ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 479 ฝีมือการแสดงดีมาก
— แคร่ก! —
ต้องบอกเลยว่ากระบี่ประหลาดเล่มนี้นั้นแข็งแกร่งมาก กิ่งไม้สีดําที่ดูน่ากลัวถูกนางตัดขาดไป แต่ในขณะที่นางกําลังจะไปเอาเมล็ดสีเขียวนั้นมา ปีศาจที่หลับใหลอยู่ตัวหนึ่งก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับอันยาวนาน
— ตูม! ตูม! ตูม —
ต้นไม้ทั้งต้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กิ่งไม้ที่อิดโรยดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาและเข้าล้อมรอบมู่เฉียนซีด้วยความเร็วที่น่ากลัว
น่าหลานอวี้เห็นฉากนี้ก็ร้อนรนราวถูกไฟเผา เขารีบตะโกนว่า “ซีเอ๋อร์ ระวังตัวด้วย!”
“อาถิง!” มู่เฉียนซีตะเบ็งเสียง
มาถึงตอนนี้ อาถิงก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ
“หยุดเวลา!”
พลังแห่งเวลา แม้แต่ไม้เหี่ยวเฉาที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่มานานเพียงใดแล้วก็ไม่สามารถต้านทานได้
มู่เฉียนซีใช้โอกาสนี้ในการนําเมล็ดสีเขียวนั้นมา ขณะเดียวกันอาถิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “เหอะ! ถึงเวลานี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกหรือ ?”
เวลาเช่นนี้ การหนีคือสิ่งสําคัญที่สุด!
“ออกไปเดี๋ยวนี้!” เสียงโหดเหี้ยมดังมาจากกิ่งไม้ มู่เฉียนซีตกลงมาจากอากาศ ตอนนี้เวลาได้กลับมาเดินตามปกติแล้ว
— ฟึ่บ! —
เคราะห์ร้าย! กิ่งไม้ที่ตายแล้วนั้น มันล้อมป้องกันคนหลบหนีและพันรอบมู่เฉียนซีไว้
แสงสีขาวสว่างไสว น่าหลานอวี้ลงมือแล้ว แต่พลังของเขานั้น สําหรับกิ่งไม้โบราณที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่มาหลายปีเพียงใด มันสร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
— ตูม! —
รอบ ๆ ถูกล้อมรอบไปด้วยไม้แห้งเหี่ยวสีดํานี้ที่สร้างขึ้นมาเป็นกรง
น่าหลานอวี้คิดจะพุ่งเข้ามา แต่มู่เฉียนซีกลับตะโกนอย่างเย็นชาว่า “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ต้นไม้โบราณนี้เคลื่อนไหวแล้ว มันไม่มีตาแต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกอย่างชัดเจนว่ามีความหนาวเย็นตกลงมาบนร่างกายของนาง
“เอามา เอาเมล็ดพันธุ์ที่มีพลังชีวิตมาให้ข้า ขอเพียงได้มันมา ข้าก็จะสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกนี้ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “คุยโวอะไรของเจ้า ? ข้าเกรงว่าได้มันไปไม่กี่หมื่นปีก็หลายพันปีแล้ว ก็ไม่เห็นเจ้าจะมีอำนาจอะไร”
“เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเป็นแหล่งที่มาของชีวิต คิดที่จะกลืนกินมันไม่ง่ายขนาดนั้น ข้าซ่อนตัวอยู่ในที่นี้มาหลายหมื่นปี หาเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตที่อ่อนแอที่สุดเพื่อกลืนกินมัน สาวน้อยอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร ?”
มู่เฉียนซี “ข้าเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อเมล็ดพันธุ์ของพวกเจ้า พวกเราคิดเสียเช่นนี้แล้วกัน”
ตอนนี้จะแข็งข้อกับเจ้าสัตว์ประหลาดต้นไม้เฒ่าต้นนี้คงเป็นไปไม่ได้ มู่เฉียนซีทําได้เพียงถอยกลับเท่านั้น
“ฮ่า ๆ ๆ ผ่านทางมางั้นรึ ? หลายปีมานี้มนุษย์ที่กล้าขโมยเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตของข้า มีเพียงแค่เจ้า เจ้ารู้ความลับมากมายถึงเพียงนี้ ต้องตายสถานเดียว”
ทวีปเซี่ยโจวอันกว้างใหญ่ อย่าได้ประมาทมันเพราะความห่างไกล ด้วยเพราะความห่างไกลนี้เอง ดินแดนลึกลับแห่งนี้จึงซ่อนความลับมากมายที่มนุษย์ไม่ควรรู้
ศาลานิรันดร์ หม้อเทพนิรันดร์ เจดีย์เทพหนานอู้ หอฉงโหลวบนเมฆา มาตอนนี้ยังมีต้นไม้โบราณประหลาดนี้ที่ต้องการที่จะควบคุมสิ่งมีชีวิตในใต้หล้า
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ พวกเจ้าทั้งสองออกมาเร็วเข้า!” มู่เฉียนซีเรียกทั้งสองตัวออกมาก่อนที่ต้นไม้โบราณจะโจมตี
ทันทีที่ทั้งสองออกมา อู๋ตี้ก็เปิดแผนสุดท้ายและเสี่ยวหงก็โจมตีอย่างบ้าคลั่งด้วยเปลวไฟ
— ตูม! ตูม —
ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดคือการโจมตีของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเจ้าสัตว์ประหลาดต้นไม้ต้นนี้ได้แม้แต่น้อย
“อาถิง ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่ ?” มู่เฉียนซีถามอย่างร้อนรน
“อืม ข้าจะใช้กระบวนท่าสุดท้าย เวลาย้อนกลับ!”
ทว่ามันไม่ได้ผล
มู่เฉียนซีถามขึ้นว่า “อาถิง เจ้า… เจ้าคงไม่ได้ล้มเหลวหรอกนะ”
อาถิงกล่าวอย่างโมโห “ไม่ใช่ว่าล้มเหลวแต่เป็นเพราะเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนแล้ว พลังในตอนนี้ของข้าไม่สามารถทําให้มันกลายเป็นต้นกล้าขนาดเล็กได้”
เวลานี้ศาลาเรือนรางเก้าชั้นควบคุมเวลาได้อย่างจํากัด ใบหน้าอาถิงแดงก่ำ เขากล่าว “ข้าจะพยายามทําให้ดีที่สุดเพื่อให้ความแข็งแกร่งของมันไหลย้อนกลับไปยังจุดที่อ่อนแอที่สุด เจ้ารีบหนีไปซะ!”
— ตูม! —
“พลังของข้า อ๊าก! พลังของข้า…” ต้นไม้โบราณรู้สึกว่าพลังของมันกำลังอ่อนแอลง มันตะโกนร้องเสียงดัง
“เจ้าทําอะไรกับข้า ? มนุษย์…” มันคําราม แต่กลับไม่สามารถทำให้พลังเลิกอ่อนแอลงได้ “อ๊าก!ศาลานิรันดร์เป็นศาลานิรันดร์ที่ควบคุมเวลางั้นรึ ?”
เจ้าสัตว์ประหลาดต้นไม้เฒ่าต้นนี้รู้มากเกินไปแล้ว
เวลานี้อาถิงอ่อนแออย่างมาก เขากล่าวเสียงเบา “ไม่แน่ว่าเจ้าต้นไม้นี่คงเป็นสัตว์ประหลาดยุคสมัยเดียวกันกับข้า มัน…”
“รีบไป!”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
อาถิงกลับสู่มิติและหลับใหลไปทันที ขณะที่เสี่ยวหงและอู๋ตี้พยายามเปิดทางเพื่อมาหามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาด “พวกเรารีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า ที่นี่ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน”
สัตว์ประหลาดในช่วงยุคสมัยเดียวกันกับอาถิง ต่อให้ถูกเวลาถอยหลังจนทําให้พลังถูกยับยั้ง ก็ใช่ว่าระดับราชาทั้งสองจะรับมือได้
พวกเขาวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่ง แต่พื้นที่ว่างทั้งหมดกลับกลายเป็นมีต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาทำให้พวกเขาหนีลำบาก
ต้นไม้โบราณไล่ตามหัวเราะอย่างเย็นชา “วิ่งหนีรึ ? มนุษย์สาวน้อย เจ้าชิงเอาสมบัติที่ข้าเฝ้ามานานแล้วก็จะหนีไป เจ้าช่างไร้เดียงสาจริง ๆ”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“ทักษะซวนตี้!”
“ทักษะเทียนซวน!”
มู่เฉียนซีเข้ามาใกล้และพยายามอย่างสุดกําลัง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานมันได้
ทันใดนั้นกิ่งไม้นับไม่ถ้วนกลายเป็นหนามแหลมคม พุ่งเข้าใส่ร่างบาง
— แคร่ก! —
ในขณะนั้น อากาศโดยรอบดูเหมือนจะแข็งตัวและพื้นที่ทั้งหมดถูกแช่แข็งไป
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจกับพลังอำนาจระดับมหาจักรพรรดิ ในทวีปเซี่ยโจวนี้ยังมีใครอีกที่บรรลุถึงระดับมหาจักรพรรดิ
เงาร่างสีขาวพุ่งเข้ามา มือเย็น ๆ คู่หนึ่งคว้าร่างมู่เฉียนซีไว้ ส่วนมืออีกข้างคว้าน่าหลานอวี้ เมื่อสบโอกาสที่ต้นไม้โบราณมัวตกใจ เขาก็พุ่งออกไปทันที
— ปัง! ปัง! ปัง! —
พวกเขาตกจากตําหนักปิงเสว่หลิง จากนั้นทั้งสามคนก็เบิกตากว้าง
จักพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวว่า “เกิดบัดซบอะไรขึ้นกับพวกเจ้ากันแน่ ?!”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จักพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ ดินแดนลึกลับนั้นมีสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้ เหตุใดท่านไม่รีบบอกพวกข้าก่อนหน้านี้เล่า ?”
เมื่อเจ้าต้นไม้บ้าพลังนั้นปรากฏขึ้น เกรงว่ามันจะล้มล้างได้ทั่วทั้งทวีป!
“สาวน้อย บอกข้ามา… เอ่อ… อืม… ในตอนนั้นข้าได้เห็นแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนี้ สิ่งที่ข้าเห็นคือ…” จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้เคยเข้าไป แต่กลับเป็นภาพฉากอื่น!
มันต่างจากที่มู่เฉียนซีและสหายได้พบเจอ
“หรือว่าจังหวะโอกาสของทุกคนจะต่างกัน แต่สาวน้อย เจ้าโชคร้ายเกินไปแล้วที่ได้เจอกับสัตว์ประหลาดน่ากลัวตัวนั้น”
ในดินแดนลึกลับ มีเขตลับอยู่มากมาย สถานที่อย่างเช่นเขตลับสามารถมีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวได้มากมาย
เหตุการณ์อย่างเช่นที่มู่เฉียนซีเพิ่งพบเจอมา นับว่าไม่ได้แปลกอะไรมากนัก
สิ่งที่ตั้งใจไปหยิบเอามาก็อยู่ในมือแล้ว และนางก็หนีออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่…
“จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นไม่มีทางออกมาได้ใช่หรือไม่ ?”
แม้อาถิงจะทําให้มันอ่อนแอลง แต่ถ้าหากสัตว์ประหลาดตัวนั้นออกมา การจะทําลายทวีปเซี่ยโจวทั้งหมดก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมันเลย
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าว “ข้าใช้พลังของข้าในการเสริมพลังดินแดนลึกลับแห่งนี้ อีกอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้านั่นร้ายกาจยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะมีเหตุอะไรบางอย่างยั้งมันไว้ มันคงปรากฏตัวขึ้นนานแล้ว”
หัวใจของมู่เฉียนซียังคงไม่สงบ เจ้าสัตว์ประหลาดต้นไม้อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับอาถิง แม้ว่าตอนนี้นางจะเอาเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตออกมาแล้ว ความรู้สึกถึงอันตรายที่น่ากลัวก็ยังคงตรึงอยู่ในใจนาง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่นางต้องจัดการ
เจ้าสวะเซี่ย…!
“เจ้า…”
มู่เฉียนซีจ้องเขม็งไปที่ชายผู้เหมือนปีศาจหิมะตรงหน้า “ทักษะการแสดงขององค์รัชทายาทเซี่ยทําให้ข้าชื่นชมเสียจริง”
.