ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 443 การมาเยือนของเชียนอ้าวเซี่ย
“ทำให้สำนักอวิ๋นเยียนสั่นสะเทือน หนุ่มน้อย… คำกล่าวของเจ้านี่ไม่เบาเลย” ผู้นำหอการค้าน่าหลานกล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง
มู่เฉียนซีในร่างมู่ซีกล่าวเสียงราบเรียบ “ท่านผู้นำหอการค้าน่าหลาน ข้านั้นไม่ได้ล้อเล่น คาดว่าท่านคงอยากจะเห็นความจริงใจของข้า” มู่เฉียนซีหยิบยาออกมาหลายขวดแล้วกล่าวขึ้น “หวังว่าท่านผู้นำน่าหลานจะสามารถมองเห็นความจริงใจของข้าได้”
“ยาไม่กี่ขวด ถึงต่อให้เป็นยาเม็ดระดับสูง เจ้าคิดว่าข้าจะหวั่นไหวหรือ ?”
“ถ้าหากว่ามิใช่ยาเพียงไม่กี่ขวด แต่เป็นหลายสิบขวด หลายร้อยขวด หรือแม้กระทั่งหลายพันขวด มิทราบว่าท่านผู้นำน่าหลานจะหวั่นไหวหรือไม่ ? ถึงแม้ทางภาคตะวันตกของทวีปเซี่ยโจวนั้นจะทุรกันดาร แต่ท่านผู้นำน่าหลานก็ไม่รู้จักชื่อที่เรียกว่าหมอปีศาจ” น้ำเสียงของมู่เฉียนซีนั้นไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ ขณะที่กล่าว
“เจ้าสามารถทำออกมาได้มากมายเช่นนั้นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยาผู้หนี่ง หากไม่ใช้เวลาสองสามปี ก็คงไม่สามารถหลอมปรุงออกมาได้
“เชื่อหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของท่านผู้นำน่าหลานแล้ว แต่ข้ามีคุณสมบัติมากพอ…”
มู่เฉียนซีนำหยกวิญญาณออกมา นี่เป็นของแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งแห่งทวีปเซี่ยโจว แคว้นเฉียนเซี่ย เป็นที่ที่มีทั้งผู้ฝึกวรยุทธ์และผู้บำเพ็ญตบะมากมายเหมือนดั่งสุนัข ที่นั่นเงินทองไม่มีค่ามากเท่าหยกวิญญาณ
และสิ่งที่มู่เฉียนซีมอบให้นั้น เป็นหยกวิญญาณชั้นดี
เหมืองหยกวิญญาณที่เป็นสินสอดทองหมั้นซึ่งซวนหยวนจือให้ไว้เมื่อคราวนั้น ปัจจุบันนี้กำลังทำการขุดหยกอยู่ หยกชั้นดีนั้น แน่นอนว่ามีไม่ขาด
“หยกวิญญาณชั้นดี เจ้าหนู… ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังท้าทายพวกเราหอการค้าอันดับหนึ่ง”
หอการค้าอันดับหนึ่งของพวกเขาต้องเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในทวีปเซี่ยโจว แต่ปรากฏว่าหนุ่มน้อยนัยน์ตาเขียวผู้นี้นำของสิ่งนี้ออกมา เกรงว่าแม้แต่พวกเขาหอการค้าอันดับหนึ่งเองก็ไม่สามารถนำออกมาให้เห็นกันได้
เบื้องหลังของตระกูลมู่ และเบื้องหลังของหอหมอปีศาจ ทั้งหมดล้วนเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่มีเจตนาที่จะท้าทายหอการค้าอันดับหนึ่ง เพียงแต่จะบอกต่อท่านผู้นำหอการค้าว่าพวกเราหอหมอปีศาจมีเงินทุนมากพอที่จะร่วมมือกับพวกท่านได้”
สมแล้วที่เป็นท่านผู้นำหอการค้าอันดับหนึ่ง หากเป็นผู้อื่นถูกมู่ซีเอาสองสิ่งนี้มาโยนทับละก็ คงไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้ไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขานั้นกลับสามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้นานเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “หอการค้าอันดับหนึ่งไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับข้าอย่างโจ่งแจ้ง ขอเพียงแต่คอยช่วยอย่างลับ ๆ เท่านั้น ตระกูลมู่ของข้ามีเพียงกิจการเดียวเท่านั้นที่ขยายตัวออกไปนอกพื้นที่ มีเพียงแต่หอหมอปีศาจ กิจการยานี้แทบจะถูกพันธมิตรปรุงยากับสำนักอวิ๋นเยียนผูกขาดไปแล้ว หอหมอปีศาจของข้าจะไม่เกิดการปะทะทางผลประโยชน์กับหอการค้าอันดับหนึ่ง ดังนั้นแล้วพวกเราถือว่ามีผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ท่านผู้นำยังมีอะไรที่ต้องคิดทบทวนอีกหรือ ?”
ท่านผู้นำหอการค้าน่าหลานกล่าว “แต่เจ้าหนู เจ้าเป็นผู้ที่อันตรายมาก”
“ข้าหมอปีศาจหากไม่อันตรายก็ไม่ใช่หมอปีศาจ ทว่าความอันตรายของข้านั้นจะไม่ถูกใช้กับมิตรสหาย ท่านผู้นำคิดว่าอย่างไร ?”
ท่านผู้นำน่าหลานพึมพำในใจ ‘ถึงต่อให้ไม่ทำร้ายใคร แต่รูปลักษณ์เช่นนั้นก็ยังเป็นพิษภัยต่อบ้านเมืองและปวงประชา’
ท่านผู้นำน่าหลาน “หากเป็นเมื่อก่อน ข้าจะไม่อยากไปคลุกโคลนจับปลาเช่นนี้ แต่ทว่าตอนนี้สถานการณ์นั้นพิเศษกว่าทุกครั้ง มีเจ้าที่เป็นผู้ร่วมมือกันนี้ อาจจะเป็นเรื่องดีกับอวี้เอ๋อร์…”
ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กผู้นี้จะเป็นมารร้ายอย่างที่สุด แต่ก็เป็นผู้ที่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น
ดูเหมือนว่าเขานั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้มาจากแดนไกล ทว่าเบื้องหลังของเขากลับลึกเสียจนไม่อาจคาดเดาได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ดูเหมือนว่าท่านผู้นำหอการค้าน่าหลานจะตอบตกลงแล้ว เช่นนั้น… นี่คือหนังสือสัญญา ท่านโปรดอ่านดูด้วย”
คิ้วของท่านผู้นำน่าหลานกระตุกขึ้นหนึ่งครา “เจ้าคิดเตรียมไว้หมดทุกอย่างแล้ว”
“ในเมื่อจะเดินเข้ามาในจุดนี้ แน่นอนว่าข้าจะต้องจัดการปูทางเอาไว้ให้เรียบร้อย”
เงื่อนไขแต่ละข้อบนตัวสัญญา พวกเขาหอการค้าอันดับหนึ่งไม่ได้ขาดทุนอะไร กลับกัน กลับได้ผลประโยชน์ไม่น้อยเลย
เรื่องที่ต้องทำเหล่านั้น สำหรับหอการค้าอันดับหนึ่งในวันนี้ แทบไม่ต้องกล่าวถึงมันเลยด้วยซ้ำ
ผู้นำหอการค้าน่าหลานกล่าวถามขึ้น “เจ้าแน่ใจนะว่าไม่มีขอเรียกร้องข้ออื่นอีกแล้ว ?”
มุมปากของมู่เฉียนซียกโค้งขึ้นเล็กน้อย “อืม ข้าแน่ใจ”
หลังจากที่ทั้งสองสนทนากันเสร็จเรียบร้อย มู่เฉียนซีก็ได้ออกมาจากห้องของท่านผู้นำน่าหลาน
น่าหลานอวี้ถามขึ้น “มู่ซี เป็นอย่างไรบ้าง ?”
“เจ้าคิดว่าหมอปีศาจออกโรงจะพ่ายแพ้ได้รึ ?”
น่าหลานอวี้ “อย่างไรเสียการตกลงการค้าก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าเชี่ยวชาญ”
“ธุระก็สนทนาจบไปแล้ว ต่อจากนี้ต้องไปเตรียมตัวเปิดหอหมอปีศาจ คนของข้าเองก็รีบเดินทางมากันแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”
น่าหลานอวี้กล่าว “มู่ซี เจ้าเพิ่งจะเดินทางมาถึง ข้าผู้เป็นเจ้าถิ่นควรเลี้ยงข้าวเจ้าสักมื้อมิใช่หรือ ? ข้านั้นจองห้องที่หอชั้นหนึ่งไว้เรียบร้อยแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้ ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะเลี้ยงข้า เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจเจ้าก็แล้วกัน”
เมื่อตอนที่ชายในชุดสีขาวและเด็กหนุ่มที่เหมือนกับปีศาจมาถึงหอชั้นหนึ่ง ทุกคนในที่นั้นล้วนเกือบจะลูกตาถลนออกมาจากเบ้า คนทั้งสองมาเดินด้วยกันเช่นนี้ ทำให้ดินฟ้านั้นมืดทึบเสียสีสันไปเลยทีเดียว
“นายน้อย” เถ้าแก่รีบรุดเข้ามารับ
“เตรียมพร้อมหมดแล้วหรือ ?” น่าหลานอวี้กล่าวถาม
“นายน้อยตามข้ามาได้เลยขอรับ”
นี่เป็นห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดในหอชั้นหนึ่ง ภายในจัดวางอาหารรสเด็ดประจำร้านของหอชั้นหนึ่งเอาไว้ มีอาหารไม่มากนัก แต่มันทั้งสูงส่งทั้งมีความละเอียดอ่อน
น่าหลานอวี้กล่าวขึ้น “มู่ซี ไม่ทราบว่าเจ้าชอบอาหารเหล่านี้หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้เกรงใจ นางนั่งลงอย่างไม่รีบร้อน และเริ่มขยับตะเกียบ ทว่ายังไม่ทันรอให้มู่เฉียนซีเริ่มกิน ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งบุกเข้ามา
คนผู้นั้นกล่าวขึ้นว่า “อวี้! ได้ยินว่าเจ้าพาคนงามมากินข้าวที่นี่ด้วย เหตุใดจึงไม่พาข้ามาด้วย เจ้ารู้สึกผิดกับข้าบ้างหรือไม่ ?”
เสียงที่มีเสน่ห์นั้นแฝงเข้าไปยังกระดูก ทำให้จิตใจของผู้คนสับสน และทำให้เมื่อได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจเปราะกรอบไปเสีย
เมื่อมู่เฉียนซีได้เห็นใบหน้านั้น ดวงตานางก็ฉายแววตกตะลึง ชุดขาวทั้งตัว… ผิวขาวราวหิมะ งดงามไปทั้งเรือนร่าง เขาผู้นี้เหมือนดั่งหมาป่าหิมะตัวหนึ่ง
เชียนอ้าวเซี่ย เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?
น่าหลานอวี้ไม่พูดไม่จา เขาไปขวางที่ด้านหน้าเชียนอ้าวเซี่ยไว้แล้วกล่าวถามขึ้น “เซี่ย เจ้ามาทำไมรึ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มแย้ม “ข้าได้ยินมาว่าอวี้เอ๋อร์พาบุคคลรูปงามมากินข้าว ข้าจึงมาดูสักหน่อย”
รอยยิ้มและความรู้สึกมากมายทำให้เปลือกตาของน่าหลานอวี้กระตุกอย่างบ้าคลั่ง
แม้โดยปกติแล้วเจ้าหมอนี่จะทำตัวมั่วซั่วเหลวไหล แต่มาตอนนี้มู่ซีอยู่ด้วย เขาจะควบคุมตัวเองหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร ?
เชียนอ้าวเซี่ย “อวี้ เจ้าเป็นอะไรไป ? เจ้าโกรธข้า เจ้าไม่ต้อนรับข้าแล้ว”
น่าหลานอวี้รีบกล่าว “ถ้าหากข้าบอกว่าไม่ต้อนรับเจ้า เจ้าจะไปหรือไม่ ?”
“อวี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ากล่าววาจาอย่างไม่อ้อมค้อม ยิ่งทำให้ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าคนงามผู้นี้หน้าตาเป็นเช่นไร ?” กล่าวจบเชียนอ้าวเซี่ยยื่นศีรษะเข้ามา หวังที่จะดูหน้าคนรูปงาม
แต่เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนดั่งภูตผีปีศาจ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย ดวงตาเขาฉายแววความผิดหวังออกมาอย่างเด่นชัด
“ที่แท้ก็เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งนี่เอง”
น่าหลานอวี้มาคิดอีกที ถึงแม้ว่าเชียนอ้าวเซี่ยไปที่ใดก็ดึงดูผู้คนก็ตาม แต่ว่าเชียนอ้าวเซี่ยชอบสตรีอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงวางใจ
น่าหลานอวี้กล่าว “เซี่ย เขาเป็นเพื่อนของข้า ชื่อว่ามู่ซี
“มู่ซี นี่คือเชียนอ้าวเซี่ย”
มู่ซีมาที่เมืองเซี่ยตูเพื่อจัดการเกี่ยวกับการค้า ขอแค่เพียงมีคุณชายผู้นี้ช่วยเหลือ เช่นนั้นแล้วทั้งหมดก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น
เชียนอ้าวเซี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างพินิจพิจารณา ดวงตาที่ทรงเสน่ห์คู่นั้นอดไม่ได้ที่จะมองมู่เฉียนซีอย่างทะลุทะลวง
เขาบ่นพึมพำเสียงต่ำขึ้นมา “มู่ซี แซ่มู่…”
น่าหลานอวี้ถามขึ้น “เซี่ย เจ้าพึมพำอะไรรึ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้น “คราก่อนข้าออกไปฝึกฝน ได้พบเข้ากับสาวงามผู้หนึ่ง ข้านั้นหลงรักนางอย่างลึกซึ้ง นางก็แซ่มู่ นามว่ามู่เฉียนซี…”