ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1879 ต้องไปด้วยกัน
ในเวลานี้ฉู่หลีได้มีพลังสีดำสนิทห่อหุ้มเอาไว้ และไม่คิดเลยว่าจะมีพลังในการต่อสู้เทียบเท่ากับระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณได้
“มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?”
เรื่องที่องค์รัชทายาทเปลี่ยนกลายเป็นศัตรูขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ทำให้พวกเขาปวดหัวกันพออยู่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้ชายที่แปลกประหลาดโผล่ออกมาอีกคนเช่นนี้
และในเวลานี้ หอฉงโหลวบนเมฆาก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมันได้ช่วยเหลือคนที่เข้ามาทั้งหมดออกไปได้แล้ว
พวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้ฟื้นตัวกันหมดแล้ว และพวกเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางมู่ใช้สมุนไพรวิญญาณของหมอปีศาจสินะ! มันช่างทำให้ฟื้นตัวได้เร็วจริง ๆ เลย”
“ตอนนี้พวกเราสามารถเข้าไปช่วยเหลือต่อได้แล้ว จะต้องคุ้มครองแม่นางมู่ให้ปลอดภัยให้จงได้”
“ฆ่ามัน!”
หลังจากที่พวกเขาพักผ่อนจนฟื้นตัวกันหมดแล้ว พวกเขาก็ได้เข้าโจมตีเหล่ายอดฝีมือของราชวงศ์เป่ยกงอีกครั้ง และพวกเขาก็ค้นพบว่าสถานการณ์ในการต่อสู้ค่อนข้างแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
ไม่คิดเลยว่าองค์รัชทายาทเป่ยกงจะยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกเขา นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก แต่ทว่าตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าเป็นประโยชน์มากเลยทีเดียว
ตูมมมม!
และต่อมาการต่อสู้ระยะประชิดก็เริ่มวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ร่างเงาทั้งสองพุ่งทะยานออกมาจากข้างหลังของจูเชว่และไป๋เจ๋อ และจูเชว่ก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแน่น
“พวกเจ้าพึ่งจะมาเคลื่อนไหวเอาป่านนี้ ข้ารู้สึกชิงชังพวกเจ้าทั้งสองเหลือเกิน”
เมื่อมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับสูงเพิ่มเข้ามาอีกสองคน ซึ่งนี่ก็ทำให้คนของราชวงศ์เป่ยกงยิ่งปวดหัวเพิ่มมากขึ้นไปอีก!
สีหน้าของจิ่วจวนแย่มาก เนื่องจากเขาขาดการติดต่อกับเป่ยกงจั๋วไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจิตวิญญาณของเป่ยกงจั๋วจะพ่ายแพ้ให้กับกู้ไป๋อีผู้นั้นได้
เนื่องจากว่าจิตวิญญาณของเป่ยกงจั๋วได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้เขาได้รับผลกระทบเช่นกัน
ด้วยการโบกมือของนิรันดร์เพียงครั้งเดียว พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าโจมตีฉีฉยงอีกทั้งยังโจมตีจิ่วจวนด้วย
จิ่วจวนพยายามหลบหลีกอย่างสุดชีวิตแต่สุดท้ายก็บาดเจ็บสาหัสอยู่ดี จนจำต้องวิ่งหนีไป
ตูมมม!
ฉีฉยงล้มลงไป และไม่เคลื่อนไหวอีกเลย
เสี่ยวอู่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายท่านยอดเยี่ยมมาก นายท่านเก่งกาจที่สุด นายท่านสุดยอดไปเลย!”
ร่างสีขาวปลิวไสวไปทางมู่เฉียนซี และนิรันดร์ก็กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “เจ้าเด็กโง่ ทำให้ตนเองเป็นถึงขนาดนี้ ข้าอยากที่จะทำโทษเจ้าให้หนักเสียจริง ๆ”
“ตอนนี้เจ้าก็ได้รู้แล้ว ว่าจิตวิญญาณของเจ้าหมอนั่นยังไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นก็จากไปอย่างวางใจเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าต้องการที่จะพาเสี่ยวไป๋ออกไปด้วย จากนั้นก็ทำลายจิตวิญญาณของเป่ยกงจั๋วเสีย และทำให้เสี่ยวไป่ปลอดภัยได้อย่างสมบูรณ์เสียที”
นิรันดร์กล่าวว่า “ศิษย์ที่รัก เจ้าจะดูถูกฝีมือของเผ่าวิญญาณเกินไปแล้ว หากมันเป็นเพียงแค่วิชาลับของเผ่าวิญญาณเพียงอย่างเดียว บางทีเมื่อตอนที่ข้าฟื้นพลังขึ้นมาได้บ้างแล้วอาจจะสามารถจัดการได้ แต่ว่า…”
“เดิมทีแล้วพวกเขาทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน เกิดออกมาในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นจิตวิญญาณของพวกเขาจึงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก หากทำลายอีกด้านหนึ่งไป แล้วเจ้าคิดว่าจะปกป้องอีกด้านหนึ่งให้ปลอดภัยได้อย่างนั้นหรือ?”
“อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าที่จริงแล้วเผ่าวิญญาณนั้นใช้วิธีการที่แข็งแกร่งมากเพียงใด หากผลีผลามทำอะไรลงไป ก็คาดว่าเจ้าหนูนั่นอาจจะต้องหายไปจริง ๆ เป็นแน่ แม้ว่าข้าจะยินดีเป็นอย่างมาก แต่ยอดรัก เจ้าต้องเสียใจอย่างแน่นอน และการออกไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดใตอนนี้”
หลังจากที่ทำสงครามกับเป่ยกงจั๋วในครั้งแรก ก็ถูกแยกจากกันเป็นเวลานานมากแล้ว หลังจากก็ถูกโลกขวางกั้น สุดท้ายก็ยังมาถูกเมืองของราชวงศ์หนึ่งมากั้นขวางไว้อีก นานเหลือเกินถึงจะได้พบกัน นางจึงทนที่จะจากไปเช่นนี้ไม่ได้
“เจ้าหนูนี่ไม่ใช่คนธรรมดา ตอนที่เจ้ายังไม่ได้ใช้พลังจิตวิญญาณก่อนหน้านี้เขาก็มีแนวโน้มที่จะแย่งชิงร่างกลับมาได้อยู่แล้ว หลังจากที่พลังจิตวิญญาณเพียงเล็กน้อยของเจ้าทำให้เขาที่ชื่อว่าเป่ยกงจั๋วผู้นั้นบาดเจ็บสาหัสได้แล้วเขาก็แย่งร่างคืนกลับมาได้ แล้วเขาจะถูกกำจัดอย่างง่ายดายได้เช่นไร ตอนนี้เขาปลอดภัยที่สุดแล้ว ทั้งยังอยู่บนสถานะที่ดีที่สุด และเป่ยกงจั๋วผู้นั้นก็ไม่อาจที่จะปล่อยร่างที่สอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ไปได้ง่าย ๆ หรอก”
“แต่เจ้าดันไปเชื่อคำพูดข่มขู่เช่นนั้นของเขาเสียก่อน และทนไม่ไหวจนต้องลงมือเช่นนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แม้ว่าจะต้องทำมันอีกครั้ง หรือแม้จะรู้ว่าเป่ยกงจั๋วไม่มีทางทำให้ตนเองตาย แต่ข้าก็ยังจะเลือกเช่นเดิมอยู่ดี”
นิรันดร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อศิษย์ที่รักไม่ยอมไป เช่นนั้นข้าจะจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ให้ก่อน จากนั้นเจ้าค่อยคุยกับเจ้าหมอนั่นก็แล้วกัน!”
เขาเปลี่ยนเป็นคนใจกว้างเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เมื่อนิรันดร์กล่าวจบในตอนนี้ก็ได้แต่ประณามตนเองอยู่ในใจ
สำหรับคนที่ตนเองชื่นชอบแล้ว เขาเป็นคนที่คิดเอาแต่ใจมาก แล้วนับประสาอะไรกับศิษย์ที่รักที่เขาชอบมากถึงเพียงนี้กัน
แต่ทว่าเมื่อเห็นศิษย์ที่รักที่ทำเรื่องบางอย่างเพื่อใครคนหนึ่งก่อนหน้านี้ เขาก็ทนไม่ได้ที่จะทำให้นางไม่มีความสุข
นิรันดร์ถือโอกาสนี้ขึ้นไปสูงบนท้องนภา และพูดกับยอดฝีมือใต้บังคับบัญชาของพวกเขาที่ตั้งค่ายกลอยู่ข้างล่างเหล่านั้นว่า “พวกเจ้า…ถอยออกไปให้หมด ข้าผู้นี้อารมณ์ไม่ดี จะเริ่มเปิดการโจมตีแล้ว”
ดูเหมือนว่าอากาศจากบริเวณโดยรอบจะถูกระบายออกไปแล้ว และหลังจากนั้นก็มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำเข้ามา
ชายผู้นี้แม้แต่สัตว์ร้ายโบราณฉีฉยงยังสามารถจัดการได้ มันจึงทำให้พวกเขากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
นิรันดร์ไม่ใช่พิฆาตวิญญาณ ความจริงแล้วเขาไม่ได้กระหายเลือด แต่ทว่าคนเหล่านี้ได้สมรู้ร่วมคิดทำชั่วกับเป่ยกงจั๋วผู้นั้นทำให้ศิษย์ที่รักของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ เช่นนั้นคนเหล่านี้จำต้องตายไปเสียให้หมด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จูเชว่ ไป๋เจ๋อ สั่งให้พวกเขาถอยออกมา”
“ได้!”
คนอื่น ๆ ต่างพากันถอยกลับไป และหลังของพวกเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
เมื่อพวกเขาเงยหน้ามองไปยังชายผู้สวมเสื้อคลุมสีขาวที่สง่างามและน่าหลงใหล้ผู้นั้น และพวกเขาก็รู้สึกขวัญหนีดีฟ่อด้วยความกลัวไปเสียก่อนแล้ว
คนอื่นถอยกลับออกมาหมดแล้ว แต่ยังมีฉู่หลีและกู้ไป๋อีที่ยังคงไม่ถอยออกมา
“ศิษย์พี่!”
“เสี่ยวไป๋!”
แต่ทว่าพวกเขาทั้งสองนี้คิดที่จะบุกทะลวงกวาดล้างศัตรูโดยไม่หวนกลับ ราวกับไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
นิรันดร์ก็คือนิรันดร์ พวกเขาก็คือพวกเขา แม้นิรันดร์จะต้องการลงมือในตอนนี้ก็ไม่มีทางที่จะทำให้พวกเขายอมแพ้ที่จะจัดการกับศัตรูได้
คนของราชวงศ์เป่ยกงเหล่านั้นรู้สึกได้ว่าท่าจะไม่ดีเสียแล้ว “องค์รัชทายาท อันตรายพ่ะย่ะค่ะ!”
“องค์รัชทายาท พวกเราไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ! คนผู้นี้ล้ำลึกเกินไปแล้ว!”
“……”
แต่ทว่าองค์รัชทายาทของพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ฟังพวกเขา แต่กลับจะสังหารพวกเขาต่ออีกด้วย
ในตอนที่เขาควบคุมร่างของตนเองให้สามารถสังหารคนของเป่ยกงจั๋วเหล่านั้นได้ ก็ยังถือว่าสามารถลดความอันตรายให้ซีเอ๋อร์ได้บ้าง และเขาในตอนนี้ก็สามารถทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น
ธาตุวายุที่แสนอันตรายพัดโหมกระหน่ำเข้ามา ราวกับเคียวของพญามัจจุราชอย่างไรอย่างนั้น
ปัง ปัง ปัง!
ร่างสีขาวนั้นกลายเป็นเงาสีขาวอยู่บนท้องฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน และทันใดนั้นผู้บำเพ็ญระดับต่ำกว่าขั้นราชันวิญญาณก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
ยิ่งระเบิดพลังออกมามากเท่าไร นิรันดร์ก็ยิ่งไม่สบอารณ์มากขึ้นเท่านั้น
เดิมทีคิดว่ามีเวลาที่จะสามารถอยู่เป็นเพื่อนศิษย์ที่รักได้อย่างเหลือเฟือ และได้บ่มเพาะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่เพราะเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ทำให้เวลาที่อยู่ข้างนอกของเขาสั้นลงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ช่างน่าโมโหเหลือเกิน!
“องค์รัชทายาท…”
มีคนที่คิดอยากจะลากกู้ไป๋อีให้ออกไป เป่ยกงจั๋วปกครองคนเหล่านี้เป็นอย่างดี ดังนั้นผู้แข็งแกร่งเหล่านี้จึงภักดีต่อเขามากเช่นกัน
ด้วยฝีมือเช่นนี้ เขาจึงมีฝีมือในการควบคุมคนแข็งแกร่งยิ่งกว่ามู่หลินหลางไม่น้อยเลย
ซวบ!
เขาที่อวดดีอยากที่จะช่วยเจ้านายตน ผลที่ได้กลับถูกกระบี่แทงทะลุหัวใจของเขาไป
“คนที่ทำให้ซีเอ๋อร์บาดเจ็บ ต้องตายให้หมดทุกคน!” กู้ไป๋อีกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
ความจริงแล้วนิรันดร์อยากที่จะลงมือ จัดการสังหารชายชุดคลุมดำและกู้ไป๋อีผู้นั้นไปเสีย เพียงแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องอดทนเอาไว้ และหลีกเลี่ยงที่จะโจมตีไปยังพวกเขา
ในฐานะเจ้านายผู้สูงศักดิ์แห่งธาตุวายุ ทำให้การควบคุมธาตุวายุของเขาอยู่ในขั้นที่เป็นไปได้ดั่งใจนึกแล้ว
“องค์รัชทายาทบ้าไปแล้ว พวกเรารีบกลับไปรายงานฝ่าบาทเถอะ”
“สถานการณ์ในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องที่ความสามารถเช่นข้าจะจัดการได้”
“……”
กู้ไป๋อีจัดการยอดฝีมือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณไปแล้ว ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้ามาเสี่ยงอีก จึงทำได้เพียงแต่เลือกที่จะไปขอความช่วยเหลือเท่านั้น