ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 334 ตนเองโง่จะตาย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ยาเม็ดและยาน้ำเหล่านี้ล้วนเป็นยาที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกมัน ท่านเข้าใจหรือไม่ ? ทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของสัตว์ด้วย”
เมื่อเห็นความน่าสงสารของเจ้าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ มู่เฉียนซีจึงเริ่มแจกของอร่อย ๆ ให้พวกมัน เหล่าสัตว์ตัวน้อยตัวอื่น ๆ ก็เริ่มมากันอย่างอยากรู้อยากเห็นและเกิดสงครามแย่งชิง ‘อาหาร’ กันขึ้น
เมื่อเจ้าตัวเล็กเหล่านี้ได้กินอาหารแล้ว ความสัมพันธ์อันดีของพวกมันกับมู่เฉียนซีก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ผ่านการทดสอบที่สามไปได้
สิ่งนี้ทําให้ปรมาจารย์ฝึกสัตว์รู้สึกงุนงงเล็กน้อย การทดสอบรอบที่ยากที่สุด… นางกลับผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างน่าโมโหเสียจริง!
ปรมาจารย์ฝึกสัตว์กล่าว “เจ้าผ่านการทดสอบสามรอบแล้ว ต่อไปเจ้าจะได้รับมรดกจากข้า”
มู่เฉียนซีตะลึงงัน “หมดแล้วรึ ? การทดสอบของท่านนั้นช่างง่ายดายนักโดยเฉพาะรอบสุดท้าย ไม่จําเป็นต้องสู้ก็ผ่านได้”
มุมปากของปรมาจารย์ฝึกสัตว์กระตุก การทำความสนิทสนมกับลูกสัตว์วิญญาณเป็นสิ่งที่ยากที่สุดแล้ว ยังจะบอกว่าง่ายอีกหรือ ?
คนทั่วไปบางคนอาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบกว่าปีถึงจะทําให้ลูกสัตว์วิญญาณเหล่านี้ใกล้ชิดได้ แม้ว่าลูกสัตว์วิญญาณจะตัวเล็กมาก แต่ความระแวดระวังต่อมนุษย์ของมันนั้นกลับมากเสียยิ่งกว่าสัตว์วิญญาณที่โตเต็มวัยเสียอีก การที่จะใกล้ชิดพวกมันได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ผู้ใดจะไปคิดเล่าว่าทุกตัวจะเข้ามากินสิ่งที่มู่เฉียนซีให้กันหมด พวกมันถูกยาเม็ดและยาน้ำของสาวน้อยผู้นี้ซื้อใจได้อย่างง่ายดาย
ช่างไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย!
ปรมาจารย์ผึกสัตว์ “ข้าบอกว่าหมดแล้วก็คือหมดแล้ว เจ้าไม่พอใจหรือ ?”
ไม่นานนัก ตำราฝึกสัตว์ก็ถูกส่งมอบให้แก่มู่เฉียนซี มู่เฉียนนั่งอยู่ที่ด้านข้าง นางเริ่มที่จะซึมซับวิธีการฝึกสัตว์เข้าสมอง มันช่างมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
ดวงตาของมู่เฉียนซีเป็นประกาย “ท่านผู้อาวุโส และยังมีแหวนวงนั้นที่สามารถบรรจุสัตว์วิญญาณที่มีชีวิตได้”
มุมปากของปรมาจารย์ฝึกสัตว์กระตุก “อืม… นั่นคือแหวานสัตว์พันวิญญาณ”
แหวนสีดําวงหนึ่งลอยมาอยู่กลางอากาศ ปรมาจารย์ฝึกสัตว์กล่าว “นี่เป็นอาวุธที่ใกล้เคียงอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ของมหาวัตถุศักดิ์สิทธ์มากที่สุด คิดอยากจะเป็นเจ้าของมันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น เจ้าเองก็พยายามให้มากเถอะ! หากไม่สามารถทำให้มันยอมรับได้ ข้าเกรงว่า…”
ปรมาจารย์ฝึกสัตว์กล่าวยังไม่ทันจบคำ แหวนมังกรเทพวารีในมือของมู่เฉียนซีก็พุ่งออกมา มันมีสิ่งที่ดูราวกับเส้นไหมนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาพันรัดแหวนสัตว์พันวิญญาณไว้
แหวนสัตว์พันวิญญาณรู้สึกได้ถึงอันตราย มันเริ่มดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ในที่สุดมันก็ถูกลากเข้าไปในแหวนมังกรเทพวารี จากนั้นแหวนมังกรเทพวารีก็กลืนกินพลังของแหวนสัตว์พันวิญญาณ
แหวนสัตว์พันวิญญาณที่ดิ้นรนอยู่ในตอนแรก สุดท้ายก็ทําได้เพียงยอมรับชะตากรรม
นี่เป็นแหวนนิรันดร์—แหวนมังกรเทพวารี! ไม่ว่าแหวนสัตว์พันวิญญาณจะต่อต้านอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
เดิมทีปรมาจารย์ฝึกสัตว์อยากจะเห็นมู่เฉียนซีที่อยากได้แหวนสัตว์พันวิญญาณนี้ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแหวนวงนั้นในมือนางจะทรงพลังขึ้นมา ไม่พอยังบีบบังคับนำเอาแหวนสัตว์พันวิญญาณนั่นไป
“นั่น…”
ปรมาจารย์ฝึกสัตว์มีปฏิกิริยาไวต่อแหวนสัตว์พันวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแหวนสัตว์พันวิญญาณ
เขาเอ่ยถาม “มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“มันน่าจะเป็นเพราะแหวนทั้งสองมีพลังพอกันจึงเข้ากันไม่ได้ แหวนมังกรเทพวารีไม่ชอบให้ข้าใช้แหวนวงอื่น ดังนั้นข้าจึงยืมพลังของแหวนสัตว์พันวิญญาณมาใช้ วางใจเถอะว่าข้าจะไม่ทำให้แหวนสัตว์พันวิญญาณต้องเสียหาย”
ใบหน้าของปรมาจารย์ฝึกสัตว์เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดําที่ปูดนูนขึ้นมา เด็กผู้นี้วิปริตอย่างแท้จริง เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งของที่ติดตัวเด็กผู้นี้จะวิปริตได้ถึงเพียงนั้น บอกว่ายืมแต่มันก็คือบังคับยืมไปชัด ๆ! คงไม่ต้องให้ทำพันธสัญญายอมรับการเป็นนายท่านแล้วกระมัง
ใบหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เวลานี้แหวนมังกรเทพวารี นอกจากจะทําให้นางมีพลังวิญญาณธาตุวารีและวิชาวิญญาณธาตุวารีแล้ว มันยังมีความสามารถในการบรรจุสัตว์วิญญาณอีกด้วย
แหวนสัตว์พันวิญญาณสามารถบรรจุสัตว์วิญญาณได้หนึ่งพันตัว แต่หลังจากที่แหวนมังกรเทพวารีอันทรงพลังยืมพลังของมันไป จึงทำให้ความสามารถเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหลายขั้น แทนที่จะบรรจุสัตว์วิญญาณได้หนึ่งพันตัว กลับสามารถบรรจุได้ถึงสามพันตัว
จํานวนนี้… น่ากลัวอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่มอบของดี ๆ เช่นนี้ให้ข้า ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ ?”
ราชาหมื่นพิษสั่งให้นางทําลายหุบเขาหมอเทวดา ไม่รู้ว่าคนผู้นี้มีอะไรจะฝากฝังหรือไม่
“ถึงแม้ว่าข้าจะมีศัตรู แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่จําเป็นต้องให้เด็กน้อยอย่างเจ้ามาแบกรับไว้ ใช้วิธีฝึกสัตว์ของข้าให้ดี และจงเผยแพร่วิธีการฝึกสัตว์ของข้าให้ยิ่งใหญ่ขจรไกล ข้านั้นก็พอใจเป็นอย่างมากแล้ว”
มู่เฉียนซีพยักหน้า กล่าวว่า “ข้าจะทํามันให้ได้อย่างแน่นอน”
อุปนิสัยของปรมาจารย์ฝึกสัตว์นั้นดีกว่าราชาหมื่นพิษมากนัก
นอกจากนี้คนของหุบเขาหมอเทวดาก็ช่างไร้ยางอายเกินไป แม้ว่านางจะไม่ได้รับคำสั่งจากราชาหมื่นพิษ แต่เดิมทีนางและหุบเขาหมอเทวดาก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้อยู่แล้ว
ถึงอย่างไรนางก็อยากได้หม้อเทพนิรันดร์มาครอง การปะทะกับหุบเขาหมอเทวดาย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปรมาจารย์ฝึกสัตว์กล่าวขึ้นว่า “เจ้าเป็นผู้ฝึกสัตว์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่ข้าเคยพบเห็นมา ข้าเชื่อว่าเจ้าทําได้ ข้าจะส่งเจ้าออกไป ภารกิจของข้าก็ควรจบสิ้นลงแล้ว”
สิ้นคำกล่าว แสงสีขาวส่งมู่เฉียนซีกลับไปที่ทางเข้า
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวกับอู๋ตี้และเสี่ยวหงว่า “มันง่ายกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ต่อไปก็ออกไปจัดการคนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นกันเถอะ”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้รีบกล่าวขึ้น “เฮ้! เฮ้! ข้าทนมายาวนานแล้ว ถึงเวลาที่จะเก็บกวาดพวกเขาเสียที”
เวลานี้อู๋ตี้และเสี่ยวหงได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์วิญญาณระดับสามแล้ว พวกเขาไม่กลัวจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงอีกต่อไป พวกเขาต้องจัดการกับพวกมันให้ได้
มู่เฉียนซีพบกลไกที่จะเปิดประตูและออกไปได้แล้ว อีกทั้งเวลานี้นกอินทรีหัวสิงห์ที่โจมตีพวกเขาในตอนแรกก็ได้จากไปแล้ว แต่นางกลับเห็นคนผู้หนึ่งกำลังปีนลงมาโดยพยุงร่างไว้กับสิ่งที่ดูเหมือนเชือกเส้นหนึ่ง
เขาเห็นมู่เฉียนซีตอนที่เขากำลังไต่ลงมาพอดี ทันใดนั้นเขากล่าวอย่างตระหนกตกใจ “เจ้าหนุ่ม เจ้ายังไม่ตาย!”
“ส่วนเจ้าหนุ่มนั่นยังไม่ตาย ข้าจะจับเขาไว้หรือฆ่าค้นตัวดี”
สภาพเขาในเวลานี้ราวกับถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ปากก็ถามศิษย์พี่ของตัวเองเช่นนี้ราวกับว่าการฆ่ามู่เฉียนซีเป็นเรื่องง่าย ๆ
ช่างกล้านัก!
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ย “เหอะ! คิดที่จะฆ่าข้า ไร้เดียงสาจริง ๆ”
มู่เฉียนซีปรบมือ กล่าวว่า “เสี่ยวหง จงเผาเชือกเส้นนั้นเสีย”
ไม่นานเปลวเพลิงก็พุ่งเข้าใส่เชือกเส้นนั้น สีหน้าของคนผู้นั้นแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที!
“ช้าก่อน สารเลวเอ๊ย! เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้ารึ ?!”
— ตูม! ตูม! —
เขารวบรวมพลังระดับจักรพรรดิโจมตีมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง ทว่ามู่เฉียนซีรีบเปิดประตูเข้าไปหลบในห้องหินที่นางเพิ่งออกมาและปล่อยให้เขาผู้นั้นค่อย ๆ ดิ้นรนอย่างช้า ๆ นางไม่ต้องการจะสนใจคนเช่นนี้
เขาตะโกนว่า “อ๊าก! ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าช่วยข้าเร็ว! …ข้าเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาแห่งสํานักนิกายระดับสอง เจ้า… เจ้า…”
มู่เฉียนซีเปิดประตูและเห็นว่าเชือกอ่อนสีทองนั่นขาดไปอย่างสมบูรณ์ ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาตกลงไปอย่างฉับพลัน
แม้ว่าเขาจะใช้พลังระดับจักรพรรดิเพื่อปกป้องร่างกายและชีวิตไว้ก็ไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่จู่ ๆ ก็เข้ามารุมล้อม
เขาตะโกน “อ๊าก! ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย”
“ศิษย์พี่ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย อ๊ากกกกก!”
ศิษย์พี่สามของเขาในเวลานี้ยังไม่กล้าลงมา จะไปสนใจความเป็นความตายของศิษย์ธรรมดาทั่วไปผู้หนึ่งทำไมกัน ?
มู่เฉียนซีมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าผ่านรูประตู นางกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า… “เสี่ยวหง อู๋ตี้ เราไปกันเถอะ”
นางใช้ยากัดกร่อนหินผาเพื่อทำเป็นขั้น ๆ สำหรับปีน ก่อนจะปีนขึ้นไปบนหน้าผาด้วยร่างกายที่แข็งแรงของนาง
.
Related