ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1864 ความเร็วพิสดาร
“พวกเจ้าสำนักชิงเฟิงมีสิทธิ์อันใดที่จะครอบครองดอกว่านอู้เถิง หากไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปซะ”
“พวกข้าไม่ยอมถอยให้พวกเจ้าเป็นแน่”
ครืน ครืน ครืน
สำนักกองกำลังระดับสี่สองสำนักใหญ่ได้เริ่มปะทะกันแล้วสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ ของสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีค่ามากพอที่จะต้องมาแย่งชิงกัน ทว่าดอกว่านอู่เถิงเป็นของล้ำค่าจริง ๆ
ใบหน้าของคนสำนักชิงเฟิงแต่ละคนในขณะนี้กลายเป็นสีเขียวคล้ำ ท่าทางราวกับคนต้องพิษก็มิปาน
คนของสำนักเถียนหนิงแต่ละคนช่ำชองในการวางยาพิษเป็นอย่างยิ่ง และเนื่องจากพวกเขาได้เลื่อนขึ้นมาเป็นสำนักกองกำลังระดับสี่แล้ว สำนักอื่น ๆ จึงไม่กล้ายั่วยุแม้แต่น้อย
คนของสำนักชิงเฟิงที่ถูกลอบโจมตีไม่ใช่คู่แข่งของพวกเขา
“จัดการ!” มู่เฉียนซีกล่าว
เมื่อได้เผชิญหน้าแล้ว นางก็ไม่มีทางนิ่งดูดายอย่างแน่นอน อีกอย่างนางก็รู้สึกสนใจในดอกว่านอู้เถิงด้วยเช่นกัน
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!” เสียงกระดิ่งเสียงใสแว่วดังขึ้น สีหน้าของคนสำนักเถียนหนิงก็ย่ำแย่ขึ้นเป็นเท่าทวี
“แย่แล้ว เหยียนเหลียนเจียมาแล้ว”
“เกราะป้องกัน คอยระวังป้องกันการโจมตีจิตวิญญาณของนางให้ดี”
“วายุทำลายดาวกระจาย!” มู่เฉียนซีเองก็ได้ทำการโจมตีออกไปเช่นกัน
และแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็มีกำลังคนไม่น้อย
หากต้องการจัดการคนของสำนักเถียนหนิงเหล่านั้นให้เร็วขึ้น คนของสำนักชิงเฟิงเหล่านี้ก็จะต้องรีบฟื้นฟูขึ้นให้เร็วที่สุด
พิษที่พวกเขาวางนั้นมีทักษะปะปนอยู่เล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากแต่อย่างใด
มียาลูกกลอนถอนพิษในมิติจำนวนไม่น้อยที่สามารถถอนพิษนี้ได้ มู่เฉียนซีกล่าว “ทุกคน ต้องการถอนพิษหรือไม่!”
ยาลูกกลอนถอนพิษที่มีติดตัวอยู่ในตอนนี้ไร้ประโยชน์ พวกเขาคิดว่ายาถอนพิษของมู่เฉียนซีก็คงไม่มีประโยชน์อันใดมากนักเช่นกัน ทว่าจะลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย
พวกเขากินยาลูกกลอนของมู่เฉียนซีไปด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าใดนัก ผลปรากฏว่าพวกเขาสามารถถอนพิษไปได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ ได้ในทันที
ผู้อาวุโสกล่าว “ถึงคราวที่พวกเราต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีแล้ว ทำให้คนของสำนักเถียนหนิงเหล่านั้นรู้ว่าพวกเราเป็นใคร”
“ขอรับ! ท่านผู้อาวุโส!”
การที่พวกเขาถูกกดขี่ก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขารู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะแย่งชิงดอกว่านอู้เถิงด้วยพลังที่มี ไหนเลยจะคาดถึงว่าพวกเขาจะกลับคำกลางคัน แล้วแอบวางยาพิษพวกเขาเช่นนี้
ครืน ครืน ครืน!
การโจมตีของฉู่หลีและเหยียนน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง ประจวบกับคนของสำนักชิงเฟิงที่ได้ฟื้นฟูกำลังและเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยแล้ว คนของสำนักเถียนหนิงก็กลายเป็นทหารแตกทัพไปในทันที
“บัดซบเอ้ย! ในที่สุดพวกเขาก็ถอนพิษได้แล้ว” คนของสำนักเถียนหนิงรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง
“รีบถอยกันก่อนเร็วเข้า!”
“แล้วเราจะยอมแพ้ไม่ชิงสมุนไพรวิญญาณนั่นมาแล้วหรือ?”
“หากหากสู้ไม่ได้ก็หมดหนทางแล้ว รีบถอยกันก่อนดีกว่า!”
คนของสำนักเถียนหนิงรีบล่าถอยกันไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่อยากทำการต่อสู้ให้ยืดเยื้ออีกต่อไป เนื่องจากถึงแม้จะสู้กันต่อไปพวกเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อันใดอยู่ดี
คนของสำนักชิงเฟิงไม่อยากปล่อยพวกเขาไปง่ายดายเช่นนี้ ครั้นเตรียมจะไล่ตามไป มู่เฉียนซีก็ได้กล่าวขึ้น “อย่าได้ไล่ตามไปเลย ดอกว่านอู้เถิงใกล้จะสุกเต็มทีแล้ว หากมันสุกเกินไปแล้วร่วงลงผสานกับพื้นดิน ถึงยามนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย”
“หากต้องพลาดดอกว่านอู้เถิงไปเพียง เพราะต้องการไล่ฆ่าคนเหล่านั้น มันก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย”
“จะว่าไปแล้วมันก็จริง!” ท่านผู้อาวุโสพยักหน้าพลางกล่าว
“ไปพวกเราไปเก็บดอกไม้กันเถอะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ทุกคนรู้หรือไม่ว่าความพิเศษของดอกว่านอู้เถิงคืออะไร?”
“ความพิเศษหรือ?” พวกเขาแสดงสีหน้างงงวยออกมา เห็นชัดว่าพวกเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกัน
“พวกเราเคยเห็นดอกว่านอู้เถิงในตำราเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้อ่านคำบรรยายอย่างละเอียด เกรงว่านักปรุงยาคงจะรู้มากกว่าพวกเรา”
“หากพวกเจ้าต้องการเด็ดดอกว่านอู้เถิงละก็ พวกเจ้าจะถูกเถาวัลย์ของพวกมันโจมตี ดังนั้นพวกเจ้าจะต้องเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุด หากพวกเจ้าถูกมันเกี่ยวรัดละก็ พวกเจ้าจะกลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยงของพวกมัน” มู่เฉียนซีอธิบายให้พวกเขาฟัง
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” พวกเขาตกใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ที่จะเก็บดอกว่านอู้เถิงมาให้จงได้ พวกเขาคิดว่า เถาวัลย์ที่ห้อยระโยงระยางเหล่านี้ไม่ได้มีพิษภัยอันใดมากนัก พวกเขาน่าจะรับมือกับพวกมันได้
“เช่นนั้น ทุกคนก็เก็บสมุนไพรวิญญาณตามความสามารถก็แล้วกัน! ทุกคนโปรดระวังตัวด้วย” มู่เฉียนซีพุ่งออกไปเบื้องหน้า ส่วนคนอื่น ๆ ที่กลัวว่าตนเองจะออกตัวช้า แล้วแย่งชิงของล้ำค่ามาไม่ทัน ก็รีบไล่ตามออกไปอย่างรวดเร็ว
ครืน ครืน ครืน!
ทันใดนั้นเถาวัลย์เหล่านั้นก็มีการเคลื่อนไหวขึ้น เถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่เปรียบดั่งเส้นผมก็ได้พุ่งเข้าไปรัดตัวพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะเป็นมู่เฉียนซีเอง ทว่านางก็ต้องอาศัยความเร็วในการหลบหลีกจึงจะสามารถหลบหลีกจากเถาวัลย์เหล่านั้นได้ ส่วนศิษย์ของสำนักชิงเฟิงที่อยู่ในระดับขั้นต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้ว
“อ้า!”
“ช่วยด้วย!”
เมื่อเถาวัลย์เส้นเรียวเล็กเหล่านั้นได้เกี่ยวรัดพวกเขาแล้ว มันก็ลากพวกเขาไปในทันที ผู้อาวุโสของสำนักชิงเฟิงที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“รีบเข้าไปช่วยพวกเขาเร็ว!”
ปัง ปัง ปัง!
โชคดีที่พวกเขาสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ทัน คนเหล่านั้นจึงไม่ถูกนำไปเป็นอาหารหล่อเลี้ยงของเถาวัลย์เหล่านั้น ทว่าพวกเขาก็ได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของดอกว่านอู้เถิงแล้ว หากผู้ใดไม่ได้อยู่ในระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็อย่าได้ก้าวล้ำเข้าไปเป็นอันขาด
ความเร็วของดอกว่านอู้เถิงเหล่านี้ยากนักที่จะรับมือได้ อีกทั้งเถาวัลย์ของพวกมันก็เรียวเล็กเสียจนยากที่จะสังเกตเห็น ทว่าสำหรับมู่เฉียนซีแล้วมันก็ไม่ได้ยากลำบากแต่อย่างใด
ร่างสีม่วงวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีพุ่งออกไปเบื้องหน้า และสามารถเก็บดอกไม้สีเหลืองทองดอกเล็กมาได้หนึ่งดอก
นางเป็นคนแรกที่ได้ครอบครองดอกว่านอู้เถิง
พวกเขาที่พบว่ามู่เฉียนซีสามารถคว้าดอกว่านอู้เถิงมาได้สำเร็จ ก็อดรู้สึกอิจฉาเสียมิได้
“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่! แม่นางผู้นั้นเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น แต่…การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วเสียเหลือเกิน!”
“แน่นอนว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจอมภูติธาตุวายุก็ต้องฝึกฝนทักษะในด้านความเร็วอยู่แล้ว แต่ความเร็วนี้มันพิสดารเกินไป!”
“……”
การเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วของมู่เฉียนซีไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรดาผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด และนางก็ได้เก็บเกี่ยวดอกไม้เหล่านั้นมาไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าดอกไม้ส่วนใหญ่ก็ได้ร่วงหล่นลงพื้นแล้วหายลับไปในทันที
จนกระทั่งบนเถาวัลย์ไม่มีดอกไม้หลงเหลืออยู่แล้ว พวกเขาจึงจะแยกย้ายกันกลับมา เหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “น้องซีเอ๋อร์ ดูที่ข้าเก็บมาได้สิเยอะหรือไม่?”
เมื่อเห็นเช่นนี้ฉู่หลีจึงได้หยิบดอกไม้ที่มีจำนวนเยอะกว่าออกมาและมอบมันให้มู่ฉียนซี “ดอกไม้พวกนี้ข้าให้เจ้าหมดเลย”
เมื่อเทียบเคียงจำนวนดอกไม้กับพวกเขาแล้ว จำนวนดอกไม้ของทางฝ่ายชิงเฟิงก็น้อยนิดจนน่าเวทนา ทว่าอย่างไรเสียก็ย่อมดีกว่าการถูกกดขี่ที่ไม่ได้รับผลดีอันใดก่อนหน้านี้เป็นเท่าทวี”
ผู้อาวุโสได้เข้ามากล่าวขอบคุณพวกของมู่เฉียนซี เขาเอ่ยถาม “หลังจากนี้พวกของท่านเหยียนก็จะออกเดินทางกันตามลำพังหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” เหยียนกล่าว
“ไม่ทราบว่าแม่นางยังมียาลูกกลอนถอนพิษนั่นอยู่อีกหรือไม่ ข้ากลัวว่าจะต้องพบเจอกับคนของสำนักเถียนหนิงนั่นอีก”
“ถูกลอบโจมตีคราหนึ่งก็ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ แต่ถ้าหากพวกเจ้าถูกลอบโจมตีอีกเป็นครั้งที่สอง นั่นมันก็ดูโง่เง่าเกินไปแล้ว” เหยียนเหลือบมองไปยังพวกเขาทุกคน
ทุก ๆ คนจึงรู้สึกอับอายและลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนว่าข้ายังมีอีก ยาลูกกลอนถอนพิษนี้เป็นยาลูกกลอนของหอหมอปีศาจ หากท่านผู้อาวุโสต้องการ ข้าก็ยังพอจะมีเหลืออยู่บ้าง”
”หอหมอปีศาจ คือหอหมอปีศาจนั่นน่ะหรือ?” ผู้อาวุโสตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
สำนักกองกำลังระดับสี่ที่มีชื่อเสียงล้วนมีนักปรุงยาประจำสำนักโดยเฉพาะ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปซื้อยาลูกกลอนจากภายนอก ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่ายาลูกกลอนที่นักปรุงยาจากสำนักของตนเองปรุงขึ้นมาจะไม่ค่อยเห็นผลเท่าใดนัก เห็นทีเขาคงต้องลองพิจารณาบอกกล่าวกับท่านเจ้าสำนักให้ไปดูหอหมอปีศาจสักหน่อยแล้ว
หอหมอปีศาจที่มีชื่อเสียงแผ่ซ่านไปทั่วดินแดนทางตอนใต้ดีสมคำล่ำลือจริง ๆ!
เมื่อมู่เฉียนซีมอบยาลูกกลอนให้พวกเขา ผู้อาวุโสก็ได้มอบสมุนไพรวิญญาณที่เก็บได้จากเมืองโบราณซางหลันจำนวนหนึ่งให้กับมู่เฉียนซีเป็นการตอบแทน
เมื่อแยกทางกับพวกเขาแล้ว พวกของมู่เฉียนซีก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง สถานที่ใดที่ระบุในแผนที่ว่ามีสมุนไพรวิญญาณอยู่ นางก็ไม่ปล่อยผ่านแม้แต่ที่เดียว
บางสถานที่พวกเขาก็มาช้าไปจึงถูกผู้อื่นชิงไปได้บางส่วน ทว่าพวกเขาก็สามารถเก็บตกส่วนที่หลงเหลือได้
บางคราพวกเขาก็ได้พบเจอกับคนจากสำนักอื่น ๆ ทว่าเสน่ห์ของนางปีศาจเหยียนอันแข็งแกร่งก็สามารภควบคุมคนเหล่านั้นได้อยู่หมัด อีกทั้งยังสามารถใช้ให้พวกเขาช่วยเก็บสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นได้อีกด้วย
ทว่าหากผู้ใดไม่หลงเสน่ห์ของนางปีศาจเหยียน และคิดจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมุนไพรวิญญาณละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะต้องต่อสู้กับอีกฝ่าย
สู้ก็สู้สิ ผู้ใดกลัวกัน!
เมื่อพบสถานที่แห่งสุดท้ายบนแผนที่แล้ว ก็ยังคงไม่มีผลอายุวัฒนะที่พวกเขาต้องการ ทว่าสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ พวกเขาก็สามารถเก็บมาได้เป็นกอบเป็นกำ
เหยียนกล่าว “น้องซีเอ๋อร์ ในเมืองโบราณซางหลันน่าจะมีคนของสำนักหลางซิงอยู่ เป้าหมายของคนสำนักหลางซิงส่วนหนึ่งก็คือที่นั่น”