ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 441 เกียรติและความโชคดีของนาง
มู่เฉียนซีก้าวเท้าเดินเข้าไปยืนตรงหน้าคุณหนูใหญ่ตวนมู่ เงาร่างสีดำเข้ามาปกคลุมคุณหนูใหญ่ตวนมู่ที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทำให้นางรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก
“หากข้าไม่ไปล่ะ เจ้าจะทำไม? ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาราวกับการเคลื่อนไหวของน้ำพุนั้น ทำให้คุณหนูใหญ่ตวนมู่หนาวสั่นไปทั้งตัว
มู่เฉียนซียื่นมือที่เรียวยาวขาวราวหยกสัมผัสเส้นผมของคุณหนูใหญ่ตวนมู่ และกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้แล้วว่าข้าเป็นใคร? เช่นนี้แล้วยังคิดจะขวางข้าอีกหรือไม่? ”
คุณหนูใหญ่ตวนมู่ตกใจจนตัวสั่น กล่าวเสแสร้งไปว่า “ขะ ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จริง ๆ”
มู่เฉียนซีค่อย ๆ ปล่อยมือจากนาง และครู่หนึ่งคุณหนูใหญ่ตวนมู่ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองนั้นตึงและแน่นมาก เมื่อนางเอามือไปสัมผัสก็พบว่าใบหน้าของนางกลายเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ และใบหน้าก็ถูกบีบเข้าด้วยกัน
เหล่าองครักษ์ของบ้านประมูลอันดับหนึ่งเห็นเช่นนี้ก็ตกใจผงะไป คุณหนูใหญ่ตวนมู่สุดสวยของพวกเขาตอนนี้กลับกลายเป็นหัวหมูไปซะงั้น นี่มัน……
“คุณหนูใหญ่ตวนมู่ นี่……”
“กรี๊ดดดดดด! ” เสียงกรี๊ดเสียดแทงแก้วหูดังออกมา และสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนที่อยู่ในบ้านประมูลอันดับหนึ่งทันที
ในเวลาต่อมาก็มีคนเข้ามามุงดูคุณหนูใหญ่ตวนมู่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนคุณหนูใหญ่ตวนมู่รู้สึกอับอายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี
“นี่ใครกัน เหตุใดหน้าถึงได้กลายเป็นเช่นนี้? ”
“นี่มัน……”
ท่านรองหัวหน้าบ้านประมูลอันดับหนึ่งเดินออกมาเห็นก็จำได้ทันทีว่าเป็นบุตรสาวของเขา เขากล่าวถามด้วยความเป็นกังวลว่า “ลี่เอ๋อร์ นี่เจ้าเป็นอะไรไป? ใครเป็นคนทำเจ้า? ”
“ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ! ” ตวนมู่ลี่พูร้องห่มร้องไห้พลางเดินไปกอดท่านพ่อของนาง จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่มู่เฉียนซี “ท่านพ่อ เป็นมัน นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นี้ลอบกัดลูก รีบจับตัวมันเอาไว้ ลูกจะทำให้มันได้เห็นดี”
ท่านรองหัวหน้ากล่าว “จับตัวเจ้าหนุ่มที่ไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้ให้ข้าประเดี๋ยวนี้! ”
ทุกคนก็แปลกใจเช่นกัน คนผู้นี้สวมชุดคลุมดำสนิท แยกไม่ออกเลยว่าเป็นชายหรือเป็นหญิง แต่เหตุใดคุณหนูใหญ่ตวนมู่ถึงได้เรียกว่านังจิ้งจอก หรือว่านางมีตาทิพย์ถึงได้มองออก
และในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปจับตัวมู่เฉียนซี ทันใดนั้นอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ”
เจ้าของเสียงอันอ่อนโยนนี้สวมชุดคลุมยาวสีขาว มีลวดลายที่หรูหราสง่างามและปักด้วยด้ายสีทอง ซึ่งดูหรูหราอย่างไร้ที่เปรียบ
เขามีใบหน้าที่แยบยล งดงามหมดจด ดวงตาเชิดขึ้นเล็กน้อย แววตาราวกับจิ้งจอก มีเสน่ห์เย้ายวนชวนน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
และแน่นอนว่าคนผู้นี้ก็คือน่าหลานอวี้ เมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้นก็รีบพรวดพราดเข้าไปตรงหน้ามู่เฉียนซีและกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “มู่ซี ในที่สุดเจ้าก็มาหาข้าที่บ้านประมูลอันดับหนึ่งจริง ๆ ด้วย ข้านึกว่าเจ้าจะหลอกให้ข้าดีใจเล่นซะแล้ว”
มู่เฉียนซี “ในเมื่อข้าบอกว่ามา ข้าก็มาสิ แต่ดูเหมือนว่าคนที่บ้านประมูลอันดับหนึ่งของเจ้าจะไม่อยากต้อนรับข้าเอามาก” น่าหลานอวี้ยิ้มราวกับดอกไมที่กำลังผลิบาน จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวถามว่า “อารอง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น มู่ซีเป็นสหายคนสำคัญของข้า ใครก็ห้ามแตะต้องตัวเขา ดังนั้นข้าขอเชิญท่านอารองสั่งให้คนของท่านอารองถอยออกไปเถอะ! ”
รองหัวหน้าตกใจผงะไปครู่หนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างน่าหลานอวี้จะปกป้องเจ้าหนุ่มนั่น และแน่นอนว่าเขาต้องไว้หน้าเขา ต้องรู้เอาไว้เลยว่ายิ่งเจ้าน่าหลานอวี้ผู้นี้ยิ้มอย่างสดใสมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
คุณหนูใหญ่ตวนมู่โกรธจนน้ำตาไหลพราก นางกล่าวด้วยความน้อยใจว่า “พี่น่าหลาน พี่ปกป้องจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นี้ มันทำร้ายข้าถึงเพียงนี้เชียวนะ”
น่าหลานอวี้ยิ้มอย่างไร้เดียงสาพลางกล่าว “ยาพิษของมู่ซีนั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับสิ่งล้ำค่านี้ นึกไม่ถึงเลยคุณหนูใหญ่ตวนมู่ เจ้าจะโชคดีและได้รับเกียรตินี้ ได้เจอกับพิษของมู่ซี นับว่าเจ้าโชคดีมากจริง ๆ”
โชคดีงั้นเหรอ!
คุณหนูใหญ่ตวนมู่โกรธและเจ็บใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าของนางตอนนี้เหมือนดั่งหัวหมู เขายังบอกว่านางโชคดีอีก
มู่เฉียนซียิ้มมุมปากเล็กน้อย ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าเมื่อมาถึงอาณาเขตของน่าหลานอวี้ น่าหลานก็ยิ่งใจดำมากขึ้นเรื่อย ๆ นะ
คำพูดนี้ของเขาสามารถทำให้นางกดไลค์ให้เขาเป็นหมื่น ๆ ครั้งได้เลย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสอย่างไร้พิษสงนั้นถึงกับทำให้คนแทบจะกระอักเลือดออกมา
เห็นได้ชัดว่าน่าหลานอวี้ต้องการปกป้องเจ้าหนุ่มผู้นี้ ใบหน้าของรองหัวหน้าดำคล้ำ เขากล่าวว่า “คุณชายท่านนี้ เป็นความผิดของบุตรสาวข้าเอง ได้โปรดมอบยาแก้พิษให้บุตรสาวข้าด้วย! ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงแค่ยาพิษเล็ก ๆ เท่านั้น ข้า หมอปีศาจจึงไม่ได้ปรุงยาแก้พิษเอาไว้ รอเวลาผ่านไปสักสิบสองชั่วยามก็แล้วกัน ใบหน้าของนางก็จะกลับมาเป็นปกติ เพราะฉะนั้นอย่ากังวลไปเลยนะ! ”
ดวงตาของตวนมู่ลี่พูแดงกล่ำคลอไปด้วยน้ำตา ตอนนี้นางรู้สึกว่าเนื้อหนังบนใบหน้าหน้าของตัวเองแทบจะแตกออกแล้ว และนางต้องทนอยู่กับสภาพนี้ต่อไปอีกสิบสองชั่วยาม เป็นเช่นนี้ฆ่านางให้ตายไปซะยังจะดีกว่า
รองหัวหน้ากล่าวว่า “นี่เจ้าจะไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลยหรือไง? ”
น่าหลานอวี้หรี่ตายิ้มพลางกล่าว “ท่านอารองช่างน่าขำยิ่งนัก มู่ซีเป็นสหายของข้า เขาไว้หน้าข้าคนเดียวก็พอแล้ว หากให้ไว้หน้าท่านอารองอีกคนแล้วล่ะก็ มีหวังเขาต้องเหนื่อยแย่เลย”
สีหน้าของรองหัวหน้าตอนนี้ดำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
เห็นบุตรสาวต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้แล้วเขาก็อยากจะต่อสู้เพื่อบุตรสาวตัวเองสักหน่อย แต่สุดท้ายเจ้าหนุ่มชุดดำผู้นี้เห็นว่าไม่ใช่ใบหน้าของตนก็ไม่แยแสอะไรเลย และรอยยิ้มบนใบหน้าของน่าหลานอวี้ก็ยิ่งสดใสขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ เขาต้องเตรียมตัวรับมือกับโชคร้ายซะแล้วสิ
ทว่า หมอปีศาจนี่สิ รู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนกันนะ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนสองคนที่แข็งแกร่งราวกำแพงเหล็กกล้าเช่นนี้ รองหัวหน้าก็ทำไดเพียงแค่พาบุตรสาวกลับไปอย่างอับอายขายหน้า
น่าหลานอวี้กล่าว “มู่ซี เราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ! ข้างนอกคนเยอะคุยเรื่องวันเก่า ๆ กันไม่สะดวก”
ในตอนนี้เอง ทุกคนก็รู้สึกว่านายน้อยที่มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนผู้นั้นก็ทำตัวแตกต่างไปจากปกติมาก ท่าทางไม่เหมือนนายน้อยคนเก่า แตกต่างไปจากปกติที่เป็นอย่างมากนัก
ทุกคนต่างก็คิดในใจว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนายน้อยยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นนี้! นี่นายน้อยมีความรักแล้ว!
ทว่า คนผู้นั้นเหมือนจะเป็นผู้ชายนะ! ผู้ชาย!
นึกไม่ถึงเลยสักนิดว่า ถึงแม้ว่านายน้อยจะรอดพ้นมาจากกรงเล็บขององค์ชายเซี่ย แต่เขากลับหลงเดินทางผิดมาชอบชายผู้นี้เข้า ครานี้หัวหน้าคงต้องร้องห่มร้องไห้แน่นอน
การตกแต่งด้านในบ้านประมูลอันดับหนึ่งนั้นเรียบง่ายและดูหรูหรามาก ดูเข้ากับสไตล์ของน่าหลานอวี้ยิ่งนัก
ตอนนี้ทั้งสองก็อยู่กันตามลำพังสองคนแล้ว มู่เฉียนซีก็ขี้เกียจที่จะสวมชุดคลุมดำนั้นแล้ว และในขณะที่มู่เฉียนซีถอดชุดคุมดำนั้นออก น่าหลานอวี้ก็ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
การมองเห็นนี้เป็นการกระตุ้นเขาเป็นอย่างมาก ในใจของเขาตอนนี้ไม่สามารถควบคุมไว้ได้แล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่ามู่ซีผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตางดงามที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดในใต้หล้านี้แล้ว
เส้นผมสีเขียวเทายาวจรดลงมาจากไหล่ราวกับผ้าไหมชั้นดี ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นแลดูสดใสชวนให้น่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
น่าหลานอวี้เห็นเช่นนี้แล้วก็ถึงกับเหม่อลอยไป จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “มู่ซี เจ้าไม่ใช่คนแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “เฮ้อ โดนเจ้าจับได้แล้ว! แล้วเจ้าคิดว่าข้าที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้า เจ้าจะฆ่าข้าหรือไม่”
ถึงแม้ว่ากำลังหยอกล้อน่าหลานอวี้อยู่ ทว่า รอยยิ้มนั้นกลับไร้เดียงสา บริสุทธิ์และชวนให้น่าหลงใหลอยู่ดี! น่าหลานอวี้กล่าวว่า “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าก็จะไม่มีวันทำร้ายเจ้าเด็ดขาด มู่ซี วันนี้เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรเหรอ เจ้าไม่ทิ้งการปรุงยาและเดินทางมาแคว้นเฉียนเซี่ยอย่างไร้เหตุผลแน่”