ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 509 ไล่ตามตาเฒ่าประหลาด
ชี้แจง!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่จะฟังคำชี้แจงของมนุษย์ นั่นเป็นคำพูดที่เหลวไหลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
มู่เฉียนซีพาชิวหลิงออกไปไกล ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนกับภัยพิบัตินั้น
ตูม!
ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิทั้งสองเผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ สถานการณ์นี้น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
พลังความแข็งแกร่งห่างชั้นกันมากทำให้ยอดฝีมือทั้งสองแห่งหุบเขาหมอเทวดานี้ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้เลย
“นี่เจ้า! ครั้งนี้ข้าทำผิดเพราะช่วยเจ้า เจ้าคิดว่าจะขอบคุณข้ายังไงล่ะ! หากไม่มีข้าอยู่ เจ้าต้องตายแน่” เสียงของกลไกวิญญาณดังก้องขึ้น
“ก็แค่ชี้ทาง ทำไมถึงได้ตระหนี่ถี่เหนียวมากมายเช่นนี้ด้วย ตอนที่อยู่ชั้นสองเจ้าทรมานข้าตั้งมากมายข้าไม่เห็นจะโกรธเจ้าสักนิด!”
“เป็นเช่นนั้นที่ไหนกันล่ะ ตอนนั้นมันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง”
“แต่ข้าอารมณ์ไม่ดี เจ้าจะไม่รับผิดชอบอะไรหน่อยเหรอ ?”
กลไกวิญญาณถึงกับพูดไม่ออก “เจ้า……ช่างเถอะ ครั้งนี้ถือว่าข้าชี้ทางให้เจ้าฟรี ๆ ก็ได้ แต่ครั้งหน้าต่อให้เจ้าขอร้องอ้อนวอนให้ช่วยข้าก็จะไม่ยอมช่วยเด็ดขาด”
ตูม!
การต่อสู้ทางด้านนั้นก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว มหาจักรพรรดิทั้งสองของหุบเขาหมอเทวดาได้พ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช จนในที่สุดผู้ที่มีบาดแผลเต็มตัวผู้หนึ่งพรวดออกมาและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ รีบหนีไปเถอะ ข้าจะต่อสู้กับสัตว์ร้ายนี้เอง!”
หากยังมุทะลุต่อไปพวกเขาทั้งสองต้องตายแน่!
สามารถหนีรอดออกไปได้คนนึงก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนรับหน้าไว้เองและคิดจะหนียากมาก นอกเสียจากว่า……
ทำลายตัวเอง!
สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปมาก “ตาเฒ่านั่นคิดจะทำลายตัวเอง พวกเราต้องอยู่ห่างกว่านี้!”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวกำลังรวมตัวเข้าด้วยกัน จากนั้นเสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ต้นไม้ในบริเวณรอบ ๆ ถล่มและพังทลายลงภายในชั่วพริบตา
พลังวิญญาณของมหาจักรพรรดิ ต่อให้พลังการป้องกันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่แข็งแกร่งมากเพียงใด ก็เป็นต้องกระเด็นลอยออกไปด้วย
เสียงคำรามดังก้องกังวานออกมาจากป่า “ศิษย์พี่ ต้องฆ่านังเด็กนั่นให้ได้ เพื่อเป็นการล้างแค้นให้กับข้า!”
ร่างที่สะอาดสะอ้านบัดนี้กลับเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดวิ่งผ่านป่าดงพงไพรในชั้นกลางอย่างรวดเร็ว และมู่เฉียนซีและชิวหลิงที่เพิ่งจะหายดีในตอนนี้ก็ไล่ตามเขาทันแล้ว
ตอนนี้ยอดฝีมือมหาจักรพรรดิแห่งหุบเขาหมอเทวดาได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่รีบลงมือตอนนี้แล้วจะรอลงมือเมื่อไหร่ล่ะ ?
ขวั่บ!
ในขณะที่เขากำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต ในตอนนี้เองมู่เฉียนซีกับชิวหลิงก็ได้ล้อมหน้าล้อมหลังเขาเอาไว้แล้ว
“เจ้า……” เขามองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เจ้าทำร้ายพวกข้าอย่างน่าสังเวชไม่พออีกรึ ? ถึงได้คิดจะตามมาฆ่าเช่นนี้”
มุมปากของมู่เฉียนซีค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้น นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อืม! ข้าคิดอย่างที่เจ้าว่าอยู่พอดีเลย!”
ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปทันทีหลังจากที่กล่าวจบ
ตูม! เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ก็ลงมือโจมตีอย่างไร้ความปรานี
ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิ แต่ถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ทำร้ายมาจนทรมานอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ ไฉนเลยจะมีเรี่ยวแรงมาต้านทานรับมือได้!
ปัง! ร่างของเขาล้มลงไปกับพื้นโดยไม่มีโอกาสให้ได้สู้รบตบมือ
“เจ้ามันเลวทรามต่ำช้ายิ่งนัก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดว่านิสัยเสแสร้ง แกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมของหุบเขาหมอเทวดาอย่างพวกเจ้า จะสามารถหลอกลวงผู้คนได้งั้นรึ ? บอกว่าข้าเลวทรามต่ำช้า พวกเจ้าก็ไม่ได้ต่างอะไรนักหรอก”
“จัดการฆ่าข้าซะเลยสิ!” เขามองมู่เฉียนซีอย่างหมดสภาพ
“ข้ากับหุบเขาหมอเทวดามีความสัมพันธ์ที่แย่มาก เจ้าคิดจะให้ข้าจัดการกับเจ้าไปง่าย ๆ เนี่ยนะ เจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
“เจ้า……” เขาถึงกับพูดไม่ออก
“แต่คิดอยากจะให้ข้าจัดการกับเจ้านั้น ใช่ว่าจะไม่ได้นะ ตอบข้ามา ว่าหม้อพิษสามอสูรอยู่ที่ไหน ?”
“หม้อพิษสามอสูร เจ้า นี่เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง” เขาจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจมาก
เซี่ยโจวเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลมาก ข่าวก็ล้าหลังอีกทั้งยังไม่มีการส่งข่าวจากคนภายนอก แล้วนางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
“อยู่ตรงไหนของหุบเขาหมอเทวดา ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามอย่างเย็นชา
“ข้าก็ไม่รู้ หม้อพิษสามอสูรเป็นสมบัติของบรรพบุรุษตลอดมา ข้าได้ยินมาว่าบรรพบุรุษจะส่งต่อให้ผู้เป็นศิษย์ที่แท้จริงของเขา”
“ผู้เป็นศิษย์ที่แท้จริงของเขาคือใคร ?” ข้อมูลของคนผู้นี้ดีกว่าสวะไร้ประโยชน์สองคนก่อนหน้านี้มาก
“ศิษย์ที่แท้จริงของบรรพบุรุษนั้นเป็นบุคคลในความลับมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นฝ่ายสู้รบ แต่เรื่องนี้ข้าก็ไม่อาจรู้ได้จริง ๆ!”
“อืม! ก็แค่นี้!”
“ก็แค่นี้ ?”
“เช่นนั้น ก็ถึงเวลาที่ข้าจะจัดการกับเจ้าแล้ว!” เข็มยาของมูเฉียนซีปักลงบนร่างของเขา และจบชีวิตเขาอย่างสมบูรณ์
นางกล่าวว่า “เราไปตามหาหลินเอ๋อร์กันเถอะ! ต้องเอาตัวเขากลับมาจากตาเฒ่าบ้านั่นให้ได้ ก่อนที่มันจะพาขึ้นไปชั้นบน”
“ต้องช่วยได้แน่นอน!” ชิวหลิงกำหมัดแน่นพลางกล่าว
ข้างกายมียอดฝีมือขั้นจักรพรรดิมาหนึ่งคน พวกเขาเดินทางได้เร็วอย่างเห็นได้ชัด ทว่า พวกเขาก็ยังคงหาตัวไม่เจอ
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “ตกลงว่าป่าในชั้นกลางนี่มันกว้างใหญ่แค่ไหนกันแน่”
“ข้ากำลังหลับใหลอยู่ ไม่อาจตอบคำถามของเจ้าได้ ได้โปรดเจ้าจงช่วยตัวเอง” เสียงของกลไกวิญญาณดังก้องขึ้น
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นขณะเอ่ยว่า “เจ้าแสร้งแกล้งทำเป็นหลับใหลเช่นนี้จะดีรึ ? รีบตอบคำถามข้าเดี๋ยวนี้!”
“นี่เจ้าเป็นคนยังไงกันแน่! นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับข้า” กลไกวิญญาณบ่นอย่างหงุดหงิด
“อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้!”
“ขอบเขตของชั้นกลางนั้นใหญ่จนพวกเจ้าคิดไม่ถึงเลยหล่ะ ค่อย ๆ หากันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีรู้ว่าไม่อาจถามอะไรจากกลไกวิญญาณได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแต่เดินทางตามหาต่อไป!
ยิ่งป่าดงพงไพรนี้กว้างมากเท่าไหร่ ตาเฒ่าบ้านั่นก็ไม่มีทางพาหลินเอ๋อร์ขึ้นไปชั้นบนได้เร็วแน่นอน เช่นนั้นก็หมายความว่าหลินเอ๋อร์ก็ยังคงปลอดภัยอยู่
“ไปต่อเถอะ!”
การค้นหาทางพลังจิตของมู่เฉียนซีเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากที่ได้ค้นหาเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดมู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหลินเอ๋อร์
“ทางนั้น!” ร่างในชุดม่วงพรวดไปในทิศทางที่นางแน่ใจอย่างรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้า
ถึงแม้ว่าตาเฒ่าบ้าผู้นี้จะเป็นเจ้าสำนักคนเก่าของสำนักอวิ๋นเยียน ทว่าสำนักอวิ๋นเยียนก็ถูกมู่เฉียนซีล้างทำล้างจนพังพินาศไปแล้ว ตอนนี้เขาไร้คนซึ่งคอยช่วยเหลือและกระทำการเพียงคนเดียว
ร่างชุดม่วงลอยลงมาจากกลางอากาศ จากนั้นชิวหลิงก็ปรากฏตัวขึ้นด้วย!
เฒ่าประหลาดกล่าวว่า “เด็กเกะกะขวางทางอย่างเจ้าอีกแล้วรึ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่เพียงแต่จะเกะกะขวางทางเจ้าเพียงอย่างเดียวนะ ข้ายังเป็นคนทำลายล้างสำนักอวิ๋นเยียนของเจ้าอีกด้วย”
“สำนักอวิ๋นเยียนจะถูกทำลายล้างหรือไม่นั่น มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ก็แค่สำนักนิกายระดับหนึ่ง หากวันนี้ข้าทำสำเร็จ อย่าว่าแต่สำนักนิกายระดับหนึ่งเลย ต่อให้เป็นสำนักนิกายระดับสามข้าก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้!” ตาเฒ่าบ้ายิ้มพลางกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าไม่มีทางทำมันสำเร็จ”
“ลำพังแค่เจ้า คิดว่าจะขวางข้าได้รึ ?” ตาเฒ่าบ้าไม่อยากจะพัวพันอยู่กับมู่เฉียนซี ดังนั้นจึงคิดจะหนี!
“เสี่ยวหง อู๋ตี้!”
เสี่ยวหงกับอู๋ตี้พรวดออกมาก็ทำได้เพียงแค่ขัดขวางตาเฒ่าบ้านี้ไว้ได้เท่านั้น ไม่อาจเอาชนะเขาได้!
มีเพียงแค่ทางนี้ทางเดียวแล้วเท่านั้น มู่เฉียนซีเอายาฟ้าดินซวนหวงออกมา ไม่ว่าอย่างไรภารกิจนี้ของตาเฒ่าจะสำเร็จไม่ได้ ต่อให้พลังจะลดไปอีกหนึ่งระดับก็ไม่เป็นไร
เมื่อชิวหลิงเห็นมู่เฉียนซีจะใช้ยาวิญญาณเพิ่มพลังเช่นนี้ นางก็กล่าวถามขึ้นว่า “ผู้นำตระกูลมู่ ยาวิญญาณนี้ข้าใช้มันได้หรือไม่!”
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้พลังวิญญาณของนางลดลงไปแล้ว พวกเขาไม่ได้เป็นญาติกันแต่อย่างใด นางไม่อยากให้พลังของสาวน้อยผู้มีพรสวรรค์อย่างไร้ที่เปรียบเช่นนี้ลดลงไปอีกครั้งเพียงเพราะช่วยเหลือบุตรชายของนาง!
“อืม!”
“เช่นนั้นก็ให้ข้าเถอะ!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ได้!”
ครั้นแล้วพลังวิญญาณของชิวหลิงก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า ทว่า ก็ยังคงช่วยชิวหลิงไม่ได้!
ท้ายที่สุดการที่เผชิญหน้ากับตาเฒ่าผู้นี้ พลังของนางไม่อาจต่อสู้ข้ามขั้นได้! ชิวหลิงจนปัญญาเป็นอย่างมาก!
“ดูท่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว!”