียนกล่าวว่า “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งได้เข้าไปเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี”
หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางทันที แต่ทว่าสัตว์วิญญาณบินได้ของสำนักชิงเฟิงเมื่อเทียบกับสัตว์เทพหงส์แล้วก็ยังถือว่าช้ากว่ามาก
หลังจากที่พวกเขามาถึง และเห็นว่าภายในกลุ่มของสำนักชิงเฟิงมีเหยียนเหลียนเจียอยู่ด้วย ก็มีคนพูดจาเยาะเย้ยถากถางขึ้นมาว่า “สำนักชิงเฟิงอย่างพวกเจ้าจะมีส่วนร่วมมากเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นกองกำลังระดับสี่ที่ยังพอมีภูมิหลังอยู่บ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะสมคบคิดกับนางปีศาจอย่างเหยียนเหลียนเจียผู้นี้ ดูท่าแล้วทั้งสำนักของพวกเจ้าคงโดนนางปีศาจนี่ล่อลวงเข้าให้แล้วสินะ แล้วพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะเข้าในเมืองโบราณซางหลันได้?”