ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1866 นิรันดร์ลงมือ
เหยียนกล่าวอย่างยั่วยุ “นี่มันมีผลต่อความต้องการของเจ้า ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเพิ่มความกระหายเลือดสักหน่อยแล้ว”
“เจ้าคนไร้ประโยชน์!”
นึกไม่ถึงเลยว่าคนของพวกเขาจะทำตามที่หญิงสาวผู้นี้บอก และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้คนของสำนักหลางซิงเหล่านั้นโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
“ไปกำจัดเหยียนเหลียนเจียก่อน อย่าไปสนใจเจ้าพวกขยะเหล่านั้น!”
เมื่อเปรียบเทียบกับกองกำลังระดับสี่อื่น ๆ แล้ว แน่นอนว่าสำนักหลางซิงให้ความสนใจต่อเหยียนเหลียนเจียผู้นี้มากเป็นพิเศษ
กองกำลังหลักได้ถูกเหยียนดึงดูดไปแล้ว และคนจากกองกำลังระดับสี่อื่น ๆ ต่างก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
จากนั้นก็เหลือบมองไปยังเหยียนเหลียนเจียอย่างซาบซึ้งใจ หากเวลานี้ไม่ไป แล้วจะให้รอไปจนถึงเมื่อไรกัน?
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
หลังจากที่คนของสำนักหลางซิงเข้ามาใกล้ ฉู่หลีก็เริ่มเคลื่อนไหว และเงาสีดำก็ได้กวาดศัตรูล้มลงไปได้ในพริบตา
สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือ ยังมีอีกสองคนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างใจเย็น
คนหนึ่งคือหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามราวกับถูกสรรสร้างมาอย่างพิถีพิถันคนหนึ่ง แล้วยังมีชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวที่มีเสน่ห์หาที่เปรียบมิได้อีกคนหนึ่ง
“นี่พวกเขาดูถูกพวกเราอย่างนั้นหรือ? ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!”
“พวกเจ้าทั้งสองคิดว่าจะสามารถขวางพวกเราไว้ได้นานแค่ไหนหรือ?”
“……”
คนของสำนักหลางซิงเดือดดาลขึ้นมา หลังจากนั้นก็เปิดการโจมตีอย่างน่าสะพรึงกลัว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
“เจ้าค่อย ๆ กินไปเถิด แต่เมื่อพูดแล้วว่าจะช่วยก็อย่าคิดที่จะไม่ลงมือเชียวล่ะ”
ในตอนที่หงส์ตัวนั้นถูกเปลวเพลิงสีดำสนิทห่อหุ้มจนลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ มู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไปเช่นกัน
“สัตว์เทพหงส์ เป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งมากที่สุด! นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกแม่สาวน้อยผู้นั้นผูกพันธสัญญาไปแล้ว” ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงคนหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศ และความละโมบก็ปรากฏขึ้นภายในแววตาที่มองไปยังหงส์ตัวนั้น
หากไม่ใช่เพราะต้องการที่จะลงมือสังหารผู้เฒ่าสองสามคนนี้อยู่ เขาคงจะลงมือแย่งสัตว์เทพหงส์ตัวนี้มาไว้ในมือทันทีแล้ว
เขาสั่งว่า “อย่าฆ่านางเด็กน้อยกับเจ้าสัตว์เทพหงส์ตัวนั้น ข้าต้องการมัน”
“ขอรับ! ท่านผู้อาวุโสสูงสุด”
แต่ทว่า เสี่ยวโม่โม่จะยอมให้จับได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน อีกทั้งมู่เฉียนซีก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถรับมือได้ง่ายอีกด้วย
ผู้ที่มาจัดการกับมู่เฉียนซีเหล่านั้นก็คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงและผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำ จากนั้นพวกเขาก็ได้เคลื่อนไหวเข้าไปโจมตีมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง!
ลมวายุจากฝ่ามือและกำปั้นวายุพุ่งทะยานออกไป จากนั้นมู่เฉียนซีก็เคลื่อนไหวออกไปอย่างแผ่วเบาราวสายลมในชั่วพริบตา
ตูมมมม!
การโจมตีของพวกเขาคว้าน้ำเหลว และแม้ว่าเพื่อที่จะไม่ให้พลาดไปสังหารสาวน้อยผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดผู้นี้จึงไม่ได้ออกแรงอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะทำให้เขาหลีกเลี่ยงได้
สีหน้าของคนสำนักหลางซิงที่อยู่เบื้องหน้ามู่เฉียนซีต่างปรากฏความประหลาดใจออกมา
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมแพ้ไปง่าย ๆ อยู่แล้ว และหลังจากนั้นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวก็โหมกระหน่ำเข้ามาอีกครั้ง
มู่เฉียนซีเร่งความเร็วขึ้นมาอีกครั้ง และพลังธาตุวายุก็ได้ห่อหุ้มนางเอาไว้
ใบพัดของพัดวิหคเฟิงหลิง ได้เปลี่ยนกลายเป็นอาวุธลับและพุ่งโจมตีไปทางพวกเขาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด
ปัง ปัง ปัง!
ความสามารถของพวกเขาแต่ละคนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับต่ำเลย จึงไม่ง่ายเลยที่จะทำให้พัดวิหคเฟิงหลิงสามารถลอบโจมตีได้สำเร็จ
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพ!”
เมื่อระดับของพัดวิหคเฟิงหลิงถูกเปิดเผย ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเกิดความละโมบมากขึ้นไปอีก
“ที่ตัวของแม่สาวน้อยผู้นี้มีของดีอยู่ไม่น้อยเลย จับนางเอาไว้ให้ได้! หากจะฆ่าทิ้งก็น่าเสียดายเกินไป”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
ในระหว่างที่มู่เฉียนซีกำลังถูกคนล้อมโจมตีอยู่นั้น ทางเหยียนและฉู่หลีก็กำลังรับมืออยู่กับเหล่าคนของสำนักหลินหลางอยู่เช่นกัน
พรวด!
หลังจากที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดท่านนั้นได้ทำให้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ก็ค้นพบว่าการต่อสู้ทางด้านนี้ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งมันก็ทำให้เขาไม่พึงพอใจต่อประสิทธิภาพในการจัดการของเจ้าพวกรุ่นน้องเหล่านี้เป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าทำให้ข้าผู้นี้ผิดหวังเเสียจริง ๆ เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ยังทำให้มันออกมาดีไม่ได้เลย”
ผู้อาวุโสกองกำลังระดับสี่หลายคนที่ย่างเท้าเข้าไปสังเกตการณ์นั้นไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับสัตว์เทพมากนัก ดังนั้นเขาจึงใจร้อน และเตรียมที่จะออกโรงด้วยตนเอง
ทันใดนั้นเขาหายตัวไปจากเบื้องหน้าของคนอื่น ๆ อย่างกะทันหัน และเพียงไม่นานก็ไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหลังของมู่เฉียนซีแล้ว
นี่คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด ต่อให้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาของมู่เฉียนซีจะรวดเร็วเพียงใด ก็ยากที่จะหลบหลีกการโจมตีของเขาได้
แต่ในตอนที่เขากำลังจะจับมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดายนั้น ก็ได้มีพลังธาตุวายุพุ่งเข้าจู่โจมเขาอย่างเงียบเชียบ และจากนั้นมันก็ได้กักขังเขาเอาไว้
“อ๊ากกก!”
ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหลางซิงผู้นี้กรีดร้องออกมาด้วยเสียงร้องที่เสียดแทงหัวใจ สายลมได้ฉีกเนื้อ เฉือนกระดูก และบดขยี้จิตวิญญาณของเขาออกจากกัน
ทันใดนั้นก็มีร่างสีขาวปรากฏตัวขึ้นมาข้างหน้าของมู่เฉียนซี และนิรันดร์ก็ดึงมู่เฉียนซีให้ไปอยู่ที่ข้างหลังของเขา
“ไอ้เฒ่า ศิษย์ที่รักของข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะมารังแกได้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรอกนะ!” แสงเย็นยะเยือกได้ฉายออกมาผ่านดวงตาอันแสนงดงามที่เปล่งประกายแวววาวคู่นั้นจนทำให้สั่นสะท้านไปจนถึงจิตวิญญาณเลยทีเดียว
“อ๊ากกก!” ผู้อาวุโสผู้นั้นระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา แต่ก็ไม่อาจที่จะหลุดออกไปจากการกักขังของสายลมนี้ได้
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด! ท่านผู้อาวุโสสูงสุดท่านเป็นอะไรหรือ?”
“เจ้า…”
ในเวลานี้เมื่อคนของสำนักหลางซิงเห็นว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุดถูกกำจัดไปอย่างง่ายดาย พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึงไป!
พวกเขาต่างจ้องมองไปที่ร่างในชุดคลุมสีขาวนั้นอย่างตื่นตระหนก ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว! เขาสามารถควบคุมผู้อาวุโสสูงสุดไว้ได้ง่ายดาย หรือว่าเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ
มิแปลกใจที่ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถทำอาหารอยู่อีกด้านหนึ่งได้อย่างเฉยเมย เนื่องจากมีผู้ที่แข็งแกร่งมากเช่นนี้อยู่ด้วย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นพวกเขาในสายตาตั้งแต่แรกแล้ว
“นายท่าน นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหลางซิงที่หยิ่งยโสแล้วคิดว่าตนเองจะพรากชีวิตผู้ใดไปก็ได้ก่อนหน้านี้ ในเวลานี้กลับมาร้องขอความเมตาอย่างต้อยต่ำ
นิรันดร์กล่าวว่า “ไม่ได้สิ! ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะต้องตายอยู่ดี”
ทันทีที่นิรันดร์เคลื่อนไหว พลังธาตุวายุได้กลายเป็นเทพแห่งความตายที่ตรงเข้าไปเก็บเกี่ยวชีวิตของเหล่ามนุษย์อย่างโหดเหี้ยม
ตึง!
สุดท้ายแล้ว ผู้อาวุโสผู้นี้ก็ล้มลงไปบนกองอยู่พื้นอย่างไร้ชีวิต
“หนีเร็ว!”
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดหมดลมหายใจไปแล้ว คนของสำนักหลางซิงเหล่านี้ก็คิดได้เพียงอย่างเดียวว่า ต้องตายเป็นแน่!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
พวกเขาใช้ความเร็วสูงสุดในการพุ่งทะยานออกไป แต่ปรากฏว่ามีสายลมก่อตัวกีดขวางเอาไว้โดยรอบ และมันก็ได้สกัดกั้นพวกเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
พวกเขาสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง เหตุใดจอมภูตพลังธาตุวายุผู้นี้ถึงได้น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ เขาสามารถควบคุมพลังธาตุวายุจนถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไว้ชีวิตคนเอาไว้ถามเพียงคนเดียวก็พอ”
พวกนางไม่ได้เข้าไปในเมืองโบราณซางหลัน และไม่รู้ว่าสมบัติในเมืองโบราณซางหลันจะถูกพวกเขาเอาไปหมดแล้วหรือยัง
“อืม! เอาตามที่ศิษย์ที่รักว่าก็แล้วกัน”
สายลมแห่งความตายได้พรากเอาชีวิตของพวกเขาไปจนหมดสิ้น ส่วนผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายก็ตื่นตระหนกจนขาอ่อนแรงและหมดสติล้มลงไป
ด้วยความสามารถของพวกเขา ยอดฝีมือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกตระหนักรู้ได้ก็มีเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดเท่านั้น และมันก็น่าตื่นตกใจเป็นอย่างมากที่ได้พบเจอคนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
นิรันดร์สามารถที่จะจัดการศัตรูทั้งหมดไปได้อย่างรวดเร็วฉับไว ส่วนฉู่หลีนั้นยังคงนิ่งสงบอยู่ แต่ทว่าเหยียนกลับนิ่งสงบต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
เจ้าหมอนี่มักจะชอบหยอกล้อน้องซีเอ๋อร์อย่างไม่เหมาะสมอยู่เสมอ ไม่คาดคิดเลยว่าความสามารถจะวิปลาสถึงเพียงนี้ ทั้งตอนที่ลงมือสังหารผู้คนยังสงบนิ่งได้ถึงเพียงนั้นอีก และดูเหมือนว่าในสายตายของเขา คนเหล่านี้เป็นเพียงแค่ของเล่นอย่างไรอย่างนั้น
นิรันดร์ชำเลืองมองพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นางปีศาจจิ้งจอก เจ้าไม่รู้ถึงความเก่งกาจของข้าละสินะ! ในเมื่อเจ้ารู้แล้วก็ออกห่างจากศิษย์ที่รักของข้าไปไกล ๆ หน่อย มิฉะนั้นหากข้าไม่พอใจอาจจะทำให้เจ้าตายอย่างน่าเวทนายิ่งกว่าพวกมันก็เป็นได้”
เหยียนไม่ใช่คนที่ขี้ขลาดเช่นกัน นางกล่าวพลางคลี่ยิ้มอย่างเจิดจรัสว่า “น้องซีเอ๋อร์จะไม่ยอมปล่อยให้ข้าตายอย่างแน่นอน เช่นนั้นข้าไม่กลัวเจ้าหรอก”
“เจ้าจะลองดูหรือไม่เล่า?” สายลมที่อยู่บริเวณโดยรอบเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถามเจ้าผู้นี้ก่อนว่าสถานการณ์ข้างในเมืองโบราณซางหลันนั้นเป็นเช่นไรบ้าง?”
แววตาที่อันตรายมากมายจ้องมองไปที่คนผู้นั้น และมันก็ทำให้เขาไม่อาจแสร้งตายได้อีกต่อไป จากนั้นจึงได้ลืมตาพลางกล่าวอย่างสั่นเทาว่า “อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้าเลย พวกท่านต้องการรู้เรื่องอะไร ขอเพียงแค่ข้ารู้ข้าจะบอกท่านแน่ ต้องบอกท่านแน่นอน!”