ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1891 คำสารภาพที่ลึกซึ้ง
ตูมมม!
คนของคุณชายจูเชว่และคนของสำนักหลางซิงเริ่มเปิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ดังนั้นทุกคนจึงได้พากันตื่นตกใจ
ถึงอย่างไรเมืองหนานหวางก็เป็นเมืองหลักของดินแดนทางทิศใต้ และที่นี่ก็มีน้อยคนนักที่จะก่อเรื่องวุ่นวาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการระเบิดของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เลย
“ตระกูลตานและสำนักหลางซิงต่อสู้กับหอหมอปีศาจแล้ว!”
“กองกำลังของหนุ่มสาวเพียงกองกำลังเดียวจำต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับกองกำลังระดับสี่ขนาดใหญ่ทั้งสอง มันช่างอันตรายจริง ๆ!”
“……”
ผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านที่มีความกล้าอยู่บ้างจำนวนไม่น้อยเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกล ที่เมืองหนานหวางการจะพบเห็นสงครามที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก
ทุกคนต่างก็สงสัยว่าสุดท้ายแล้วพันธมิตรอย่างตระกูลตานและสำนักหลางซิงจะเป็นฝ่ายชนะ? หรือว่าหอหมอปีศาจที่ลึกลับนี้จะเป็นฝ่ายชนะกันแน่?
พวกเขาดูถูกหอหมอปีศาจมากเกินไปแล้ว ตอนนี้หอหมอปีศาจไม่ได้มีเพียงคุณชายจูเชว่อยู่เท่านั้น แต่ยังมีคุณชายไป๋เจ๋ออยู่ด้วย
เมื่อพวกเขาทั้งสองร่วมมือกัน ความแข็งแกร่งจึงยากที่จะหยั่งถึง และโม่ซวนก็ได้นำคนของเขาเข้าโจมตีคนของตระกูลตานแล้ว
ตูมมม โครมมมม!
ทุกคนถูกสกัดกั้นออกไปจากหอหมอปีสาจ มู่เฉียนซีมองไปทางฉู่หลีแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ไม่ต้องเฝ้าข้าหรอก!”
ฉู่หลีกล่าวว่า “ข้าคร้านที่จะต่อสู้! นอกจากปกป้องศิษย์น้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปร่วมการต่อสู้ที่ไร้ความหมายเช่นนี้หรอก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ศิษย์พี่ชอบคนแข็งแกร่ง ชอบที่จะฝึกฝน แต่กลับไม่เข้าร่วมการต่อสู้ เป็นเพราะข้ารบกวนศิษย์พี่หรือไม่?”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ทว่าการต่อสู้ที่อยู่รอบกายนางนั้นอันตราย ฉะนั้นจะขาดเขาไม่ได้
“หากเป็นศิษย์น้องแล้วละก็ ข้าไม่มีทางรู้สึกว่าถูกรบกวนหรอก แต่ทว่าศิษย์น้องพูดผิดแล้ว เรื่องการฝึกฝนนั้นข้าก็ไม่ชอบมันเช่นกัน” ฉู่หลีกล่าวพลางส่ายหน้า
“ศิษย์ที่รัก อย่าไปสนใจเขาเลย ดอกเยว่เซิงนั่นฟื้นฟูแล้วใช่หรือไม่!” นิรันดร์กล่าวพลางเดินออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อื้ม! ฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว”
นิรันดร์จึงกล่าวต่อ “ในเมื่อศิษย์ที่รักต้องการที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู เช่นนั้นเราก็เล่นใหญ่ขึ้นอีกสักหน่อยก็แล้วกัน ทำให้คนทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงได้รู้ว่า หอหมอปีศาจของศิษย์ที่รักของข้าไม่ใช่ที่ที่จะปล่อยให้ผู้ใดมารังแกได้ตามอำเภอใจเช่นนี้”
“หอหมอปีศาจมีนักปรุงยาขั้นเทวะอยู่ทั้งคน แม้กองกำลังระดับห้าคิดที่จะมาโจมตีก็ยังจำเป็นต้องช่างน้ำหนักให้ดีเลย น่าเสียดายที่แดนซวนเทียนเป็นได้สูงสุดแค่นักปรุงยาขั้นเทวะเท่านั้น มิเช่นนั้นข้าคิดที่จะเคลื่อนไหวให้ศิษย์ที่รักอย่างยิ่งใหญ่กว่านี้เสียอีก”
“นิรันดร์ เจ้าต้องหลอมยาให้โม่ซวนได้แล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“อื้ม! ไปกับข้าเถอะ!” นิรันดร์ดึงมู่เฉียนซีพุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศ
“ข้าจะหลอมยา ศิษย์ที่รักไปดูเพื่อที่จะเรียนรู้ได้พอดี ตอนนี้เจ้าสามารถเรียนรู้การหลอมยาขั้นเทวะต่อได้แล้ว เมื่อความสามารถของเจ้ายกระดับขึ้นก็สามารถหลอมมันขึ้นมาเองได้แล้วล่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเฝ้ารอวันที่เจ้าจะหลอมยาลูกกลอนขั้นเทวะอย่างใจจดจ่อเลยทีเดียว”
นิรันดร์ชี้ไปที่ฉู่หลีแล้วกล่าวว่า “ส่วนเจ้า ก็หาทางปกป้องข้าผู้นี้ซะ! ได้ปกป้องข้าก็ถือว่าเป็นเกียรติต่อเจ้าแล้ว”
ฉู่หลีตอบกลับไปอย่างเฉยเมย “ข้าไม่สนใจหรอก!”
นิรันดร์ต้องการที่จะหลอมยาแล้ว และเจ้าหมอนี่ก็ต้องการที่จะทำอย่างอึกทึกครึกโครม และทันใดนั้นสายลมอุ่นก็พัดปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองหนานหวาง
หลังจากนั้นไม่นานภายใต้ท้องฟ้าเมืองหนานหวางก็ปรากฏป่าดอกท้อแห่งหนึ่งขึ้นมา และสัมผัสได้ว่ามีฟองอากาศสีชมพูพวยพุ่งออกไปทั่วทั้งเมืองหนานหวางเลยทีเดียว
ป่าดอกท้อนั้นเป็นเหมือนแดนสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น และสายลมเย็นก็พัดพาจนดอกท้อร่วงหล่น หลังจากนั้นบนพื้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยดอกท้อที่หนาเป็นชั้น ๆ
“นั่น..กลางอากาศมีอาณาเขตลึกลับอะไรปรากฏขึ้นมาน่ะ?”
“มันอาจจะเป็นภาพลวงตาก็ได้!”
“งดงามยิ่งนัก!”
ในเวลานี้ที่ใจกลางของหอหมอปีศาจมีมหาสงครามแห่งความโกลาหลกำลังปะทุอยู่ กลับมีมิติที่งดงามแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า
ทิวทัศน์ที่งดงามนั้นทำให้ผู้คนต่างมีความปรารถนา มีคนต้องการที่เข้าใกล้ แต่ก็ถูกลมกระโชกพัดจนลอยละลิ่วออกไป และไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปใกล้อาณาเขตนั้นได้
ทันใดนั้น พวกเขาก็ค้นพบว่าร่างทั้งสองกำลังเหาะเข้าไปท่ามกลางป่าดอกท้อ ซึ่งก็เป็นชายสวมชุดคลุมสีขาวคนหนึ่งและยังมีหญิงสาวที่มั่นใจตนเองอีกคนหนึ่ง
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวผู้นั้นมีดวงตาที่ทรงเสน่ห์และน่าหลงใหลเป็นที่สุด เขานั้นดูสูงส่งและสง่างาม งดงามเหนือมนุษย์ราวกับเป็นเทพบุตรดอกท้อที่อยู่ท่ามกลางป่าดอกท้อแห่งนี้อย่างไรอย่างนั้น
ส่วนหญิงสาวที่ดูมั่นใจอีกคนหนึ่งก็มีหน้าตาที่งดงาม แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะซีดเผือดยิ่งกว่าชายหนุ่ม ทว่าอารมณ์ที่ดูสูงศักดิ์กลับดูไม่ด้อยไปกว่าชายหนุ่มเลย ซึ่งมันก็เข้ากันได้ดีมาก
“งดงามเหลือเกิน! น่าหลงใหลเกินไปแล้ว!”
“พวกเขาทั้งสองดูเหมาะสมกันมาก ราวกับเป็นคู่รักกันอย่างไรอย่างนั้น”
“……”
เมื่อนิรันดร์ได้ยินทุกคนพูดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน มันก็ทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง “นิรันดร์ ก็แค่หลอมยาเท่านั้น เจ้าไม่ได้โอ้อวดเกินไปหน่อยหรือ!”
“ศิษย์ที่รัก นี่คือมิติที่งดงามมากที่สุดของข้า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการนัดพบ! เพียงแต่ตอนนี้สามารถทำออกมาได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ศิษย์ที่รัก เจ้าชอบมันหรือไม่?” นิรันดร์ขยับเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี พร้อมทั้งคลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น
ด้วยรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดใจเช่นนี้ ทำให้หญิงสาวทุกคนที่ได้เห็นต่างพากันลุ่มหลง และมู่เฉียนซีจึงกลายเป็นเป้าหมายในความอิจฉาตาร้อนของหญิงสาวทั่วทั้งเมืองหนานหวางไปเสียแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มาเทียบกับนัดพบอะไรกัน? ข้าชอบที่จะดูเจ้าหลอมยามากกว่า นิรันดร์”
“แม่ยอดรัก! ถึงอย่างไรข้าก็ไม่รีบร้อน ยาลูกกลอนขั้นเทวะเพียงพริบตาเดียวก็หลอมยาออกมาได้แล้ว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ชวนฝันมาก ๆ ศิษย์ที่รัก เจ้าไม่อยากทำอะไรสักหน่อยหรือ?”
“แม่ยอดรัก! ตั้งแต่ตอนที่เจ้าหาข้าพบในตอนแรก ในท่ามกลางผู้คนมากมายเหล่านั้น คนที่ข้าให้ความสนใจมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น และหลังจากที่ข้ายอมผูกพันธสัญญากับเจ้า เมื่อหัวใจเชื่อมถึงกัน ข้าก็อยากที่จะเติมเต็มความปรารถนาของเจ้า ทำให้เจ้ากลายเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมากที่สุด แต่ทุกครั้งที่เห็นเจ้าชอบจิ่วเยี่ยถึงเพียงนั้น ข้าโมโหมากจนอยากที่จะฆ่าเขาทิ้งไปเสียจริง ๆ…”
“ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้า…”
คำหวานของนิรันดร์ในฐานะที่เป็นผู้ช่ำชองด้านความรัก คำพูดของเขานั้นซาบซึ้งใจมาก อีกทั้งเมื่อรวมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนไหนก็สามารถตกลงไปในหลุมพรางแห่งความรักได้ทั้งนั้น
“คนที่หยิ่งยโสเช่นข้าสามารถทำให้หญิงสาวทั่วทั้งโลกมาตกหลุมรักและหลงใหลในตัวข้าได้ ข้าที่เที่ยวเล่นอยู่บนโลกมนุษย์มาโดยตลอดไม่เคยหวั่นไหวมาก่อน แต่ทว่าคราวนี้…ยอดรัก บางทีข้า…บางที…”
ร่างสีดำร่างหนึ่งบุกเขาไปในป่าดอกท้อแห่งนั้น เกาะป้องกันวายุได้ถูกพลังแห่งความมืดทำลายจนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ และในทันทีที่ฉู่หลีปรากฏตัวออกมาก็ได้ปิดหูของมู่เฉียนซีเอาไว้ และกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ศิษย์น้องอย่าไปฟัง อย่าให้เขาทำให้เจ้าลุ่มหลง”
นิรันดร์เป็นคนมีศีลธรรมที่ไหนกัน เหล่าเพื่อนเก่าของเขานั้นต่างก็รู้กันดีอยู่แล้ว ตนเองเฝ้าปกป้องศิษย์น้องมาอย่างระมัดระวังเช่นนี้ แล้วจะปล่อยให้เจ้าหมอนี่มาหลอกลวงจนให้ใจไปได้อย่างไร!
หลังจากคำสารภาพอันลึกซึ้ง แต่ผลที่ได้กลับถูกฉู่หลีก่อกวนไปตั้งแต่ครึ่งทางเสียแล้ว
นิรันดร์กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าไม่เคยมีความแค้นอะไรกับเจ้า และไม่เคยตำหนิอะไรเจ้าเลย! ก่อนหน้านี้เจ้าก็เกลียดคร้านเกินกว่าจะสนใจหญิงสาวด้วยซ้ำ เช่นนั้นข้าจึงไม่เคยที่จะแย่งหญิงสาวของเจ้า เจ้า…เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้กับข้าด้วย?”
ในเวลานี้ดวงตาที่งดงามและน่าหลงใหลคู่นั้นกำลังมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ มันไม่ง่ายเลยที่จะใช้ประโยชน์จากสถานที่และเวลาอันเหมาะสมเช่นนี้ในการสารภาพรัก แต่ผลที่ได้กลับถูกทำลายไปเสียแล้ว
หวงจิ่วเยี่ยเจ้าเด็กเลวนั่นไม่มีทางทำเช่นนี้ได้เป็นแน่ เขามีความได้เปรียบเพียงพอที่จะแย่งชิงหัวใจของศิษย์ที่รักกลับมาจากตัวของหวงจิ่วเยี่ยได้ เพียงแค่ลุกคืบเข้าไปอีกเล็กน้อย แต่ผลที่ได้…ผลที่ได้มัน…
ตอนนี้นิรันดร์ใกล้จะคลั่งเต็มทนแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาใจสลายเสียยิ่งกว่าคำพูดที่สะเทือนอารมณ์มากมายนั้น ก็คือการที่นางอันเป็นที่รักกล่าวว่า “นิรันดร์ ในตอนที่เจ้ากำลังพยายามพูดคำเหล่านี้อยู่ ป่านนี้ยาลูกกลอนขั้นเทวะคงจะกลั่นเสร็จไปได้ครึ่งทางแล้วล่ะ”
“ศิษย์ที่รัก เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดเลยเช่นนั้นหรือ?” น้ำเสียงของนิรันดร์สำลักความโกรธเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คำพูดไร้สาระของเจ้าชักจะมากเกินไปแล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นี้ข้าจึงได้ลองคำนวนขั้นตอนการกลั่นยาของยาลูกกลอนขั้นเทวะดูแล้วก็ได้ออกมาเป็นยาลูกกลอนกระดูกต่อชีวิตต้านสวรรค์!”
ตึง!
นิรันดร์ล้มลงไปนอนบนพื้นทันที จากนั้นก็ฝังร่างลงท่ามกลางกลีบดอกท้อ และตอนนี้ภายในใจก็แตกสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้ว