ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 353 ขู่ฆ่าตัวตาย
เชียนอ้าวเซี่ยพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “เร็ว ๆ นี้แหละท่านจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ การจะมีทายาทนั้น ขอเพียงข้าพยายามอีกสักหน่อยก็มีได้แล้ว”
สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ เมื่อได้ยินสองบุคคลนี้สนทนากัน นางก็พอจะรู้อะไรบางอย่างแล้ว เจ้าลามกเซี่ยผู้นี้เป็นลูกหลานของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถดึงกระบี่ยาวสีขาวหิมะออกมาเพื่อช่วยนางเอาไว้ได้
การที่จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้มีเจ้าลามกเซี่ยผู้นี้เป็นบุตรหลานนั้นช่างโชคร้ายและน่ากลัวมากนัก
“เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดหลอกลวงข้า เจ้าคิดว่าคนอย่างทายาทของจักรพรรดิแห่งสงครามขวางอวิ๋นผู้นี้จะยอมมีทายาทกับเจ้ารึ ? ดู ๆ แล้วคงต้องให้ข้าลงมือ ทำให้นางยอมเป็นของเจ้าแต่โดยดีข้าจึงจะวางใจ” จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวกับเชียนอ้าวเซี่ยโดยตรง
บุตรหลานโง่เง่าผู้นี้ของเขายอมเสียเลือดเพื่อทำลายค่ายกลกระบี่จะได้ช่วยชีวิตนาง แต่นางผู้นี้กลับไม่มีความจริงใจต่อเขาแม้แต่น้อยเลย ทันใดนั้นเขาใช้พลังจิตเพื่อที่จะควบคุมมู่เฉียนซี เชียนอ้าวเซี่ยเห็นเช่นนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไป
“เหล่าจู่ ท่านคิดจะทำการใด ? หยุดประเดี๋ยวนี้เลย!” เชียนอ้าวเซี่ยตะเบ็งเสียงอย่างร้อนรน
“ข้าจะทำให้นางรักเจ้าอย่างสุดหัวใจอย่างไรเล่า หรือว่าเจ้าจะโง่งมไม่ต้องการความช่วยเหลือนี้จากข้า”
“ข้าไม่ต้องการ!” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
เหล่าจู่ของเขากระทำเช่นนี้ เชียนอ้าวเซี่ยไม่ดีใจด้วยเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปเห็นม่านตาของมู่เฉียนซีเริ่มขยายใหญ่ขึ้น …หากให้เสี่ยวซีซีถูกควบคุมพลังจิตให้รักเขาชอบเขา เขาก็มีความสุขไม่ลงจริง ๆ เพราะนั่นไม่ใช่ความรู้สึกจริง ๆ จากใจของนาง
เชียนอ้าวเซี่ยผงะไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกจริง ๆ จากใจของนางรึ ? แล้วอย่างไหนจึงจะเรียกว่าความรู้สึกจริง ๆ จากใจของนางกันเล่า ? เวลานี้จิตใจของเขาสับสนไปหมดแล้ว
ชีวิตก็เหมือนดั่งละคร ละครก็เหมือนดั่งชีวิต ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใด เขาเสแสร้งหลอกลวงนางมาโดยตลอด ไม่นึกเลยว่าจิตใจลึก ๆ ของเขาจะยังคงโหยหาความรักที่แท้จริงจากนาง
เชียนอ้าวเซี่ยกำกระบี่เอาไว้แน่นและยกขึ้นมาจี้คอตนเอง “เหล่าจู่ หยุดเดี๋ยวนี้ หากท่านจะควบคุมจิตใจของเสี่ยวซีซี ข้าจะปาดคอฆ่าตัวตายเสียให้สิ้น หากข้าตายไป ตระกูลก็ไร้บุตรหลานเอาไว้สืบสกุล”
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ “เจ้าโง่! ข้าไม่มีวันเชื่อหรอกว่าเจ้าจะกล้าฆ่าตัวตายจริง ๆ เจ้าอย่าโง่เง่าให้มันมากนัก”
“เช่นนั้นข้าก็จะตายให้ท่านดู!”
— แกร๊ง! —
เสียงกระบี่ดังขึ้น เปลวเพลิงสีแดงเข้มสว่างวาบไปกระทบกับกระบี่ที่จี้คอเชียนอ้าวเซี่ยอยู่จนกระบี่กระเด็นลอยออกไป …คนที่ลงมือคือมู่เฉียนซี!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าโง่! หากเจ้าอยากจะตายก็ไปหาที่ตายที่อื่น อย่ามาตายต่อหน้าข้า”
“เสี่ยวซีซี… วิเศษยิ่งนัก เจ้าไม่ได้เป็นอะไร” เชียนอ้าวเซี่ยตื่นเต้นอย่างมาก
“เจ้า… นี่เจ้า…” จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ตกใจราวกับเห็นภูตผี
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ข้าควบคุมเจ้าไม่ได้งั้นรึ ?” เขามั่นใจอย่างมากว่าต่อให้พลังจิตที่เหลืออยู่ของเขาจะเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่เขาก็จะสามารถควบคุมนางได้ ทว่านี่เป็นเพราะเหตุใดกันเขาถึงควบคุมนางไม่ได้ ?
“สตรีอายุน้อยผู้นี้ เจ้าไม่ปกติเสียแล้ว…”
สีหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยหม่นคล้ำ “เหล่าจู่ ท่านต่างหากที่ไม่ปกติ พลังของท่านไม่เพียงพอเองก็อย่าหากล่าวโทษเสี่ยวซีซีเลย…”
“ไม่… จิตวิญญาณของนาง… นาง…”
ทันใดนั้นกระบี่มังกรเพลิงก็พุ่งออกจากมือของมู่เฉียนซี มังกรเพลิงสีแดงเข้มขังจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้เอาไว้
— วิ๊ง! วิ๊ง! วิ๊ง! —
ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเตือนอะไรบางอย่าง มันกำลังใช้อำนาจคุกคามบางสิ่งอยู่หรือ ?
สีหน้าของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้เผือดซีด เขาทำได้เพียงกลืนคำกล่าวที่เขาตั้งใจจะกล่าวเอาไว้ ไม่กล้ากล่าวออกมา
เชียนอ้าวเซี่ย “เหล่าจู่ กว่าเราทั้งสองจะเข้ามาที่สุสานของท่านได้นั้นมันไม่ง่ายเลย สุสานของท่านน่าจะมีสมบัติล้ำค่ามากมายซุกซ่อนอยู่ เราสองคนสามารถเอาไปได้ทั้งหมดเลยหรือไม่ ?”
เพราะเขาเป็นเหล่าจู่ของตนเอง เชียนอ้าวเซี่ยจึงไม่มีความเกรงใจแต่อย่างใด
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้อยากจะฆ่าเจ้าหมอนี่ทิ้งเสียจริง ๆ “ในสุสานข้าไม่ได้มีสมบัติล้ำค่าอะไรทั้งนั้น มีก็แต่กระบี่วิญญาณน้ำแข็งเท่านั้น”
“เฮ้อ! เหล่าจู่ ท่านช่างอับจนเสียจริง”
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ “สุสานของข้าอยู่ที่นี่ แต่มรดกตกทอดของข้าอยู่ในโบราณสถานที่เฉียนเซี่ย”
จี้หยกสองอันลอยอยู่กลางอากาศ มันลอยมาตรงหน้าของพวกเขา
“หากโบราณสถานเปิด พวกเจ้าก็นำป้ายหยกนี้ไปสืบทอดพระราชวัง เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะได้รับมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับโชคดวงของพวกเจ้าแล้ว”
เดิมทีแล้วมีจี้หยกเพียงแค่อันเดียว แต่เนื่องจากสถานะที่พิเศษของแม่นางผู้นี้ จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้จึงต้องนำจี้หยกออกมาสองอัน
มู่เฉียนซีรับจี้หยกที่เย็นยะเยือกนั้นมา “โบราณสถานเฉียนเซี่ย ?” นางถามทวน
เชียนอ้าวเซี่ย “โบราณสถานเฉียนเซี่ยเป็นโบราณสถานของราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ย มีประวัติยาวนานกว่าแคว้นเฉียนเซี่ยเสียอีก แม้กระทั่งเหล่าจู่ก็ยังไม่รู้ว่ามันมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากที่เหล่าจู่ค้นพบ ท่านก็ได้ปิดผนึกเอาไว้ให้กับราชวงศ์ของแคว้นเฉียนเซี่ยเพื่อให้ลูกหลานคนรุ่นหลังได้นำมาฝึกฝน”
หลังจากที่ได้จี้หยกนี้มาแล้ว เชียนอ้าวเซี่ยก็ยังไม่พอใจ เขากล่าวถามขึ้นว่า “เหล่าจู่ แล้วมีของล้ำค่าใดที่สามารถทำให้ข้าเป็นยอดฝีมือระดับสูงภายในชั่วพริบตาได้บ้าง ?”
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ “เจ้าเป็นผู้ที่ไม่มีพลังวิญญาณมาแต่กำเนิด มอบของล้ำค่าให้แก่เจ้า เจ้าคิดว่าจะใช้ประโยชน์ได้รึ ? สิ้นเปลืองเปล่า ๆ ปลี้ ๆ”
“ว่าแต่สาวน้อย… ข้าจะมอบหินวิญญาณหิมะให้กับเจ้าสองก้อน มันสามารถเพิ่มพลังวิญญาณให้เจ้าได้”
ทันใดนั้นหินวิญญาณหิมะตกลงตรงหน้าของมู่เฉียนซี
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้น “เหล่าจู่ ท่านให้ข้าเล่นสักสองสามก้อนด้วยสิ หินวิญญาณหิมะนี้ช่างงดงามยิ่งนัก”
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ การที่เจ้าอยากได้ก็เพียงเพราะอยากจะเอาให้กับนางเยอะ ๆ หากเป็นพลังวิญญาณขั้นปรมาจารย์ภูตก็จะเห็นผลได้ดี แต่หากพลังวิญญาณถึงขั้นราชาแห่งภูตแล้วละก็ การใช้หินวิญญาณหิมะนี้ก็ไม่ค่อยจะได้ผลมากนัก ต่อให้ข้ามอบให้นางหมื่นก้อน ผลก็ไม่ต่างกัน”
มู่เฉียนซีมองจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้พลางกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมาก”
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวพลางทอดถอนใจ “ไม่รู้ว่าตระกูลเชียนของข้าได้ก่อกรรมทำชั่วอะไรไว้ เมื่อลูกหลานถึงรุ่นนี้ถึงได้เกิดมาไร้ซึ่งพลังวิญญาณ มาวันนี้ต้องขอความกรุณาจากเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะช่วยดูแลเขา อย่าให้ตระกูลเชียนของข้าไร้ผู้สืบสกุลเลย”
“อย่างอื่นข้าไม่ขอรับปาก แต่ตราบใดที่เขาอยู่ในสายตาข้า ข้าไม่ปล่อยให้เขาตายแน่”
หากเจ้าคนน่ารำคาญผู้นี้เกิดชอบบุรุษขึ้นมา ตระกูลเชียนของพวกเขาต้องไร้ผู้สืบสกุลเป็นแน่แท้ ถึงตอนนั้นแล้วนางก็ไม่อาจทำอะไรได้
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวแนะนำ “ที่นี่เป็นที่ที่ดูดซับหินวิญญาณหิมะนี้ได้ดีที่สุด เจ้ารีบลงมือเถอะ”
มู่เฉียนซีพยักหน้า
ในหินวิญญาณหิมะนี้มีพลังจิตซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก และมู่เฉียนซีผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งอย่างก็ดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นไม่นานนัก นางก็ทะลวงพลังวิญญาณเลื่อนขั้นอย่างน่าสะพรึงกลัว
ปรมาจารย์ภูตระดับเจ็ด!
ปรมาจารย์ภูตระดับแปด!
ปรมาจารย์ภูตระดับเก้า ระดับสูงสุด!
ก่อนที่จะเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นราชาแห่งภูต การทะลวงพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีในครั้งนี้ก็ได้หยุดลง มู่เฉียนซีลืมตาขึ้นด้วยพลังความแข็งแกร่งที่เปี่ยมล้น นางทะลวงพลังครั้งใหญ่จนเกือบจะถึงขั้นราชาแห่งภูตแล้ว
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ “เสี่ยวซีซียอดเยี่ยมไปเลย อีกไม่นานเจ้าก็คงจะแข็งแกร่งกว่าเหล่าจู่ ต่อไปเวลาข้าไปไหนมาไหนในเซี่ยโจวคงไม่มีใครกล้ามารังแกข้าได้อีก”
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวเสียงดุเล็กน้อย “เจ้าไม่นึกถึงหนทางข้างหน้าของเจ้าเองบ้างเลยรึ ?!”
เมื่อครั้งอดีต เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่สุดในเซี่ยโจว ไม่อยากยอมรับเลยว่าเขาจะมีลูกหลานที่อ่อนแออย่างไร้ที่เปรียบถึงเพียงนี้
เชียนอ้าวเซี่ย “นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญและไม่ใช่เป้าหมายของข้า เป้าหมายที่แท้จริงของข้าไม่ใช่ว่าเป็นการมีทายาทมีลูกมีหลานให้ท่านรึ ?” เขาดึงมู่เฉียนซีพลางกล่าวต่อ “เสี่ยวซีซี หากเรามีทายาทด้วยกัน ทายาทของเราจะต้องเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในใต้หล้านี้แน่นอน”
.
.
.
Related