ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1877 เดิมพันด้วยชีวิต
โม่ซวนกล่าวด้วยความตกตะลึง “หรือว่า…”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารอันแข็งแกร่งที่สุดที่ระเบิดออกมาของเป่ยกงจั๋ว มู่เฉียนซีกลับปลดการป้องกันทั้งหมดลง อีกทั้งยังไม่หลบหลีกแต่อย่างใด
นี่มันไม่ต่างอันใดจากการฆ่าตัวตายเลยสักนิด!
“เด็กน้อย ข้าจะโกรธเจ้าแล้วนะ เจ้า…เจ้า…” มู่เฉียนซีทำให้นิรันดร์โกรธจนแทบจะกระอักเลือดอยู่รำไร
ปัง!
ฉีฉยงถูกสายลมกรีดร่างจนลายพร้อยราวกับตาข่ายใยแมงมุมก็มิปาน
อย่างไรก็ตามสัตว์ร้ายโบราณนี้ก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้พลังของเขาจะฟื้นฟูขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ทว่าก็ไม่สามารถล้มมันลงได้
ปัง!
พลังอันน่าหวาดกลัวนั้นได้กลืนร่างสีม่วงลงไปจนไม่เหลือหลอ จูเชว่และโม่ซวนต่างก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่หลีที่อยากจะพุ่งตัวเข้าไป ทว่ากลับถูกขวางไว้
“มังกรวารีจงบังเกิด”
มังกรขนาดใหญ่สีฟ้าครามตัวหนึ่งก็ได้พุ่งออกมา มันทะลวงผ่านละอองฝุ่นที่ล่องลอยตลบอบอวลเหล่านั้นมาหาเป่ยกงจั๋ว พลันนั้นร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็ได้พุ่งออกมา
แม้ว่าเป่ยกงจั๋วจะระเบิดพลังอันแข็งแกร่งนั้นออกมา ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังคงอยู่อย่างปกติสุขดี
จูเชว่และโม่ซวนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรก็ดีมากแล้ว
มู่เฉียนซีเข้าประชิดเป่ยกงจั๋ว ก่อนหน้านี้เป็นการต่อสู้ในระยะไกล ทว่าตอนนี้เป็นการต่อสู้ในระยะประชิด
เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยท่าทางทอดถอนใจ “ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้หรอก เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วย
“เป่ยกงจั๋ว เจ้ารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”
“น่าขัน ข้าน่ะหรือจะกลัว?”
เป่ยกงจั๋วยังคงโจมตีมู่เฉียนซีต่อไปเรื่อย ๆ เพียงแต่ไม่ได้ใช้กระบวนท่าสังหารก็เท่านั้น
การโจมตีนี้กลับทำให้มู่เฉียนซีตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง หากไม่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต แน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็ไม่มีทางใช้การป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งไปอย่างสิ้นเปลืองอย่างแน่นอน
“เป่ยกงจั๋ว หากเจ้ามีน้ำยาก็ทำให้ข้าเจ็บกว่านี้สิ” ถึงแม้จะถูกทำร้ายจนอยู่ในสภาพน่าอนาถไม่น้อยแล้ว ทว่ามู่เฉียนซีกลับยังเผยรอยยิ้มออกมาได้
มู่เฉียนซีได้เรียนรู้และได้นำการโจมตีต่าง ๆ ของเป่ยกงจั๋วก่อนหน้านี้ไปใช้
นิรันดร์โกรธจนแทบคลั่ง เมื่อจัดการปัญหาในครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว เขาจะต้องลงโทษศิษย์ที่รักผู้นี้ให้หลาบจำ ชักจะเหลวไหลมากเกินไปแล้ว
จูเชว่รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง “ซีซี… ซีซี เหตุใดถึงต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย?”
โม่ซวนกล่าว “เหตุใดก่อนหน้านี้เป่ยกงจั๋วถึงต้องทำเช่นนั้นน่ะหรือ? เฉียนซีกำลังเรียนรู้และนำไปใช้ แต่สิ่งดี ๆ กลับไม่เรียนรู้ กลับไปเรียนรู้สิ่งชั่วร้าย นางช่าง…”
“หรือซีซีจะทำเหมือนเป่ยกงจั๋ว ซีซีเองก็อยากจะบีบคั้นให้ใครบางคนออกมาอย่างนั้นหรือ? ผู้ใดกันที่ซีซีต้องยอมพลีชีพไม่สนสิ่งใดขนาดนี้เพื่อผู้ใดกัน” จูเชว่เองก็รู้สึกโกรธและอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง
ครานี้เป่ยกงจั๋วได้นำหอกเงินซึ่งเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดออกมาใช้ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพที่เขานำออกมาสู้รบในก่อนหน้านี้ล้วนถูกมังกรเพลิงแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
เป่ยกงจั๋วมีพลังที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ ทักษะการใช้หอกก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
ทว่าการที่ออมมือให้ในทุกครั้ง อีกทั้งยังเป็นการโจมตีที่ไม่ถึงขั้นสังหาร ไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉียนซีต้องการแต่อย่างใด
นางต้องการยั่วยุเป่ยกงจั๋ว
“เป่ยกงจั๋ว เจ้ามันคนชั่วช้าไร้ยางอาย เจ้าไม่มีวันสู้เสี่ยวไป๋ได้”
“ในสายตาของข้าแล้วนักปรุงยาอันดับหนึ่งของแดนซวนเทียนก็เป็นอะไรที่น่าขันสิ้นดี! เพียงแค่มีของจำลองจอมหักหลังเป็นพรรคพวกแล้ว เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะเป็นที่หนึ่งจนไม่มีใครสู้เจ้าได้?”
“เจ้าที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด คิดอยากเห็นเสี่ยวไป๋รู้สึกไม่พอใจ รู้สึกไม่ยินดีกับชะตาลิขิต หรือแม้กระทั่งรู้สึกอิจฉาเจ้า แต่เจ้าคิดผิดแล้ว เสี่ยวไป๋ไม่เคยใส่ใจเรื่องเหล่านี้เลย อีกอย่างเจ้าไม่เคยอยู่ในสายตาเสี่ยวไป๋เลยด้วยซ้ำ…”
ทักษะการปรุงยาและกู้ไป๋อีเป็นจุดอ่อนของเป่ยกงจั๋ว ในขณะนี้สีหน้าของเป่ยกงจั๋วก็ดูบูดบึ้งมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
“พอได้แล้ว! มู่เฉียนซี เจ้าอยากตายมากเลยสินะ”
พรึ่บ พรึ่บ!
หอกของเป่ยกงจั๋วได้แยกร่างมายาออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วเสียจนมู่เฉียนซีที่ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาก็ไม่อาจหลบหลีกได้ทัน
ปลายหอกแหลมได้พุ่งตรงไปที่ลำคอของมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
จูเชว่ตกใจจนแทบจะหยุดหายใจไปเสียประเดี๋ยวนั้น ก่อนหน้านี้นางไม่มีเหตุอันใดต้องใช้การป้องกันตัว ทว่าในครานี้เป่ยกงจั๋วได้ใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพในการโจมตี หากมันทลายเกราะป้องกันเข้ามาได้จะทำเช่นไร?
ก่อนหน้านี้เป่ยกงจั๋วคิดจะใช้ชีวิตของตนเองเป็นเดิมพัน และในครานี้มู่เฉียนซีก็ได้เลือกวิธีแบบเดียวกัน
ในขณะที่ปลายหอกแหลมกำลังจะเฉือนลำคอของมู่เฉียนซีจนทะลุ แสงสว่างสีฟ้าก็ได้เข้ามาโอบล้อมกายของมู่เฉียนซีไว้
สุ้มเสียงอ่อนหวานแว่วดังขึ้น “ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะบอกเรื่องนี้กับจิ่วเยี่ยอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้จะต้องออกจากที่นี่แล้ว จะต้อง…”
มู่เฉียนซีกล่าว “มาถึงขั้นนี้แล้ว สุ่ยจิงอิ๋งข้าไม่มีทางยอม ยังเหลือครั้งสุดท้าย หากครั้งสุดท้ายยังไม่ได้อีกล่ะก็ ข้าจะไม่มีทางเสี่ยงอันตรายอีก”
“อีกอย่างอย่าได้บอกกับจิ่วเยี่ยเป็นอันขาด ข้าเป็นเจ้านายของเจ้านะ ไม่ใช่เขา”
หากจิ่วเยี่ยรู้ว่านางลงทุนลงแรงมากถึงเพียงนี้ ผลที่ตามมาคงไม่ต้องนึกคิดจินตนาการกันเลยทีเดียว
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวด้วยท่าทางจนปัญญา “ตอนนี้เจ้ารู้จักกลัวแล้วหรือ? เหตุใดเจ้าต้องตัดสินใจเช่นนี้ด้วย”
“ข้าเป็นห่วงเสี่ยวไป๋ เป็นห่วง เป็นห่วงมาก ๆ! ข้าจะต้องแน่ใจว่าเขายังอยู่หรือไม่ วิธีของเป่ยกงจั๋วนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด” มู่เฉียนซีกล่าว
สุ่ยจิงอิ๋งตามใจเจ้านายของตนเองเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าว “ได้ ครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายเท่านั้น! หากเจ้ายังไม่ยอมออกจากที่นี่ ข้าจะโยนเจ้าไปที่แดนนรก แล้วบอกเรื่องนี้กับจิ่วเยี่ยอย่างไม่ปิดบัง”
เกราะป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งทำให้เป่ยกงจั๋วลอยกระเด็นออกไปไกล เป่ยกงจั๋วหัวเราะแล้วกล่าว “ซีเอ๋อร์ เจ้ายังมีความหวังอยู่อีกหรือ? หานไม่มีทางกลับมาได้หรอก”
“หากเจ้าคิดถึงเขาจริง ๆ เจ้าก็มาอยู่เคียงข้างข้า พวกเราก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?” เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เป่ยกงจั๋ว เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่? เหมือนกัน มันเหมือนกันตรงไหน?
“เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้ายอมแพ้ไปซะ! พลังป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ข้าจะคอยดูสิว่าเจ้าจะอดทนไปได้อีกนานสักเท่าใด?”
ครืน ครืน!
คนทั้งสองเริ่มปะทะกันกลางเวหา คนขอบเป่ยกงจั๋วกล่าว “พรสวรรค์ของผู้หญิงคนนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ องค์หญิงมู่หลินหลางไม่อาจเทียบนางได้เลย”
“แต่น่าเสียดายที่ไม่รู้จักดีชั่วเอาเสียเลย บ้าบิ่นทำตัวสุดโต่ง แม้กระทั่งพระชายาของราชวงศ์เป่ยกงก็ไม่คิดจะครอบครอง นั่นเป็นถึงตำแหน่งจักรพรรดินีของราชวงศ์เป่ยกงเชียวนะ”
“…”
จูเชว่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกไปด้วยท่าทางขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่ง “พูดจาเหลวไหล!”
“ผู้เฒ่าจู หากท่านไม่ลงมือ ข้าจะแขวนคอฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้” จูเชว่แหงนหน้าตะคอกขึ้นบนท้องฟ้าด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
“คุณชาย แขวนคอฆ่าตัวตายมันน่าเกลียดมาก ๆ เลยนะ ลิ้นก็ต้องห้อยออกมา เจ้าอยากตายแบบนั้นหรือ? สถานการณ์ในตอนนี้ถึงแม้พวกเราจะยื่นมือไปช่วย ก็คงพลิกสถานการณ์กลับมาไม่ได้ พลังป้องกันของเด็กน้อยนั่นแข็งแกร่งมาก ๆ คงจะไม่เป็นอะไรหรอก…”
“อะไรคือไม่เป็นอะไร! นี่ซีซีกำลังเอาชีวิตเป็นเดิมพันอยู่นะ หากการป้องกันในคราหน้าไม่อาจต้านทานได้ล่ะ…” จูเชว่กระวนกระวายจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่รำไรแล้ว
ขณะที่ทั้งสองกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ถึงแม้มู่เฉียนซีจะมียาลูกกลอนเป็นจำนวนมาก ทว่าพลังวิญญาณของนางก็ไม่อาจรับการโจมตีที่บ้าคลั่งขนาดนี้ได้
นางสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ
ครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายแล้ว…
ร่างสีม่วงได้แยกเป็นร่างมายาจำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นจึงพุ่งเข้าหาเป่ยกงจั๋วราวกับอสรพิษ กระบี่มังกรเพลิงได้พุ่งโจมตีหมายจะคร่าชีวิตของเป่ยกงจั๋ว
เมื่อชีวิตตกอยู่ในอันตราย เป่ยกงจั๋วก็ได้ทำการโจมตีกลับไปอย่างไม่เกรงใจ
หอกเงินได้พุ่งทะยานผ่านกลางเวหา แล้วพุ่งตรงมายังดวงใจของมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง!
ปลายหอกแหลมยังไม่ทันจะได้ทิ่มแทงลงกล่องดวงใจ สายลมอันน่าหวาดกลัวก็ได้พัดผ่านกายของมู่เฉียนซีไป
เกราะป้องกันอันแสนแข็งแกร่งก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป ตามเนื้อตัวของนางมีบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้ทั่วทั้งตัวของนางอาบไปด้วยโลหิต
ครั้นหอกแหลมใกล้เข้าประชิดมู่เฉียนซี ทันใดนั้นรอบกายของพวกเขาก็ปรากฏพลังกระบี่เย็นยะเยือกขึ้นมา
ใช่แล้ว! พลังกระบี่
ทว่าสถานที่แห่งนี้มีเพียงมู่เฉียนซีและเป่ยกงจั๋วเท่านั้น แล้วพลังกระบี่ปรากฏขึ้นได้อย่างไร?