ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1868 ประสบโชคดีในโชคร้าย
เหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เรื่องนั้น…เรื่องนั้นจูเชว่เป็นคนบอกข้าเอง”
มู่เฉียนซีกระตุกยิ้มมุมปาก “เจ้านั่นสุดยอดไปเลย! ข้าบอกแล้วว่าอย่าได้บอกให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด แต่เขาก็ยังกล้าป่าวประกาศไปทั่ว”
“จูเชว่เพียงแค่ละเมอออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น ข้ารับรองได้! น้องซีเอ๋อร์อย่าได้โกรธไปเลยนะ” เหยียนรีบกล่าวด้วยท่าทางกระวนกระวาย
“ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นแล้วข้าคงอดใจไม่ไหวแล้วออกไปจัดการเจ้านั่นเสียก่อน”
“น้องซีเอ๋อร์ระวังตัวด้วย” เหยียนกล่าว
ภายใต้พลังอัคคีอันเต็มเปี่ยมของเหยียน มู่เฉียนซีก็สามารถเข้าไปในบ่อน้ำโบราณบ่อนั้นได้อย่างง่ายดาย
อัคคีมรณะภายในบ่อน้ำโบราณแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อความน่าเกรงขามของมังกรเพลิงระเบิดขึ้นแล้ว พวกมันไหนเลยจะกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานอีก
ถึงแม้อัคคีมรณะจะร้ายกาจไม่เบา ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าผู้ที่เจ้าแห่งอัคคีให้ความเคารพ พวกมันก็จำจะต้องทำตัวนอบน้อมอย่างปฏิเสธไม่ได้
ก้นบ่อน้ำโบราณมีปากถ้ำอยู่สองถ้ำ
หนึ่งในนั้นเป็นปากถ้ำอัคคี ส่วนอีกฝั่งนั้นมีความชื้นล่องลอยอยู่กลางอากาศเต็มไปหมด
“หากมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ละก็ คงจะต้องเป็นฝั่งนั้นแน่ ๆ”
มู่เฉียนซีมุ่งตรงไปยังฝั่งที่มีความชื้น เสียงสายลมพัดดังขึ้นเป็นระยะ ๆ สถานที่แห่งนี้ทำให้นางรู้สึกวิเวกวังเวงอย่างไรชอบกล
เบื้องหน้ามีโครงกระดูกกองอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน และเบื้องหน้าโครงกระดูกที่กองกันพะเนินเทินทึกนั้นก็มีผลอายุวัฒนะอยู่หลายผล
“นั่นมันผลอายุวัฒนะนี่ ดูเหมือนครั้งนี้จะมาไม่เสียเที่ยวแล้ว
ครั้นมู่เฉียนซีเตรียมจะไปเด็ดผลอายุวัมนะมานั้น สายลมเย็นที่อยู่รอบตัวก็พัดโชยเข้ามาอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในหัวได้ในทันที
มีบางสิ่งบางอย่างรุกล้ำเข้ามาในจิตวิญญาณของนาง นางได้สูญเสียการควบคุมตนเองไป และกำลังจะล้มลงนอนบนพื้นในอีกไม่ช้า
ร่างสีขาววาบเข้าไปประคองมู่เฉียนอย่างรวดเร็ว “ศิษย์ที่รัก!”
“บัดซบนัก! ที่แห่งนี้มีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ มันคิดจะแย่งชิงร่างกายของเจ้าไป”
“ไม่เป็นไรหรอก!”
แท้จริงแล้วนิรันดร์ก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย วิญญาณลิขิตสวรรค์ไม่ใช่ว่าจะถูกบางสิ่งบางอย่างทำลายได้ง่าย ๆ ทว่าพลังของศิษย์ที่รักในตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ ตอนนี้มีเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้อยู่อีกมากมาย
การที่อีกฝ่ายสามารถปิดบังอำพรางทำให้เขาและศิษย์ที่รักไม่อาจสัมผัสถึงได้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ธรรมดา
“อื้อ!” มู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรก็มิปาน กำลังมีบางสิ่งบางอย่างลากจิตวิญญาณของนางให้จมดิ่งลงไปสู่ก้นบึ้งมหาสมุทร มันคิดจะทำให้นางขาดอากาศหายใจตาย
“อั้ก อั้ก อั้ก!”
ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ทุกครั้งที่ดิ้นรนให้หลุดพ้นก็จะยิ่งเจ็บปวดทรมานมากขึ้นเท่านั้น นี่แทบจะเป็นเรื่องที่ให้รู้สึกสิ้นหวังมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
ทว่าจะให้ยอมแพ้ได้อย่างไร?
นางได้บอกศิษย์พี่และเหยียนไว้แล้วว่าให้รอนางอยู่ข้างนอก
ขาดอีกเพียงไม่กี่อย่างก็จะสามารถถอนคำสาปของจิ่วเยี่ยได้หมดสิ้นแล้ว เขาไม่ควรทนทุกข์ทรมานกับคำสาปนั้นอีกต่อไป
นางได้มาถึงแดนซวนเทียนแล้ว นางอยู่ห่างจากท่านพ่ออีกเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น
อีกอย่าง…
สิ่งเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่นางยืนกรานว่าจะทำให้สำเร็จ และมันก็เป็นเหตุผลที่นางจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใดก็ตาม
นางรู้สึกว่าพลังจิตของนางในตอนนี้มีความมั่นคงกว่ากาลก่อนไม่น้อย กาลก่อนพลังจิตของนางเปรียบดั่งคลื่นทะเลที่ซัดขึ้นลงไม่สงบนิ่ง
ทว่าถึงแม้พลังจิตของนางจะดูเหมือนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อได้พบเจอกับผู้มากประสบการณ์ตัวจริงแล้ว ก็เป็นอะไรที่สามารถเปิดโอกาสให้พวกเขาเหล่านั้นเข้ามาฉกฉวยได้อย่างสบาย ๆ
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” สุ้มเสียงอันน่าตกตะลึงแว่วดังขึ้น
“เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าเป็นคนที่ใกล้จะเป็นของเจ้าในอีกไม่ช้า
มู่เฉียนซีกล่าวเยาะเย้ย “เจ้ากำลังฝันไปอยู่หรือไม่!”
พลังจิตของมู่เฉียนซีระเบิดขึ้น เป็นการไล่ให้มันออกไปจากจิตวิญญาณของนาง
“จิตวิญญาณของข้าไม่มีที่ว่างให้เจ้ามาแสดงกิริยาต่ำช้าเช่นนี้!”
“เจ้า… ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เจ้าก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แท้ ๆ เหตุใดจู่ ๆ ถึงบรรลุได้รวดเร็วเช่นนี้”
หากต้องการฝึกฝนให้จิตวิญญาณมั่นคงได้ อย่างน้อยก็ต้องสั่งสมประสบการณ์และการฝึกฝนนานนับพันปี ทว่านางกลับฝึกฝนจนบรรลุได้ในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น
มู่เฉียนซีได้ไล่มันออกไปแล้ว ทันทีที่สิ่งนั้นถูกขับไล่ออกไป นิรันดร์ก็สามารถสัมผัสได้ในทันที เขาจึงจัดการกักขังมันเอาไว้
ในขณะนั้นเองกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณก็ได้เหาะไปอยู่เบื้องหน้าของมัน เจ้านี่มาก่อนกวนนายท่าน กล้าทำให้นายท่านตกอยู่ในอันตราย มันอยากจะกลืนกินเจ้าสิ่งนี้ลงไปนัก!
“มิน่าล่ะ!” นิรันดร์กล่าว
“โชคดีนะที่ศิษย์ที่รักของข้าไม่เป็นอะไร!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าทำให้เจ้าต้องเป็นห่วงแล้ว ข้ามั่นใจในพลังจิตของตัวเองมากเกินไป คาดไม่ถึงว่าการบรรลุระดับขั้นเร็วเกินไปจะมีผลเสียมากมายเช่นนี้ อีกนิดเดียวข้าก็เกือบจะถูกมันควบคุมไปแล้ว”
วิญญาณตัวนั้นยังคงดิ้นรนขัดขืน นิรันดร์ไหนเลยจะยอมปล่อยให้มันทำสำเร็จ
“เจ้าว่าข้าควรขอบใจเจ้า! หรือควรลงโทษเจ้าดี! อย่างไรเสียหากไม่ใช่เพราะเจ้า ศิษย์ที่รักของข้าก็คงไม่ได้บรรลุเร็วถึงเพียงนี้”
เขาทราบดีว่าพลังจิตของเด็กน้อยยังมีจุดบกพร่องอยู่ ทว่าเรื่องนี้ก็ต้องบรรลุและเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ผูกพันธสัญญาของนาง ทว่าเขาก็ไม่อาจช่วยเหลือนางได้ในเรื่องนี้
เขาคิดว่านางจะต้องสั่งสมประสบการณ์ไปอีกสักสองสามปี คาดไม่ถึงว่าเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ จะสามารถบีบบังคับให้ศิษย์ที่รักเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
“อ้า อ้า อ้า! ข้าไม่ยอม! กว่าจะหาร่างกายที่เหมาะสมแบบนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกไม่นานข้าก็จะฟื้นคืนชีพแล้ว ทำไมกัน…ทำไม?”
“พรมลิขิตขีดให้เจ้าไม่สมปรารถนา มังกรเพลิงกลืนกินมันซะ!”
มังกรเพลิงกลืนมันลงไปอย่างไม่เกรงใจ วิญญาณตัวนั้นก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที “ข้าเป็นคนของเผ่าวิญญาณ วิญญาณของข้าแข็งแกร่งที่สุด ไม่มีทางดับสลายไปได้หรอก แน่นอนว่า…อ้า…”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“สวรรค์! ช่วยด้วย! นี่คือ…กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ
พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง คนธรรมดาทั่วไปจัดการเขาได้ยากยิ่ง ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณแล้ว ก็ทำได้เพียงรอให้กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณดูดกลืนวิญญาณลงไปเท่านั้น
เมื่อเจ้าวิญญาณนั่นถูกดูดกลืนวิญญาณลงไปแล้ว มังกรเพลิงและนิรันดร์ก็ได้ทำการตรวจสอบรอบบริเวณนั้นอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าบริเวณโดยรอบไม่มีวิญญาณอยู่แล้ว พวกเขาจึงจะให้มู่เฉียนซีเข้าไปเก็บผลอายุวัฒนะมาได้
“ศิษย์ที่รักรีบเด็ดผลอายุวัฒนะแล้วรีบไปกันดีกว่า ถึงแม้ศิษย์ที่รักจะเจอโชคดีในโชคร้าย แต่ข้าก็ไม่ชอบที่นี่เลยซักนิด” นิรันดร์กล่าว
“ได้!”
เมื่อเก็บสมุนไพรวิญญาด้วยความรวดเร็วจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉีนซีก็กลับออกมาในทันที
เหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “น้องซีเอ๋อร์ เจ้ากลับออกมาแล้ว! ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่หรือไม่! ไหนให้ข้าดูสิ”
“นางปีศาจจิ้งจอก ถอยออกไปให้ไกลเลย”
“น้องซีเอ๋อร์ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ากลับออกมาในครานี้ดูแปลก ๆ ไปล่ะ” เหยียนมองดูพิจารณามู่เฉียนซีด้วยท่าทางสงสัย
การโจมตีจิตวิญญาณที่นางช่ำชอง สามารถทำให้นางสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของวิญญาณได้เป็นอย่างดี
มู่เฉียนซีกล่าว “เกิดปัญหาขึ้นข้างล่างนั่นอย่างกะทันหัน พลังวิญญาณของข้าก็เลยแข็งแกร่งขึ้นนิดหน่อย”
ฉู่หลีกล่าว “ ยินดีกับศิษย์น้องด้วย! ศิษย์น้องยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“ได้ผลอายุวัฒนะมาแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
“ได้!”
ก่อนที่เมืองโบราณซางหลันจะปิดลง มู่เฉียนซีและพรรคพวกก็ได้ออกจากที่แห่งนี้แล้วกลับไปยังเมืองหนานหวางแล้ว
เมื่อคนของสำนักหลางซิงไม่เหลือรอดกลับมา ทั่วทั้งสำนักหลางซิงก็โกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพบว่าเหยียนเหลียนเจียเป็นคนทำ พวกเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเป็นเท่าทวี “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณจะถูกผู้หญิงคนหนึ่งล่อลวงได้”
“ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ ท่านเจ้าสำนัก! มีคนเห็นเองกับตา ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องเท็จได้ ข้างกายเหยียนเหลียนเจียมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณคอยคุ้มกันอยู่ เกรงว่าหากจะจัดการนางในคราหน้าก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว”
“ผู้หญิงไม่ว่าจะงามเพียงใดก็ย่อมมีวันเบื่อหน่ายอย่างแน่นอน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณผู้นั้นจะคอยติดตามนางไปได้ตลอด แค้นในครานี้จะต้องชำระกับเหยียนเหลียนเจียแล้วก็คุณชายจูเชว่นั่นให้ดี ๆ?”
เมื่อออกมาจาเมืองโบราณซางหลันแล้ว พวกเขาก็สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ มู่เฉียนซีจึงเอ่ยถาม “สิ่งที่ข้าพบเจอมาก่อนหน้านี้มันเรียกตัวเองว่าเผ่าวิญญาณ เผ่าวิญญาณคืออะไรอย่างนั้นหรือ?”