ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1873 ไม่เอา ไม่เอา
ในเมื่อไม่ได้นึกสงสัยแล้ว เป่ยกงจั๋วก็ยังไม่ได้ให้คนของตนจัดการกับสัตว์วิญญาณเหล่านั้นอยู่อย่างเคย อีกทั้งยังจัดการกับสัตว์วิญญาณเหล่านั้นไปอย่างช้า ๆ อีกด้วย
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
เมื่อมียาลูกกลอนเพิ่มพูนพลังแล้ว มู่เฉียนซีก็สามารถลงมือทำการต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
เนื่องจากยาลูกกลอนนั้นไม่มีผลข้างเคียง ดังนั้นสิ่งที่มันจะช่วยเสริมเพิ่มพูนก็คือพลังวิญญาณ ส่วนด้านกำลังการต่อสู้นั้นไม่ได้เพิ่มพูนเท่าใดนัก
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
การต่อสู้ในครั้งนี้มู่เฉียนซีไม่ได้แสดงออกได้ดีมากนัก ทว่าก็ไม่ได้ย่ำแย่แต่อย่างใด เนื่องจากฉู่หลีเป็นผู้พิทักษ์ของมู่เฉียนซีที่มีค่าดั่งไข่มุกก็มิปาน
พลังของฉู่หลีทำให้เป่ยกงจั๋วรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย อายุของคนผู้นี้อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ทว่ากลับอยู่ในระดับขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง
พลังนี้ดูเหมือนจะบรรลุได้ด้วยการฝึกฝนด้วยความพยายามอย่างหนักหน่วง มีความมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้ไม่ธรรมดา
เมื่อทั้งสองกลุ่มร่วมมือกัน พลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ทางฝั่งราชวงศ์เป่ยกงจะไม่ได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดจัดการสัตว์วิญญาณเหล่านี้ ทว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้ที่กำลังบ้าคลั่งก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้แต่อย่างใด
เมื่อโจมตีสัตว์วิญญาณเหล่านั้นจนล่าถอยไปแล้ว พวกเขาก็ได้เปลี่ยนที่พักค้างแรมเป็นสถานที่อื่นแทน เป่ยกงจั๋วที่ยังคงสืบหาสถานะของฉู่หลีอย่างไม่เลิกรา แต่ก็ยังคงคว้าน้ำเหลวอยู่เช่นเคย
ก้นบึ้งดวงตาของเขาปรากฏความเย็นชาขึ้น เมื่อมั่นใจแล้วว่ามู่เฉียนซีไม่ได้อยู่กับพวกเขาที่นี่ เช่นนั้นจะเก็บคนเหล่านี้ไว้หรือ…
รอให้เจอหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุก่อนค่อยว่ากันอีกครา หากพวกเขาไม่เห็นแก่ความดีของเขา เช่นนั้นเขาก็จะจัดการไปอย่างไม่อ้อมค้อม
แต่ถ้าหากตระหนักได้สักเล็กน้อย เช่นนั้นเขาก็จะเก็บคนเหล่านั้นไว้เป็นคนของตัวเอง คนมากความสามารถเช่นนี้หากจะห่าทิ้งก็คงเสียดายแย่
ถึงแม้ภายในใจคิดจะสังหารทิ้งแล้ว ทว่าเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มและพูดคุยกับกับพวกของจูเชว่ต่อไปได้อย่างหน้าตาเฉย
“โชคดีที่ได้เชิญคุณชายจูเชว่ร่วมมาเดินทางไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อครู่ที่ต้องพบเจอกับสัตว์วิญญาณที่บ้าคลั่งนั่น คนของข้าคงต้องบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย”
จูเชว่กล่าว “ใช่แล้ว! องค์รัชทายาทช่างมีไหวพริบจริง ๆ!”
สัตว์วิญญาณเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างกะทันหันจนพวกเขาไม่ได้ตั้งตัว
“ฮึง ฮึง ฮึง!” สิ่งที่เขตสัตว์ร้ายแห่งนี้ไม่เคยขาดแคลนไปแม้แต่ห้วงเวลาเดียวก็คือ สัตว์วิญญาณ
เมื่อได้เข้าสู่ใจกลางเขตสัตว์ร้ายแล้ว ก็มีสัตว์วิญญาณระดับสองและระดับสามที่ใจกล้าเข้ามาต่อสู้กับพวกเขา
เป่ยกงจั๋วกล่าว “คุณชายจูเชว่ เจ้าให้คนของเจ้าพักก่อนเถอะ สัตว์วิญญาณเหล่านี้คนของข้าจัดการได้”
“เช่นนั้นก็ขอรบกวนองค์รัชทายาทเป่ยกงด้วย”
“ฮึง ฮึง ฮึง! พวกมนุษย์ อย่าได้คิดมาดูแคลนพวกเราเชียว!”
“คอยดูข้าไว้ให้ดี!”
“…”
อีกฝ่ายเพียงแค่ส่งคนจำนวนหนึ่งไปรับมือกับพวกมันเท่านั้น สัตว์วิญญาณเหล่านี้ก็ไม่นึกเกรงใจเช่นกัน
และแน่นอนว่าเป่ยกงจั๋วก็ไม่ได้มีเจตนาดีคิดจะปกป้องพวกของจูเชว่แต่อย่างใด เขาตั้งใจแสดงพลังของพวกเขาต่อหน้าจูเชว่ นับว่าเป็นการข่มขู่
ตลอดทางเป่ยกงจั๋วได้สั่งให้คนของเขาข่มขู่พวกของจูเชว่จนถึงที่สุด
อีกทั้งยังเอ่ยถาม “คุณชายจูเชว่ คนของข้าเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“สมแล้วที่องค์รัชทายาทเป่ยกงเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ของราชวงศ์เป่ยกงกองกำลังระดับห้า คนของท่านทุก ๆ คนล้วนมีพลังแกร่งกล้า มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมาย…” น้ำเสียงของจูเชว่แฝงไปด้วยความเคารพนับถือ ทว่าแท้จริงแล้วในใจนั้นอยากจะอาเจียนออกมาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อต้องคลุกคลีกับคนเหล่านี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกว่าเส้นผมของเขาใกล้จะร่วงหมดศีรษะแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะต้องให้ซีซีชดเชยให้เขาอย่างแน่นอน
เจ้านี่จัดการยากชะมัด!
พวกเขาบุกเข้าไปข้างในโดยมีหม้อเก้าวิญญาณหวนคืนนำทาง เช่นนี้แล้วพวกเขาไม่มีทางหลงทางอย่างแน่นอน
เบื้องหน้ามีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีเถาวัลย์ห้อยระย้าจากเบื้องบนลงมาสู่เบื้องล่าง ก่อให้เกิดม่านสีเขียวธรรมชาติขึ้น
ทันทีที่เป่ยกงจั๋วออกคำสั่ง คนของเขาก็ได้เข้าไปตรวจสอบลาดตระเวนในทันที พวกเขาพบว่าเบื้องหน้าปลอดภัยไร้อันตรายใด ๆ
เมื่อเดินผ่านม่านสีเขียวมาแล้ว ก็ราวกับว่าพวกของมู่เฉียนซีได้เห็นสถานที่ที่ราวกับเป็นสรวงสวรรค์ก็มิปาน
สถานที่แห่งนี้เงียบสงบและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง มันถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาชนิด และไม่มีสัตว์วิญญาณแม้แต่ตัวเดียว
มันงดงามจนทำให้รู้สึกลุ่มหลง ทว่าก็ไม่มีผู้ใดโง่เขลาที่จะทำตัวตามสบายและไม่ระมัดระวังตัว
สถานที่แห่งนี้เป็นใจกลางเขตสัตว์ร้าย ทว่ากลับไม่มีสัตว์วิญญาณตัวใดกล้าเข้าใกล้ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่แข็งแกร่งอยู่เป็นแน่
พวกเขาก้าวไปเบื้องหน้าด้วยความระมัดระวัง ด้านหน้ามีสิ่งก่อสร้างที่ถูกพืชพันธ์สีเขียวสดประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ทุกๆที่ล้วนมีเถาวัลย์สีเขียวเลื้อยพันไปทั่ว
“อยู่ตรงนั้นไง!”
พวกเขาเดินเข้าไปในบริเวณนั้น เมื่อเข้าไปในสิ่งก่อสร้างนั้นแล้ว ภายในก็มืดสลัว ทว่าพลังของทุก ๆ คนก็ไม่ได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแต่อย่างใด แน่นอนว่าพวกเขาต้องสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างของที่นี่ได้อย่างแน่นอน
สถานที่แห่งนี้ก็ถูกเถาวัลย์พันเกี่ยวไว้โดยรอบเช่นกัน ราวกับเป็นป้อมปราการอันแข็งแรงสีเขียวขนาดใหญ่ก็มิปาน
มีเส้นทางที่ทอดยาวลึกเข้าไปเส้นทางหนึ่ง เป่ยกงจั๋วไม่คิดลังเลที่จะเดินเข้าไปแม้แต่น้อย เนื่องจากมีหม้อเก้าวิญญาณหวนคืนคอยนำทาง ทำให้เขาไม่รู้สึกลังเลแม้แต่น้อย
ไม่นานนักพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงสุดทางเดิน เป่ยกงจั๋วชี้ไปยังที่แห่งหนึ่งแล้วกล่าว “แหวกเถาวัลย์เหล่านี้ออกไปให้หมด!”
“ขอรับองค์รัชทายาท!”
เมื่อเถาวัลย์สีเขียวอันหนาแน่นเหล่านี้ถูกแหวกออกไปแล้ว เบื้องล่างก็ปรากฎโคลนตมขึ้น
เชาจึงออกคำสั่งต่อไป “ขุดออกมา!”
เมื่อขุดจนมีระยะทางลึกลงไปในระดับหนึ่งแล้ว รอบโดยบริเวณก็มีแสงสีเหลืองทองอร่ามสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ
จูเชว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ว้าว! ของล้ำค่า! แสงสีทองส่องประกายระยิบระยับเชียว แต่มันจะเป็นหม้อจำลองจริง ๆ หรือ? มันจะส่องประกายแสบตาเกินไปหรือไม่ แบบนี้มันจะไม่ส่องประกายจนแสบตาเกินไปหรอกหรือ”
เดิมทีมู่เฉียนซีเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน ทว่าชิงมู่เคยบอกนางไว้ว่าหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุของจริงจะต้องส่องประกายสีทองระยิบระยับ
“ขุดมันขึ้นมา”
“ขอรับ!”
ทว่าเมื่อได้ขุดเอาดินโคลนออกไปจากรอบ ๆ หม้อจนสะอาดแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจเคลื่อนย้ายมันได้อีก นี่เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์
เป่ยกงจั๋วกล่าว “ข้าคือเป่ยกงจั๋ว เป็นนักปรุงยาอันดับหนึ่งของแดนซวนเทียน เจ้ายินดีจะรับข้าเป็นเจ้านายหรือไม่?”
“ไม่เอา ไม่เอา ข้ารำคาญจะตายอยู่แล้ว!”
จูเชว่เดินไปเบื้องหน้าแล้วกล่าว “ดูเหมือนหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุจะไม่มีชะตากับองค์รัชทายาทเป่ยกงเสียแล้ว! เช่นนั้นให้ข้าลองสักหน่อยเป็นอย่างไร?”
เป่ยกงจั๋วก็ได้กล่าวขึ้นด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม “คุณชายจูเชว่ เชิญ!”
ผลปรากฏว่าสิ่งที่ได้กลับมาก็ยังคงเป็นประโยคเดิม “ไม่เอา ไม่เอา…”
เมื่อคนอื่น ๆ ลองเข้าไปดูแล้วก็ไม่ต่างกัน คำตอบที่หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุมอบให้ก็เหมือนเดิมกันทุกประการ
เป่ยกงจั๋วทอดมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “คุณหนูฉู่อยากลองดูสักหน่อยหรือไม่?”
การที่หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุรับเป็นเจ้านายนั้นยากเย็นตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด อย่างไรเสียหม้อเทพนิรันดร์ก็กำลังตามหามันอยู่ นอกเสียจากเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์แล้ว ก็เกรงว่าจะทำให้มันยอมจำนนได้ยากยิ่ง
หากมีผู้ใดสามารถทำให้หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุยอมจำนนได้ เกรงว่าคนผู้นั้นก็คือมู่เฉียนซี
ในเมื่อเป่ยกงจั๋วเรียกนางแล้ว แน่นอนว่านางไม่อาจปฏิเสธได้
มู่เฉียนซีจึงลองดู ผลปรากฎว่าหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุก็ยังคงให้คำตอบเช่นเดิม
“ไม่เอา ไม่เอา อย่ามากวนข้านะ! ข้าหงุดหงิดอยู่ ข้าอารมณ์ไม่ดีมาก ๆ ฮือ ฮือ ฮือ…”
“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป ข้าไปไหนทั้งนั้น! ฮึก ฮึก ฮึก!”
“…”
มู่เฉียนซีเองก็ทำไม่สำเร็จ ก้นบึ้งดวงตาของเป่ยกงจั๋วมีความผิดหวังวาบผ่าน ดูเหมือนมู่เฉียนซีจะไม่ได้มาจริง ๆ ดูเหมือนลำดับความสำคัญของเขาในใจของนางจะไม่ได้สูงมากเท่าใดนัก?
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้คำนึงถึงอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
เมื่อไม่ได้พบเจอมู่เฉียนซี เป่ยกงจั๋วก็ไม่มีทางให้ตนเองมาเสียเที่ยวอย่างแน่นอน อย่างไรเสียเขาก็ได้ปล่อยให้หม้อผลึกแก้วไปอยู่ในมือของอีกฝ่ายอย่างไร้สิ่งตอบแทนแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุหลุดมือไปอย่างแน่นอน
“เก้าวิญญาณ ออกมา! เจ้าไปจัดการเจ้านั่นซะ”
เป่ยกงจั๋วนำหม้อยาหม้อหนึ่งออกมาใช้ มันเป็นหม้อยาที่แข็งแกร่งและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง หม้อยาหม้อนี้เป็นหม้อยาที่มีมังกรเลื้อยพันอยู่รอบใบ
จูเชว่กล่าวด้วยท่าทางตกตะลึง “คาดไม่ถึงว่าหม้อเก้าวิญญาณหวนคืนของหม้อเทพนิรันดร์จะอยู่ในมือขององค์รัชทายาทเป่ยกง ท่านเป็นนักปรุงยาที่อยู่ใกล้หม้อเทพนิรันดร์ที่สุดแล้ว สุดยอดไปเลย!”
สีหน้าของเป่ยกงจั๋วเคร่งขรึมขึ้นในทันที นักปรุงยาที่อยู่กับหม้อเทพนิรันดร์มากที่สุดไม่ใช่เขา ทว่าเป็นมู่เฉียนซี เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าสีหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มอ่อนน้อมถ่อมต้นขึ้นอย่างเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าว “ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน”