ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1874 เฉียนซีเดือดดาล
“โชคก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเช่นกันนะ!” จูเชว่กล่าว
“ฮืออออ! เหล่าจิ่ว…เหล่าจิ่ว…ฮืออออ…” หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุร่ำไห้ราวกับเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าของทุกคนต่างก็เผยอาการตื่นตกใจออกมา สุดยอดหม้อเทพในตำนาน! ปะ…เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? หม้อเทพนี้ช่างต่างจากที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
แต่การแสดงออกของมู่เฉียนซีเรียบเฉยเป็นอย่างมาก เพราะในบรรดาหม้อเลียนแบบต่าง ๆ นอกจากชิงมู่ของนางแล้วทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องปกติทั้งนั้น เช่นนั้นนางจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
สุดท้ายแล้วก็เป็นลูกไม้หล่นที่ไม่ไกลต้นนั่นแหละ!
จิ่วจวนไม่อาจทนความรำคาญได้เช่นกัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียเย็นชาว่า “อย่าร้อง!”
“ฮือออออ! อาจิ่ว ข้ารู้ว่านายท่านไม่อาจทอดทิ้งข้าได้ ข้าสัมผัสกลิ่นอายของนายท่านได้แล้ว ข้าอยากที่จะกระโจนเข้าไปหาเขาจริง ๆ แต่ว่าข้าทำไม่ได้น่ะสิ! ข้าทำไม่ได้”
จิ่วจวนกล่าวว่า “เจ้าถูกฝังจนออกไปไม่ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
หม้อเก้าวิญญาณหวนคืนเริ่มเคลื่อนไหว และมันก็ส่งผลให้หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “อ๊ากกก! อย่านะ อ๊ากก! อย่าา…”
“จะ…เจ้าอย่าเข้ามานะ!”
“หากเจ้าเข้ามาอีก หากเข้ามาอีกข้าจะ…ฮึก ฮึก ฮึก…”
ในเวลานี้คนที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดต่างก็พากันเอือมระอา และมุมปากก็กระตุกกันอย่างบ้าคลั่ง บทสนทนาเช่นนี้ การเน้นย้ำเช่นนี้ ทำไมช่างเหมือนกับหญิงสาวชนชั้นสูงที่ถูกปล้นเลยล่ะ!
แม้แต่จูเชว่และไป๋เจ๋อต่างก็ไม่สงบอีกต่อไป ภาพนึกคิดที่อยู่ภายในใจพวกเขาของหม้อเทพดับสูญไปอย่างสิ้นเชิง
และทุกคนต่างก็พากันสงสัยว่า ที่จริงแล้วหนึ่งในหม้อจำลองนี้จะใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เป็นหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุจริง ๆ หรือไม่?
“หุบปากซะที!” และนี่ก็เห็นได้ชัดว่าหม้อเก้าวิญญาณหวนคืนไม่ใช่เจ้านายที่นิสัยดีเช่นกัน
“ขะ…ข้าคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะผนึกสัตว์ร้ายฉีฉยงเอาไว้ หากข้าไปไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะต้องประสบเคราะห์ร้าย แต่ข้าก็จะต้องประสบกับความโชคร้ายไปด้วย อย่าคิดว่าความสามารถของพวกเจ้านั้นแข็งแกร่ง แล้วจะจัดการฉีฉยงได้!” หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุกล่าว
“ขะ…ข้ารอเจ้านายมาก่อนดีกว่า! หากเจ้านายมาละก็ ข้าถึงจะไม่กลัวฉีฉยง”
จิ่วจวนกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “เจ้าคิดว่า เขาจะสนใจเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“โฮฮฮฮ!” หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมา มันรู้ว่าภายในสายตาของนายท่านมีเพียงสาวงามเท่านั้น เช่นนั้นแล้วจะจำมันได้อย่างไรกัน!
หัวใจนี้เจ็บปวดจนจวนที่จะแตกสลายอยู่แล้ว!
เป่ยกงจั๋วชะงักงันไป พลางถามว่า “สัตว์ร้ายฉีฉยงอยู่ที่ใด?”
“ยังจะมาถามข้าว่าอยู่ที่ใดอีกหรือ? ตอนนี้พวกเจ้าก็อยู่บนคอของมันอย่างไรเล่า”
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดต่างพากันขนลุกขนพองขึ้นมา ต้องรู้ด้วยว่าในสมัยโบราณนั้น ฉีฉยงเป็นสัตว์ร้ายที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก!
“จอมภูตพลังธาตุอัคคี จงเผาทำลายเถาวัลย์นี้ไปเสีย ข้าอยากจะดูเสียหน่อยว่าสัตว์ร้ายโบราณนั้นจะเป็นเช่นไร?”
“พ่ะย่ะค่ะ! องค์รัชทายาท”
ถึงแม้ภายในใจจะรู้สึกกระวนกระวาย แต่คนเหล่านั้นต่างก็เชื่อฟังคำสั่งขององค์รัชทายาทอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
พวกเขาออกไปจากภายในป้อมปราการสีเขียวนั้น และทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นมาทันที
หลังจากที่เถาวัลย์ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน ก็ได้เผยให้เห็นว่าป้อมปราการนี้ แม้จริงแล้วมีลักษณะเป็นเช่นไร
มันก็คือโครงกระดูกสีดำเทาขนาดใหญ่มหึมา จนมาประกอบกันเป็นป้อมปราการกระดูกสีดำเทาอันหนึ่ง
กะโหลกศีรษะขนาดใหญ่อยู่บนพื้น แม้ว่าจะมีกลิ่นอายเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงน่าหวั่นเกรงอย่างที่สุดอยู่ดี
เป่ยกงจั๋วกล่าวว่า “สัตว์ร้ายโบราณที่กลายเป็นโครงกระดูกไปแล้วตัวหนึ่ง ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวตรงไหน! นำหม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุไป พวกเราไปเถอะ!”
จิ่วจวนต้องการที่จะนำอู่สิงไป แต่ทว่ามันกลับต่อต้าน
“ข้าอยู่ใจกลางของผลึกนี้ หากว่าข้าออกไปมันจะต้องตื่นขึ้นมาแน่นอน พวกเจ้ามันจะโง่เง่าเกินไปแล้ว”
จิ่วจวนกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะรอให้เขามา แต่วันนี้เจ้าจำเป็นที่จะต้องไป! ถึงแม้ว่าเจ้าโครงกระดูกของสัตว์ร้ายโบราณนี้จะมีชีวิตขึ้นมา เจ้าก็สามารถที่จะจัดการได้อยู่ดี!”
จิ่วจวนตรงเข้าไปบีบบังคับหมายจะให้อู่สิงจนหมดสติ และเตรียมจะนำมันออกไปด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จูเชว่ สั่งให้พวกเขาถอยออกไปซะ! ถอยออกไปยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี”
แม้ว่าหม้อเทพต่าง ๆ นั้นจะไว้ใจไม่ค่อยได้ แต่ทว่าในเรื่องที่จริงจังเช่นนี้ จะต้องไม่ล้อเล่นเป็นแน่
จูเชว่กล่าว “ได้!”
พวกเขาถอยออกไปไกลมากแล้ว และในเวลาเช่นนี้หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุก็ได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเป่ยกงจั๋วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ครืนนนน!
ผลก็คือโครงกระดูกกองนั้นเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา และกลิ่นอายที่แข็งแกร่งก็แผ่กระจายออกมา
ผู้ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าผู้ที่มีความสามารถระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณหรือว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ เมื่ออยู่ภายใต้การปกคลุมของกลิ่นอายนี้ แม้แต่จะหายใจก็เปลี่ยนเป็นยากลำบากขึ้นมาทันที
“องค์รัชทายาท เสด็จเร็วเข้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ! อันตราย!”
“รีบคุ้มกันฝ่าบาทออกไปเร็วเข้า!”
“บัดซบเอ้ย ไม่คิดเลยว่าคนพวกนั้นจะหนีไปแล้ว! เสียแรงที่องค์รัชทายาทดีต่อพวกเขาถึงเพียงนั้น”
พวกเขารีบพุ่งทยายออกไปด้วยความรวดเร็ว จากนั้นโครงกระดูกนั้นก็ลุกยืนขึ้น และในตอนที่มันลุกยืนขึ้นมาได้มันก็พุ่งเข้าไปโจมตีเป่ยกงจั๋วและพรรคพวกอย่างบ้าคลั่ง
“โฮกกกกกก!”
ด้วยพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ที่แม้แต่พวกของมู่เฉียนซีจะหนีไปไกลมากแล้วก็ยังสามารถสัมผัสถึงมันได้
จูเชว่กล่าวว่า “เป่ยกงจั๋วผู้นี้อวดดีเกินไปหน่อยแล้ว เมื่อดูที่แรงกดดันเช่นนี้ของเจ้าตัวนั้นแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะต้องประสบปัญหาใหญ่เป็นแน่ พวกเราจำเป็นที่จะต้องออกไปจากที่นี่ มิเช่นนั้นคงจะต้องประสบเคราะห์ร้ายไปด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าไปกันก่อน ข้าจะอยู่ที่นี่!”
จูเชว่และไป๋เจ๋อต่างชะงักงัน “เจ้าจะอยู่ที่นี่รึ ฉีฉยงนั่นแม้ว่าจะไม่ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ก็ยังคงอันตรายมากจริง ๆ เจ้า…”
“ที่ข้ารออยู่ที่นี่ เพราะข้ากลัวว่าเป่ยกงจั๋วจะแสร้งทำเป็นว่าตนเองตายไปแล้วนะสิ! เช่นนั้นข้าจึงจำเป็นต้องรออยู่ที่นี่” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ในตอนที่มู่เฉียนซีพุ่งทะยานออกไป จูเชว่ก็กล่าวขึ้นอย่างตื่นตกใจว่า “ตามไป!”
“คุณชาย นั่นมันเป็นสัตว์ร้ายโบราณเชียวนะขอรับ!”
“นี่คือคำสั่ง!”
…
“ฝ่าบาท ระวังพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาท!”
ด้วยที่ตอนนี้หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุอยู่ในกำมือของเป่ยกงจั๋ว เช่นนั้นสัตว์ร้ายโบราณฉีฉยงตัวนั้นจึงได้พุ่งเข้าโจมตีเป่ยกงจั๋วเป็นหลัก
ความสามารถของเป่ยกงจั๋วนั้นไม่ได้อ่อนแอเลย เขามีความสามารถเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางทั้งในตัวก็ยังมีอาวุธป้องกันคุ้มครองอีกไม่น้อย และมันก็เกือบจะทำให้เขาสามารถเป็นได้ถึงยอดฝีมือไร้พ่ายในระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณได้เลยทีเดียว
แต่ถึงกระนั้น หากต้องการให้เขาต่อสู้กับสัตว์ร้ายฉีฉยง เขาก็คงไม่สามารถทำได้อยู่ดี
โชคยังดีที่มีหม้อเก้าวิญญาณหวนคืนอยู่ด้วย ความสามารถของหม้อเก้าวิญญาณหวนคืนนั้นแข็งแกร่งมาก และมันก็สามารถสกัดกั้นการโจมตีของสัตว์ร้ายโบราณฉีฉยงได้อีกด้วย
อู่สิงตกใจจะตายอยู่แล้ว “ตายแน่! ต้องตายเป็นแน่ อาจิ่ว ถึงเจ้าจะรับผู้อื่นเป็นเจ้านายก็ช่าง แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรับเอาเจ้านายที่โง่เง่าแสนปัญญาทึบเช่นนี้มาได้ เจ้า…ทำให้ข้าโมโหเหลือเกิน…”
“ฮือออออ! ข้ายังอยากจะเจอหน้านายท่านอยู่นะ”
จูเชว่ที่ไล่ตามมู่เฉียนซีไปกล่าวขึ้นมาว่า “ซีซี เป่ยกงจั๋วไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่รอบครอบ ต้องไม่ใช่แน่นอน... ที่จริงแล้วต้องเกิดปัญหาตรงไหนเป็นแน่! ที่เขาทำเช่นนี้ มันจะเป็นผลดีต่อเขาตรงไหนกัน?”
ดูท่าทางแล้ว จิ่วจวนก็ไม่อาจที่จะสกัดกั้นเจ้าสิ่งนี้ได้ และดูเหมือนว่าเหล่าองครักษ์ของเป่ยกงจั๋วนั้นจะไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง
“ซีซี ตามหลักแล้วสถานการ์ที่อันตรายเช่นนี้ ไม่ใช่มีเพียงแค่เหล่าองครักษ์ในที่แจ้งที่จะต้องลงมือคุ้มครองเขาเท่านั้น แต่ยังมีองครักษ์ที่แอบซ่อนเอาไว้อีก นี่มันจะผิดปกติเกินไปแล้ว เขาอยากจะทำอะไรกันแน่?”
เขาที่ได้รับการแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องของเป่ยกงจั๋วมานานหลายวัน จนถือได้ว่าเข้าใจคนผู้นี้อยู่บ้าง แต่ทว่าการกระทำเช่นตอนนี้ ทำให้เขาไม่เข้าใจมันเลยอย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกำหมัดแน่นพลางกล่าวว่า “บางทีข้าอาจจะเข้าใจแล้วว่าเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่”
ปัง!
ลมกรรโชกแรงพัดผ่านเข้ามา และด้วยเพราะจิ่วจวนคุ้มครองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้บนร่างกายของเป่ยกงจั๋วมีเลือดออกมาจำนวนมาก
รอยแผลนั้นไม่ตื้นเลย ทั้งยังมีเลือดไหลทะลักออกมาค่อนข้างมาก แต่ทว่ามุมปากของคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเป่ยกงจั๋วกลับยกยิ้มขึ้น ราวกับว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น
และในตอนที่จูเชว่และไป๋เจ๋อได้เห็นว่ามู่เฉียนซีกำหมัดเอาไว้แน่น พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนแล้วว่านางเดือดดาลมากเพียงใด
เป่ยกงจั๋วไม่สนร่างกายที่บาดเจ็บของเขาด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เฉียนซีเดือดดาลมากขึ้นไปอีก
เป่ยกงจั๋วคิดจะยกระดับให้มากขึ้นกว่าเดิม เขากล่าวว่า “มู่เฉียนซี ข้ายังไม่ยอมแพ้หรอก! และข้าก็จะลองเดิมพันดูอีกครั้ง”