ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 249 โจมตีกลับ
กลิ่นอายของพลังวิญญาณจักรพรรดิระดับสูงสุดแผ่กระจายออกมาท่วมท้นเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉียนผู้เป็นจอมภูตจะสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน
ทันใดนั้นร่างสีเขียวพลันปรากฏขึ้น ไม่มีพลังวิญญาณ ไม่มีพลังชีวิตใด ๆ มีแต่แรงกดดันที่น่ากลัวถึงขีดสุดเท่านั้น
— ตูม! —
ยอดฝีมือของหุบเขากระจกจันทราเริ่มลงมือต่อสู้แล้ว
“มู่ซี เจ้ารีบหนีไปก่อนเร็ว!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!” มู่เฉียนซีไม่เพียงแต่ไม่หนี นางยังตะโกนเรียกเสียงดังก้อง
ฉับพลันร่างสีขาวอันนุ่มนวลพุ่งออกมา ตามด้วยเปลวไฟสีแดงเข้มจากร่างของเสี่ยวหงที่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ
มู่เฉียนซีหยิบยาวิญญาณออกมากำมือหนึ่ง ยื่นให้กับชิงอิ่ง “รวบรวมพลังทั้งหมดแล้วรีบพาข้าไป!”
ชิงอิ่งไม่สนว่าเม็ดยาวิญญาณในกำมือนั้นจะมากมายเพียงใด เขารีบเร่งยัดเข้าปากกลืนมันลงคอไปทันที เมื่อพลังของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ก็รีบพามู่เฉียนซีออกไปทันที
“อ๊า! สัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง!”
นับว่าเป็นโชคดีที่เสี่ยวหงตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มสูงขึ้น มันช่วยยื้อเวลาให้มู่เฉียนซีหนีออกไปได้
พลังของชิงอิ่งเองก็ระเบิดถึงขีดสุด เขาพามู่เฉียนซีพุ่งออกมาจากหุบเขากระจกจันทรา ทว่าศัตรูกลุ่มนั้นยังคงไล่ตามอย่างไม่ยอมเลิกรา
จะราวีกันไปถึงไหน ?!
เสียงคำรามดังขึ้น “หนุ่มน้อย ยอมมอบม้วนไม้ไผ่โบราณมาให้ข้าเสียดี ๆ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
— ตูม! —
พลังที่รุนแรงกระแทกเข้าด้านหลังชิงอิ่งอย่างโหดเหี้ยม ทว่าคนที่อยู่ด้านหลังชิงอิ่งรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดอย่างมาก!
“ให้ตายเถอะ! ผู้คุ้มกันของเจ้าหนุ่มนี่ไม่มีพลังวิญญาณแปรผันใด ๆ เลย แต่กลับสามารถต้านทานการโจมตีของพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิได้”
ชิงอิ่งไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ว่าจะต้องพามู่เฉียนซีหนีจากอันตรายนี้ไปให้ได้
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ไม่ว่าจะโจมตีสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
“เข้าใจแล้ว บุรุษผู้นั้นเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดรบสำหรับต่อสู้ ไม่ใช่มนุษย์!”
หุ่นเชิดรบสำหรับต่อสู้ ทั้งเข้มแข็ง ทรหดอย่างไร้เทียมทาน และไร้ความเจ็บปวด ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
“ไล่ตามไปให้ทัน!”
พวกเขาไล่ตามอย่างสุดชีวิต ชิงอิ่งพามู่เฉียนซีหนีเข้าไปในป่าเฉียนอวิ๋นที่ทอดยาวไกลเป็นพันลี้นอกบริเวณหุบเขากระจกจันทรา
มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเสี่ยวหงและอู๋ตี้คอยกดดันอยู่ สัตว์วิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ จึงไม่กล้าเข้ามาโจมตีมู่เฉียนซี ทว่ากลิ่นอายแห่งจิตสังหารด้านหลังนั้นยังคงไล่ตามอยู่อย่างต่อเนื่อง
มู่เฉียนซีหยิบผลอัคคีเพลิงสวรรค์ออกมา การหลบหนีในครานี้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย ไม่แน่ว่าโอกาสหนีรอดก็คงจะมีมากขึ้นเช่นกัน
นางผู้มีพลังวิญญาณเป็นจอมภูตระดับเก้าในเวลานี้ เมื่อกินผลอัคคีเพลิงสวรรค์เข้าไป ก็จะสามารถทะลวงพลังวิญญาณไปเป็นปรมาจารย์ภูตได้
มู่เฉียนซีรีบกลืนผลอัคคีเพลิงสวรรค์เข้าไป พลังที่บ้าคลั่งรุนแรงพลันไหลผ่านเส้นลมปราณของนางไปทั่วทั้งร่างกาย
พลังวิญญาณจอมภูตระดับเก้าในร่างของนางรวมตัวเข้าด้วยกัน จากนั้นนางทะลวงพลังวิญญาณเป็นปรมาจารย์ภูตระดับหนึ่งได้สำเร็จ
ถึงแม้ว่านางจะทะลวงพลังวิญญาณเป็นปรมาจารย์ภูตระดับหนึ่งได้ ทว่าคู่ต่อสู้ของนางนั้นเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูต ถึงอย่างไรแล้วนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนกลุ่มนั้น
กระบี่มังกรเพลิงเริ่มทำงาน มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “หลงเหยียนพิฆาต!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เปลวไฟสีแดงพร้อมด้วยเข็มยานับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเหล่านั้น
ระเบิดพิษนับไม่ถ้วนพุ่งไป ทำให้พวกเขาตกอยู่ในคความโกลาหลไปในชั่วขณะ
“พิษ! มันมีพิษ!”
“เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริงที่กล้าเล่นพิษกับพวกข้า คิดว่ามันจะได้ผลเช่นนั้นรึ ?”
ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเหล่านั้นยิ้มเยาะ แต่ไม่นานนัก รอยยิ้มนั้นก็แข็งทื่อไปในพริบตา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชำนาญในเรื่องการปรุงยา พลังวิญญาณจะแข็งแกร่งถึงขั้นระดับจักรพรรดิ แต่ยาพิษนี้ของมู่เฉียนซีกลับทำร้ายพวกเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เซี่ยโจวเล็ก ๆ เพียงแค่นี้กลับมีคนใช้พิษเล่นงานพวกเขาได้ สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนกลายเป็นตะลึงลาน
“บัดซบ! เด็กหนุ่มบัดซบนี่ใช้พิษอะไรกันแน่ ?”
“เราดูถูกศัตรูมากเกินไป! จับตัวเด็กนั่นมาให้ได้”
มู่เฉียนซีรีบกล่าวว่า “ชิงอิ่ง ได้โอกาสแล้ว รีบไปกันเถอะ!”
หากคนอื่นรู้ว่ามู่เฉียนซีที่เพิ่งทะลวงพลังวิญญาณเป็นปรมาจารย์ภูตกล้าย่างเท้าเข้ามาในบึงหมื่นพิษนี้ ก็ต้องคิดว่านางเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เป็นแน่แท้
มู่เฉียนซียื่นเม็ดยาวิญญาณให้ชิงอิ่งอีกครั้ง ยาวิญญาณนี้มากกว่าครั้งก่อนมาก นางกล่าวว่า “ชิงอิ่ง เราหลบเข้าไปซ่อนในบึงหมื่นพิษนี้เถอะ เพียงอึดใจเดียวเราก็จะรอดจากพวกมันแล้ว”
ชิงอิ่งตอบรับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อืม! เฉียน” จากนั้นเขายัดยาวิญญาณจำนวนมากเข้าปากอีกครั้ง พลังอันแข็งแกร่งของเขาระเบิดออกมาในทันที
ยอดฝีมือพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิเหล่านั้นไล่ตามมา ทันได้เห็นว่าเงาร่างสีเขียวนั้นหายไปย่างรวดเร็ว
“บัดซบยิ่งนัก! เด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวในแคว้นเล็ก ๆ เช่นนั้นไปเอาหุ่นเชิดรบสำหรับต่อสู้ระดับสูงเช่นนั้นมาจากที่ใดกัน ? จะปล่อยให้หนีไปไม่ได้เด็ดขาด หากเจ้าหนุ่มนั่นเสาะหาความลับในม้วนไม้ไผ่โบราณเจอ มันต้องเป็นภัยคุกคามต่อพวกเราแน่!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ขณะที่พวกเขากำลังเข้าใกล้บึงหมื่นพิษ จู่ ๆ ร่างหลายร่างก็พรวดเข้ามาล้อมรอบมู่เฉียนซีเอาไว้
พวกเขาจ้องมองมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าหนุ่มน้อย ด้านหลังเจ้าเป็นบึงหมื่นพิษ เจ้าไร้ทางหนีแล้ว รีบส่งสิ่งนั้นมาให้ข้าเสียเถอะ แล้วจงส่งหุ่นเชิดรบสำหรับต่อสู้ผู้นั้นมาให้ข้าด้วย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
มู่เฉียนซีหยิบเอาม้วนไม้ไผ่นั้นออกมาพลางกล่าว “พวกเจ้าต้องการสิ่งนี้รึ ?”
“แผนที่หม้อเทพนิรันดร์อยู่กับเจ้าจริง ๆ”
พวกเขาไม่รู้ว่านอกจากม้วนไม่ไผ่นี้แล้ว มู่เฉียนซียังมีอีกอันที่อยู่กับนาง!
“ส่งมันมาประเดี๋ยวนี้!”
มู่เฉียนซีกำลังจะก้าวเท้าเดินไป กลับโดนชิงอิ่งห้ามเอาไว้
“เฉียน!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร…”
การแสดงออกของมู่เฉียนซีไม่แยแสต่อสิ่งใด ถึงแม้ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูที่มีพลังวิญญาณเป็นถึงระดับจักรพรรดิ แต่ดวงตาของนางก็ไม่มีร่องรอยความเกรงกลัวแม้แต่น้อย
นางถือม้วนไม้ไผ่นั้นเดินตรงไปที่เขา หนึ่งในนั้นยื่นมือมาจับม้วนไม้ไผ่ในมือนางพลางกล่าว “เอาม้วนไม่ไผ่มาให้ข้า ส่วนหุ่นเชิดรบนั่น เจ้าก็ส่งมาให้พวกข้าซะจะได้จบเรื่อง”
ทันใดนั้นเสียงของมู่เฉียนซีเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชา “ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะไม่ได้ม้วนไม้ไผ่นี้ ตัวของชิงอิ่งพวกเจ้าก็ไม่มีทางจะได้ไป”
ทันใดนั้นมือของบุรุษที่จับม้วนไม้ไผ่นั้นเริ่มกลายเป็นสีดำคล้ำช้ำโลหิต
สหายของเขาเห็นเช่นนี้รีบกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้า… รนหาที่ตายรึ ?!”
“โล่วิญญาณวารี!”
มู่เฉียนซีไม่มัวพูดพร่ำทำเพลง นางรวบรวมพลังธาตุวารีเข้าต้าน
แต่ถึงกระนั้น ภายใต้การโจมตีที่น่ากลัวของพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิทำให้กระดูกของนางแตกเป็นเสี่ยง ๆ นางได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส!
“พรวด!” มู่เฉียนซีกระอักเลือดคำโต ชิงอิ่งรีบเข้าไปพยุงร่างนางเอาไว้ในทันใด
“เฉียน… เฉียน!”
“เบา ๆ มือหน่อย หากเด็กหนุ่มผู้นี้ตายไป จะทำให้หุ่นเชิดรบเกรี้ยวโกรธเอาได้”
“ข้าก็เบามือมากแล้ว ถึงอย่างไรเจ้าหนุ่มนี่ก็ยังมีลมหายใจเหลืออยู่ไม่ใช่รึ ?”
จากนั้นไม่นานนัก พวกเขาก็พบความผิดปกติที่เกิดขึ้น บุรุษผู้ที่สื่อสารกับมู่เฉียนซีเมื่อครู่ ในตอนนี้นั้นมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเขา
“ศิษย์พี่รอง ท่านเป็นอะไรไป ?” สีหน้าของเขาตกใจเป็นอย่างมาก
เขาเหลือบมองมู่เฉียนซีด้วยความโกรธกรุ่นอย่างหนัก “เจ้า… เจ้ากล้าวางยาพิษพี่รองของข้ารึ ?!”
สีหน้าของมู่เฉียนซีในเวลานี้เผือดซีด ทว่าสายตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างมิอาจเปรียบได้
“พวกเจ้าต่างหากที่บังอาจ โดนพิษของข้าไปคราหนึ่งแล้วยังไม่รู้จักหลาบจำ ยังบังอาจกล้ามาแตะต้องของของข้าอีก”
.
Related