ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1872 คาดเดา หยั่งเชิง
เป่ยกงจั๋วเผยรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่งออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง ”แน่นอนว่าข้าไม่ถือสา”
ใบหน้างดงามดั่งเทพบุตรภายใต้แสงแดดที่สาดส่องลงมา สะท้อนแสงทองอร่ามดังทองทาน่าพิสมัย ราวกับว่าแสงรัศมีที่เปล่งประกายออกมานั้นสามารถทำให้ผู้คนไม่อาจมีความรู้สึกเกลียดชังเขาได้แม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีรู้ดีเป็นอย่างยิ่ง ว่านี่เป็นเพียงเปลือกนอกของเป่ยกงจั๋วเท่านั้น ยิ่งเผยรอยยิ้มอบอุ่นมากเพียงใด ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
โม่ซวนกล่าว “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น องค์รัชทายาทเป่ยกงช่างสมคำร่ำลือจริง”
เป่ยกงจั๋วไม่เคยคิดสืบหาข่าวคราวของมู่เฉียนซีมาก่อน ทว่าเมื่อเขาตรวจสอบแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ
การที่เก็บเหยื่อไว้ใต้จมูกไม่มีทางทำให้วางใจได้ เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้มสง่า “ได้ยินมาว่าคุณชายจูเชว่รอบรู้ข่าวสาร ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าจะมาที่เขตสัตว์ร้ายแห่งนี้ ก็เกรงว่าคงจะรู้จุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่ด้วยสินะ?”
จู่เชว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ “โอ้! องค์รัชทายาทเป่ยกงจะประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว จุดประสงค์ของท่านคืออะไรข้าเองก็ไม่รู้ แต่การที่องค์รัชทายาทเป่ยกงยกกำลังคนมาขนาดนี้ ก็คงจะต้องพบเจอบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน ข้าก็เลยพาสหายและองครักษ์ของข้ามาร่วมสนุกด้วยอย่างไรล่ะ”
“ความจริงแล้วข้าก็ไม่อยากปิดบังทุกคน การที่ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ ก็เพราะข้าได้รับข่าวคราวหนึ่งมา หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุหนึ่งในหม้อเทพนิรันดร์อยู่ที่นี่ มาหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับนั้น ผู้มากความสามารถก็ย่อมคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุด จังหวะและโอกาสเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงไม่ถือสาหากจะต้องแบ่งปันกับทุก ๆ คน”
จูเชว่กล่าวตอบ “องค์รัชทายาทเป่ยกงพูดถูก หากไร้ซึ่งโอกาส พวกเราเองก็ไม่อยากดันทุรัง! อย่างไรเสียความสามารถขององค์รัชทายาทเป่ยกง ข้าที่เป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ก็ไม่กล้าไปเป็นศัตรูกับท่านอยู่แล้ว”
“คุณชายจูเชว่กล่าวหยอกเย้าเก่งจริง ๆ ชื่อเสียงของเจ้าก็เลื่องลือในราชวงศ์ตรงหวงอยู่ไม่น้อย”
“แต่ก็ไม่อาจเทียบกับองค์รัชทายาทเป่ยกงได้”
ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมลงทุนในการสืบหาข่าวสารอย่างจูเชว่ แน่นอนว่าวาทศิลป์ของเค้าย่อมเป็นเลิศ บทสนทนาตอบโต้ระหว่างเขาและเป่ยกงจั๋วนั้นลื่นไหลดั่งสายน้ำเลยก็ว่าได้
พวกเขากล่าวเยินยอและอ่อนน้อมถ่อมตนกันไปมา ดูมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นราวกับกำลังจะดื่มสุราใต้ต้นท้อและสาบานเป็นพี่น้องกันก็มิปาน
นี่ล้วนเป็นวาทศิลป์ทั้งสิ้น!
เป่ยกงจั๋วกระตุกยิ้มมุมปาก คุณชายจูเชว่ผู้นี้เป็นคนมากความสามารถ และถึงแม้ว่าคุณชายไป๋เจ๋อจะพูดจาน้อยคำ ทว่าก็มีท่าทีสุขุมมั่นคงไม่อาจเทียบเคียงกับคนธรรมดาทั่วไปได้
ทว่าคนที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็คือสองพี่น้องคู่นั้น เขามองไม่ออกเลยจริง ๆ
“เขตสัตว์ร้ายมีสัตว์วิญญาณอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณของพวกเราจะไม่เลว แต่การที่ออกเดินทางไปด้วยกันมันก็จะยิ่งสะดวกกว่า อีกทั้งยังสามารถลดจำนวนคนบาดเจ็บล้มตายได้อีกไม่น้อย ไม่ทราบว่าคุณชายจูเชว่และคุณชายไป๋เจ๋อคิดเห็นว่าอย่างไร?
ในเมื่อได้บอกข่าวคราวที่สำคัญกับพวกเขาไปแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาเดินทางไปตามลำพังอย่างแน่นอน แม้ว่าการตามหาหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุจะไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเขาก็ตาม?
จูเชว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แบบนี้ก็สะดวกไม่น้อย แต่เกรงว่าองค์รัชทายาทเป่ยกงจะรำคาญข้าเสียก่อนน่ะสิ”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับคุณชายจูเชว่ยิ่งนัก”
ดังนั้นกลุ่มของพวกเขาก็ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มของเป่ยกงจั๋ว เป็นการร่วมมือกันของผู้แข็งแกร่งทั้งสองกลุ่ม ในเขตรอบนอกของเขตสัตว์ร้าย พวกเขาที่กำลังเดินทางก็ทำราวกับกำลังเดินเล่นในสวนดอกไม้หลังเรือนของตนเองอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีสัตว์วิญญาณตัวใดที่กล้าเข้ามายั่วยุพวกเขาแม้แต่ตัวเดียว
จูเชว่และเป่ยกงจั๋วเข้าขากันเป็นอย่างดี ทว่าแท้จริงแล้วพวกเขากำลังหยั่งเชิงอีกฝ่าย ดูว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อันใด เป็นน้ำนิ่งไหลลึกไม่ต่างอันใดจากการต่อสู้กันซึ่ง ๆ หน้าแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวกับไป๋เจ๋อ “จูเชว่สุดยอดไปเลย”
โม่ซวนกล่าว “เพราะแบบนี้อย่างไรเล่า ข้าถึงรู้สึกกดดันมาก”
หากไม่มีเฉียนซีอยู่ เกรงว่าเขาก็คงจะไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิด
หากจูเชว่ได้ยินสิ่งที่มู่เฉียนซีกล่าวก็คงจะดีใจมากแน่ ๆ ทว่าในขณะนี้เขาได้ทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่เป่ยกงจั๋ว ดังนั้นจึงไม่มีเวลาจะไปออดอ้อนมู่เฉียนซีแต่อย่างใด
ท่าทางของเขาดูยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงเป็นธรรมชาติ ทว่าแท้จริงแล้วจูเชว่นั้นกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล องค์รัชทายาทผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือด้วยได้ง่าย ๆ
เมื่อเป่ยกงจั๋วเข้าไปในเขตสัตว์ร้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนแต่อย่างใด ความเร็วในการเดินทางในตอนนี้ช้าเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันจะเดินทางไปถึงไหนแสงอาทิตย์ก็เริ่มเลือนหายแล้ว
เมื่อเลือกสถานที่พักแรมได้แล้ว เป่ยกงจั๋วก็สั่งให้คนของเขาที่มีจำนวนไม่น้อยออกไปในทันที
จูเชว่กล่าวด้วยท่าทางประหลาดใจ “องค์รัชทายาทเป่ยกง นี่ท่านจะทำอะไร?”
“เมื่อคุณชายจูเชว่ได้รับข่าวคราวแล้ว เช่นนั้นคนอื่น ๆ ก็อาจจะได้รับข่าวคราวนี้ด้วยเช่นกัน ข้าชื่นชมคุณชายจูเชว่ และยินดีที่จะแข่งขันกับพวกเจ้าอย่างยุติธรรม แต่ถ้าหากคนอื่นไม่มีสิทธิ์นั้น ข้าก็ไม่มีทางอนุญาตอย่างแน่นอน“เป่ยกงจั๋วกล่าวตอบ
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว การที่จะให้คนจำนวนมากมาแบ่งผลประโยชน์ด้วยกัน มันก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดี”
“ถึงยามนั้นหากพบเจอศัตรู ก็ขอรบกวนคุณชายจูเชว่และคุณชายไป๋เจ๋อช่วยจัดการด้วย”
“ด้วยความสามารถของคนขององค์รัชทายาทเป่ยกงแล้ว ยังจะต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราอีกหรือ?” จูเชว่กล่าวด้วยท่าทางตกตะลึง
“อีกฝ่ายมีจำนวนมาก อีกทั้งเล่ห์กลก็สารพัดนึก ค่อนข้างรับมือได้ยากทีเดียว”
จูเชว่ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเป็นเท่าทวี “นี่ยังจะมีคนที่สามารถทำให้องค์รัชทายาทเป่ยกงรู้สึกเป็นกังวลและต้องระมัดระวังตัวถึงเพียงนี้ได้ด้วยหรือ? ข้าไม่เคยรู้เลยสักนิด!”
“อืม นางค่อนข้างถ่อมตน”
…
ค่ำคืนนี้ไปเป่ยกงจั๋วได้สั่งให้คนของเขาออกไปตรวจสอบลาดตระเวนในบริเวณโดยรอบ พวกเขาพบว่านอกจากสัตว์วิญญาณแล้ว ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ได้เข้ามาฝึกฝนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาได้ไล่คนเหล่านั้นทุก ๆ คนออกไป ทว่าหากเป็นสตรีก็จะถูกจับมาให้เป่ยกงจั๋วรับรอง อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นก็ไม่ใช่มู่เฉียนซีแต่อย่างใด
“ดูเหมือนข้าจะพลาดแล้ว ในเมื่อข้าสามารถคาดเดาได้ เขาก็คงจะคาดเดาได้เช่นกัน บางทีอาจจะคิดว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขาก็เลยไม่มา สำหรับเขาแล้วหม้อจำลองเหล่านั้นก็เป็นเพียงสิ่งของที่ใช้ฆ่าเวลาก็เท่านั้น ไม่ได้มีค่าอันใดที่เขาจะต้องออกไปเสี่ยงอันตรายแม้แต่น้อย บางทีเจ้านายของเขาก็อาจจะมีนิสัยเหมือนเขาก็ได้” หม้อเก้าวิญญาณหวนคืนกล่าวขณะล่องลอยอยู่กลางเวหา
เป่ยกงจั๋วขมวดคิ้วพลางกล่าว “มู่เฉียนซีน่าจะอยากเจอข้ามาก ๆ ไม่ใช่หรือ?”
“เจ้ามั่นใจในพี่ชายของเจ้ามากเลยนะ!”
“อย่างไรเสียในดินแดนทั้งสี่ทิศ มู่เฉียนซีก็เคยเสี่ยงอันตรายมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นข้าจึงมั่นใจว่านางจะต้องมา”
“ในตอนนั้นพี่ชายของเจ้ายังเป็นปกติดีอยู่ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ร่างกายของเขาถูกเจ้ายึดครองแล้ว!”
เมื่อถูกหม้อเก้าวิญญาณหวนคืนกล่าวมาเช่นนี้ เขาก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา
หากเป็นเขาจะต้องไม่ทำอย่างนี้อย่างแน่นอน
“เจ้าสัมผัสถึงกลิ่นอายของหม้อเทพนิรันดร์ไม่ได้เลยหรือ?” เป่ยกงจั๋วเอ่ยถาม
“หากเขาไม่ต้องการให้ข้าสัมผัสได้ แล้วข้าจะสัมผัสได้อย่างไร? เขาเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แต่ข้าเป็นเพียงของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาก็เท่านั้น ข้าและเขายังห่างไกลกันมากนัก” หม้อเก้าวิญญาณหวนคืนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพลางกล่าวประชดประชันตนเอง
“พรุ่งนี้ข้าจะลองหยั่งเชิงสองคนนั้นดูก่อน!” แววตาของเป่ยกงจั๋วปรากฏความมืดมนขึ้น
เมื่อได้พักผ่อนมาแล้วหนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็ออกเดินทางต่อในทันที
เพียงแต่ยังออกเดินทางไปได้ไม่ไกลนัก ทันใดนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีสายลมโหมกระหน่ำพัดหวนมาจากฟากฟ้า
“องค์รัชทายาทแย่แล้ว พวกเราพบเจอกับสัตว์วิญญาณที่กำลังบ้าคลั่งเข้าแล้ว”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ไม่ว่าจะเป็นกลางท้องนภาหรือบนพื้นดิน ก็มีสัตว์วิญญาณที่เข้ามารุมล้อมจำนวนไม่น้อย
ขณะนี้ท้องฟ้ามืดมิด ราวกับเป็นตอนกลางคืนก็มิปาน
จูเชว่กล่าว “จัดการ!”
ทุก ๆ คนจึงลงมือจัดการสัตว์วิญญาณเหล่านั้นในทันที มู่เฉียนซีที่เตรียมตัวมานาน ขณะนี้พลังของนางก็ได้ยกระดับมาอยู่ในขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางชั่วขณะ พลังวิญญาณธาตุวายุก็ได้ระเบิดออกมา
ฉู่หลีได้คอยอยู่เคียงข้างมู่เฉียนซีมาตั้งแต่แรกเริ่ม เขาไม่ปล่อยให้สัตว์วิญญาณเหล่านั้นเข้าใกล้มู่เฉียนซีแต่อย่างใด
แววตาของเป่ยกงจั๋วลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง “ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุ อีกทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางอีกด้วย!”
มู่เฉียนซีไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุ อีกอย่างนางก็ไม่มีทางบรรลุระดับขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ด้วย ดูเหมือนจะเป็นเขาเองที่วางแผนผิดพลาด มู่เฉียนซีไม่ได้มีความกล้าขนาดนั้น เห็นทีนางคงจะหลบอยู่ที่ใดสักที่หนึ่งในแดนซวนเทียน และไม่กล้าโผล่หน้ามาที่เขตสัตว์ร้ายนี้อย่างแน่นอน