ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 427 มารในใจอ่อนแอนัก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! เตียงของหมอปีศาจ ใครจะกล้าปีนขึ้นไป
ไม่โดนพิษทำให้ตายอย่างไม่เหลือร่างก็แปลกแล้ว ทุกวันนี้คนละโมบโลภมากมีไม่น้อย แต่กลับไม่มีผู้ใดที่มีความกล้านั้น
มู่เฉียนซีจับที่เส้นผมของตนเองและพึมพำกับตัวเอง หรือว่ามีแรงกดดันจากการทำงานมากไป จึงทำให้นางเห็นภาพหลอนขึ้นมา
อาการของมู่เฉียนซีเหมือนฝันเข้าไปทุกที จากนั้นนางก็หลับไปอีกครั้ง
ภาพของใบหน้าแต่ละใบหน้าวาบขึ้นมาในหัวของนางราวกับฉายภาพยนตร์
ชายในชุดคลุมสีขาวผู้ที่อ่อนโยนนุ่มนวล เป็นหนุ่มน้อยสง่างาม ราวกับเฟิงชิงเฟิงซีอวี่ที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวเรียวยาวราวจันทร์เสี้ยว…
แล้วยังมีหุ่นเชิดที่หน้าตางดงามสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ไหนจะบุรุษสุนัขจิ้งจอกเสื้อแขนสั้น…
— กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! —
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีนั้นยังอยากจะดูต่อไปอีก แต่ก็ได้ถูกเสียงโทรศัพท์ที่ลอยมาช่วงหนึ่งปลุกให้ตื่น มู่เฉียนซีรับโทรศัพท์และตนเองก็เหม่อคิดต่อไป
นางนั้นจนปัญญา คิดว่าหรือว่าตนเองเป็นสุนัขโสดมายี่สิบกว่าปีแล้ว เลยคิดอยากที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นแล้วทำไมถึงได้ฝันถึงผู้ชายมากมายเช่นนั้น
นอกจากนั้นแล้ว รูปลักษณ์ของพวกเขาล้วนไม่ธรรมดา พวกเขาไม่เหมือนคนที่อยู่บนโลกนี้เลยแม้แต่น้อย
“หมอปีศาจ…”
“หมอปีศาจ…”
มู่เฉียนซีรับโทรศัพท์แต่กลับไม่ได้พูดอะไร จึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามร้อนใจแทบตาย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตะโกนเข้าไปสิ!”
“หมอปีศาจ กระผมสิ้นเปลืองแรงวัวเก้าตัวสองเสือไป เพื่อพี่จะรักษาลมหายใจของคนไข้ผู้นี้เอาไว้ ต่อจากนี้ก็ต้องรอให้คุณออกโรงแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ฉันไม่สน!”
“แต่ว่าครอบครัวของคนไข้ออกเงินถึงสิบล้านเหรียญสหรัฐเลยนะ”
“ฉันจะวางสายแล้ว!”
“เดี๋ยวก่อน พวกเขายังมียาสมุนไพรพันปีอยู่ชนิดหนึ่ง”
คนในวงการนี้นั้นรู้กันดี หมอปีศาจไม่อยากที่จะช่วยคน ไม่ว่าจะให้ราคาสูงเท่าไรก็ตาม เธอก็ไม่ช่วย อย่างไรเสียผู้ที่มีฝีมือทางการแพทย์สูงมากอย่างที่เธอเป็น จะขาดเงินทองได้อย่างไรกัน
แต่ว่าถ้าหากมอบสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าให้ แล้วอายุของมันยังมากอีกด้วย หมอปีศาจก็จะสนใจขึ้นมา
“ปลอกหมอนราคาสิบล้าน สมุนไพรพันปีชิ้นหนึ่ง เป็นอันตกลง”
นี่เป็นการฉวยโอกาสปล้นกันอย่างแน่นอน แต่สภาพของผู้ป่วยผู้นั้น มีเพียงหมอปีศาจเท่านั้นที่มีวิธีรักษา
เขากล่าวกลับมาเช่นกัน “ตกลง!”
มู่เฉียนซีได้มาถึงสถานที่พักฟื้นของผู้ป่วย และก็ได้เห็นผู้เฒ่าชราที่เหลือลมหายใจเพียงเฮือกหนึ่ง
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้เตรียมเข็มฉีดยาเอาไว้เรียบร้อยแล้วจึงคิดที่จะฉีดยาลงไป เมื่อเข็มยาเข็มนั้นกำลังจะทิ่มลงไปที่หัวใจของผู้ป่วย มู่เฉียนซีก็หยุดชะงักก่อนจะพูดเสียงต่ำ “ไม่ถูกต้อง ฉันยังมีผู้ป่วยที่ยากจะหลีกหนีได้อยู่”
“หมอปีศาจ ทำไมคนไข้ถึงทำให้คุณรู้สึกว่ายากที่จะหลีกหนีได้ นั่นเป็นไปไม่ได้มั้ง ? ถ้าหากว่าคุณยังคิดว่ายากที่จะรักษา ก็ใช้พิษทำให้ตายเสียก็ได้แล้วนี่”
“หมอปีศาจ คุณช่วยคนก่อนเถอะ มิสเตอร์เจ็ดจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขานั้นเป็น…”
“โรคแปลกประหลาด!”
“โดนคําสาป!”
เหมือนกับว่ามู่เฉียนซีจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขากล่าว เธอกำลังนึกย้อนความจำ …ฉากต่อไปปรากฏขึ้นในหัวของเธอ มันคือภาพของชายที่เหมือนกับเทพมารชิวหลัวก็มิปาน
คำสาปส่งผลในครั้งนั้น ก่อนหน้าเหตุเกิดฉุกเฉิน เธอกลับได้เอาเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปที่ด้านหลังของเขา ปรากฏว่า…
ปรากฏว่าเธอได้พบกับสิ่งที่น่าเกลียดที่สุดทั้งในชาตินี้และอดีตชาติ นั่นก็คือการโดนตีเข้าที่ก้น
เพราะความอยากรู้ในอาการป่วยของเขา แล้วก็รับผลประโยชน์จากเขาไปมิน้อย นางจึงได้กลายเป็นของเขาไปตลอดชีวิต แล้วเขาก็ยิ่งหนักข้อเข้าทุกที อยากที่จะหลีกหนี จนถึงขนาด…
ดวงตาของมู่เฉียนซีเบิกกว้าง มันไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน ไม่ใช่อย่างแน่นอน…
ชื่อของเขาชื่อว่า… ชื่อว่า…
จิ่วเยี่ย!
หวงจิ่วเยี่ย!
มู่เฉียนซีนึกถึงชื่อนี้ขึ้นมาโดยสมบูรณ์ นึกทุกสิ่งอย่างขึ้นมาได้ ขณะเดียวกันรอบข้างในเวลานี้นั้นมีเสียงดังกรอบแกรบขึ้นมา
ความฝันที่เสมือนจริงอย่างที่สุดนี้ ได้ถูกทำลายลง!
ในแดนแห่งความฝันนี้ มันช่างฉลาดที่จะเล่นงานคนได้มากกว่าภาพลวงตาระดับสามเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ที่ตกเข้าไปอยู่ในนั้น เหมือนดั่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจริงทั้งหมด ทำให้ไม่ได้ระแวดระวังตรวจสอบ
มู่เฉียนซีลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองนั้นอยู่ในชั้นที่หกของเจดีย์เทพหนานอู้
สิ่งที่ได้เกิดขึ้นในโลกที่นางมาถึงทั้งหมด มันไม่ใช่ความฝัน!
ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง ท่านอาเล็ก เยวี่ยเจ๋อ ชิงอวิ๋น จวินโม่ซีผู้ตะกละ ชิงอิ่ง น่าหลานอวี้…
และจิ่วเยี่ย!
ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเรื่องจริง นางมีญาติ มีมิตรสหาย แล้วก็ยังมีบุรุษที่นางมีความสนใจในตัวเขาอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ที่ชั้นหกนี้ ยังมีการทดสอบอีกหรือไม่ ?”
“นี่มันช่างวิปริตเสียจริง! หลังจากที่เจ้าเข้าไปในความฝันแล้ว ทั้งหมดนั้นจะเสมือนเป็นเรื่องจริง เจ้าจะหลับใหลอยู่ภายในนั้นและออกมาได้ยากมาก แต่เจ้า… เจ้ากลับใช้เวลาที่น้อยเช่นนี้ออกมาได้ เจ้ามันวิปริตผิดมนุษย์เป็นอย่างมาก”
“แต่ข้านั้นยินดีด้วย เจ้าได้ทำลายสถิติอีกแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ทำลายสถิตินั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าสรุปแล้วข้าสามารถไปที่ชั้นที่เจ็ดได้หรือไม่ ? ดอกบัวกำเนิดเก้าวิญญาณกำลังรอข้าอยู่”
“เจ้ารีบร้อนอะไร ? ถึงต่อให้ไปที่ชั้นที่เจ็ดแล้ว เจ้าก็จะต้องผ่านการทดสอบถึงจะได้ดอกบัวนั่นไป การทดสอบที่ชั้นสูงสุดนั่น เจ้าคิดว่าเจ้าจะผ่านมันไปได้ง่าย ๆ หรือ ?”
“ถึงกระนั้นข้าก็อยากจะขึ้นไปให้เร็วที่สุด”
“เจ้าควรรับรางวัลของระดับนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
รางวัลสำหรับชั้นที่หกนั้นง่ายมาก นั่นคือการเพิ่มพลังความแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งระดับ
— ปัง! —
นางที่เป็นราชาแห่งภูตระดับสี่ ได้ก้าวผ่านกลายเป็นระดับห้าอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องมีความใจจดใจจ่อหรือต้องตั้งสมาธิอะไรเลยแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ ส่งข้าไปชั้นต่อไป”
ขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะไปที่ชั้นที่เจ็ดซึ่งเป็นชั้นบนสุด จักรพรรดิเซี่ยก็ได้ก้าวเข้ามาในแดนแห่งความฝัน
มู่เฉียนซีนั้นหลุดพ้นออกมาแล้ว แต่เขายังคงหลับใหลอยู่ในชั้นที่หก ราวกับว่าจะไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกตลอดไป
เครื่องจักรกลไกถอนหายใจ “เฮ้อ… เป็นผู้มีพรสวรรค์อีกคนที่จะต้องมาอยู่เช่นนี้อีกแล้ว อย่างไรเสียผู้ที่เก่งกาจที่สุดก็ยังคงเป็นสาวน้อยผู้นั้น การตัดสินนางด้วยกฎนั้นต้องมีการผิดพลาดอย่างแน่นอน นางจะเป็นระดับเทพ(圣级)ไม่ได้
เครื่องจักรกลไกนั้นรักผู้มีพรสวรรค์ แต่ทว่าในเจดีย์เทพหนานอู้แห่งนี้มีกฎ ถึงแม้มันจะไม่อยากให้จักรพรรดิเซี่ยตาย แต่มันก็ไม่อาจออกมือช่วยเขาได้
เครื่องจักรกลไกกล่าว “เจ้าคนผู้นี้อยากที่จะมีชีวิตต่อไป ก็มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง แต่มันริบหรี่มาก”
…
ณ ที่ชั้นที่เจ็ด การทดสอบคือการทดสอบมารในจิตใจคน
มู่เฉียนซีกําลังศึกษาการปรุงยาอยู่ สิ่งดั่งเช่นมารในใจนั้นไม่มีความสำคัญอะไรกับนาง แต่เมื่อหลังจากที่คนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น มารในใจที่ซ่อนอยู่ก็ได้ปรากฏตัวออกมา
ที่เบื้องหน้าของนางปรากฏกระจกเงาขึ้น ในกระจกเงานั้นปรากฏใบหน้าที่เหมือนกันอย่างไม่มีผิดกับนางขึ้นมา
แต่ทว่าใบหน้าในกระจกนั้นร้องไห้ดั่งปอดฉีกหัวใจสลาย “ฮือ! เจ้าคนขี้ขโมย เจ้าแย่งร่างกายของข้า แย่งสถานะตัวตนของข้า แย่งเอาทุกสิ่งอย่างไปจากข้า แม้แต่ญาติของข้าเจ้าก็แย่งเอาไป”
“นั่นคือท่านอาเล็กของข้า ข้าคือมู่เฉียนซีตัวจริง เจ้าเป็นเพียงผู้ที่บุกรุกเข้ามาถือครองกายข้าเท่านั้น”
มารหัวใจที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของนางถูกขุดขึ้นมา แต่ใบหน้าของมู่เฉียนซีก็ยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม
“ในใจของเจ้าไม่มีความรู้สึกผิดเลยหรืออย่างไร ?”
ความรู้สึกของคนในครอบครัว ความรักจากท่านอาเล็ก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนางใช้ร่างนี้แล้วได้มันมาหรือ ?
ไม่ใช่! ระหว่างนางและท่านอาเล็กนั้น เป็นการยอมรับมาจากจิตวิญญาณ ไม่ใช่เพราะร่างกายร่างหนึ่งอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นท่านอาเล็กรู้เรื่องใดที่แจ่มชัดกันแน่ ? แต่เขาไม่พูด การมาของนางนั้นมันจะต้องไม่ง่ายดายเช่นนั้น
แต่เพราะว่านางไม่รู้เรื่องทั้งหมด เมื่อยึดร่างแล้วก็คือยึดเลย การที่จะเหลือมารในใจน้อย ๆ เช่นนี้ไว้ไม่แปลกอะไร
มู่เฉียนซีกล่าว “แต่เดิมข้าก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะไม่อยากใช้ร่างกายของผู้อื่น แต่ว่าการที่ข้าได้มายังตระกูลมู่นั้นข้าสุขใจเป็นอย่างมาก ข้าควรขอบคุณเจ้า”
“ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว ขอแค่เพียงข้าไร้ซึ่งความละอายใจ…”
.