ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 571 โอกาสสังหารถึงสองครั้ง
“ได้!” มูเฉียนซียืดอกขึ้น นางพร้อมเสมออยู่แล้ว
ทว่าระดับพลังความสามารถในปัจจุบันของนางยังคงอยู่ที่ราชาแห่งภูตระดับเจ็ด และกำแพงที่กั้นไว้ไม่ให้ขึ้นไปยังระดับแปดนั้น พังมันลงได้ยากมาก
ในครานั้น เจดีย์เทพหนานอู้ช่วยนางให้ทะลวงพลังเข้าสู่ระดับแปดได้อย่างง่ายดาย แต่มาครานี้กลับต้องมาฝึกเพื่อที่จะก้าวไปสู่ระดับนั้นอีกครั้ง นางพบว่าการฝึกบำเพ็ญมิใช่ง่าย ๆ เลย เพราะฉะนั้นแล้ว ค่ายกลวิญญาณ ณ สำนักศึกษาซวนเสียที่ช่วยในเรื่องการฝึกบำเพ็ญ นางต้องไปที่นั่นให้ได้
…
บนรถม้า โม่ซางคงแนะนำสถานการณ์เกี่ยวกับสำนักศึกษาหนานเฟิงให้ฟัง ที่สำนักศึกษาหนานเฟิง นอกจากจะรับบุคคลธรรมดาทั่วไปผู้ซึ่งเป็นอัจฉริยะแต่ไร้สังกัดกองกำลังที่เป็นสำนักนิกายระดับหนึ่งแล้ว ยังรับเหล่าลูกศิษย์อัจฉริยะจากสามกลุ่มกองกำลังใหญ่ด้วย นั่นคือตำหนักโม่อวี่ หอชิงลั่ว และสำนักเทียงกัง
อัจฉริยะผู้ซึ่งใคร ๆ เรียกว่า นายน้อย อย่างโม่ซางคงนั้น เขาได้รับการบ่มเพาะสั่งสอนมาเป็นพิเศษจากตำหนักโม่อวี่ ทรัพยากรที่ตำหนักโม่อวี่มอบให้แก่เขาก็มากกว่าที่สำนักศึกษาหนานเฟิงมอบให้เสียอีก
มีเวลาเหลืออีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก่อนที่การคัดเลือกครั้งใหญ่ ณ สำนักศึกษาซวนเสียจะจัดขึ้น ถึงแม้ว่าสำนักศึกษาหนานเฟิงจะห่างชั้นกับสำนักศึกษาซวนเสียเป็นอย่างมาก แต่ทว่าจะดีร้ายอย่างไร ที่นั่นก็ยังเป็นสำนักนิกายระดับหนึ่ง แน่นอนว่าทรัพยากรที่พวกเขามีย่อมดีกว่าพวกที่ไม่มีระดับนิกายถมไป
ส่วนสถานะของมู่เฉียนซี นางเป็นนักเรียนที่แทรกเข้าไปกลางคัน แต่ด้วยการจัดการของตำหนักโม่อวี่ เรื่องนี้จึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น
…
เพิ่งเดินทางมาได้เพียงครึ่งทางแท้ ๆ ก็ดูเหมือนว่าการเดินทางนี้จะไม่ค่อยสงบเรียบร้อยเสียแล้ว
โม่ซางคงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย กลิ่นอายจิตสังหารตามติดพวกเขาอยู่ในมุมมืด
มู่เฉียนซีเอ่ยถามขึ้น “หอชิงลั่วขอโทษอย่างเปิดเผย แล้วพวกเขาได้จัดการกับชิงฮุ้ยหรือยัง ?” โม่ซางคง “ทำแค่เพียงกักขังนางไว้ ไม่ได้ทำอะไรให้เจ็บตัว ก็แค่คัน ๆ เท่านั้นเอง”
“ดูเหมือนว่าหัวหน้าหอชิงลั่วจะมิได้รักลูกสาวคนโตอย่างที่ข้าคิดเอาไว้นะ หึ ๆ”
โม่ซางคงกล่าวพลางกางแขนแบมือทำท่าประมาณว่า ‘ช่วยไม่ได้’ ก่อนจะกล่าวขึ้น “กลุ่มกำลังใหญ่ต่าง ๆ ในทวีปเสียโจวต่างแย่งชิงกันเป็นใหญ่ ทำให้เห็นความสำคัญของคนรุ่นหลัง และที่ให้ความสำคัญนั้นมิเพียงแค่กับสายเลือดของตนเองเท่านั้นด้วย ที่หอชิงลั่วเป็นเช่นนี้ ตำหนักโม่อวี่ก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ผู้ที่ซุ่มอยู่ในมุมมืดเห็นโอกาสเหมาะจึงเริ่มลงมือ “ปกป้องนายน้อย ปกป้องแม่นางมู่เร็ว!”
— ตูม! —
ผู้มาเยือนนั้นมีพลังความสามารถแข็งแกร่งยิ่งนัก ส่งยอดฝีมือจักรพรรดิระดับสูงสุดมาหลายคนเช่นนี้…!
— ตูม! —
รถม้าถูกดาบใหญ่เล่มหนึ่งผ่าออก มู่เฉียนซีและโม่ซางคงลอยกระเด็นออกจากรถม้า “แม่นางมู่!” โม่ซางคงเอ่ยเรียก ใบหน้าทาบทาความกังวล
“ไม่ต้องห่วงข้า เป้าหมายของมือสังหารคือเจ้า เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถอะ” มู่เฉียนซีรีบบอก เดิมทีนั้นนางคิดว่าผู้ที่ลงมือจะต้องเป็นชิงฮุ้ย ทว่าทันที่ที่มือสังหารเริ่มลงมือ นางก็รู้ว่าเป้าหมายของพวกมันคือนายน้อยโม่ซางคง
มือสังหารเหล่านี้มีประสบการณ์อย่างเห็นได้ชัด พวกนั้นแผ่รังสีสังหาร ตั้งสมาธิต้องการฆ่าไปทางโม่ซางคง
ในฐานะที่เป็นนายน้อยแห่งสำนักนิกายระดับหนึ่ง โม่ซางคงมิใช่บุคคลที่ถูกฆ่าตายได้โดยง่าย อีกอย่าง ตัวเขาไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถเสียด้วย — ปัง! ปัง! ปัง! —
การต่อสู้อันดุเดือดดำเนินต่อไป ฝ่ายตรงข้ามมิได้เห็นมู่เฉียนซีที่เป็นเพียงขั้นราชาอยู่ในสายตาเลย ฉะนั้นแล้ว ขอแค่เพียงนางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวก็ถือว่าปลอดภัยเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีมิได้เข้าร่วมการต่อสู้ ถึงแม้ว่าความสามารถของนางจะเป็นเพียงระดับราชา ก็มิใช่ว่านางจะไม่เคยสู้กับบุคคลระดับจักรพรรดิมาก่อน
เหล่าคนของตำหนักโม่อวี่ไม่กระจอก จะเล่นงานให้พวกเขาพ่ายแพ้นั้นไม่ง่ายเลย ไม่นาน พวกมือสังหารก็ได้ล่าถอยออกไป แต่ทว่าคนของตำหนักโม่อวี่บาดเจ็บอย่างหนักไปหลายรายเช่นกัน! โม่ซางคงกล่าวอย่างร้อนรน “เร็วเข้า รีบเข้าเมืองแล้วเปลี่ยนรถม้าเร็ว ๆ!”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีมองดูสถาณการณ์และเห็นท่าไม่ดี มือเรียวไม่รอช้า หยิบยาออกมาหลายขวด “พวกเจ้ากินยารักษาอาการบาดเจ็บเสียก่อนเถอะ ไปทั้งอย่างนั้นมันอันตรายนะ” โม่ซางคงกล่าว “ไม่เป็นไร ที่พวกเรามียาอยู่ มันเป็นยาของหอหมอปีศาจเสียด้วย”
มู่เฉียนซียิ้มมุมปาก “ถ้าเช่นนั้นก็ดี พวกเจ้ากินให้หมดซะ มันจะช่วยให้ฟื้นฟูได้ไว”
กินทั้งหมดนี่เลยรึ ? พวกเขาแสยะยิ้มมุมปาก กินไปในคราวเดียวมากมายขนาดนี้ หากไม่จุกท้องตายก็คงต้องมีอันขนหน้าแข้งร่วงตาย
มู่เฉียนซีไร้ท่าทีแยแส “กินให้เยอะเร็ว ๆ เถอะหน่า เร็ว! รีบฟื้นฟูเสียให้ไว ถ้าไม่รีบฟื้นฟู เกรงว่าก่อนจะเข้าเมืองคงมีอะไรไม่ราบรื่นอีก”
โม่ซางคงกล่าวอย่างลังเล “เจ้าหมายถึง…” “ใช่สิ แล้วเจ้าคิดว่ายังไงล่ะ” มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว
โม่ซางคงเหลือทางเลือกเดียวคือกินยา เขารีบสั่งคนอื่น ๆ ทันที “รีบกินยาเม็ดเข้าไปซะ แล้วพักผ่อนฟื้นกำลังที่นี่”
“นายน้อยขอรับ เราพักผ่อนกันที่นี่ หากว่าพวกมือสังหารนั่นย้อนกลับมาอีกครั้งจะทำเช่นไรขอรับ ?”
“แต่ถ้าหากพวกเราไปจากที่ตรงนี้ เกรงว่าคงจะมีมือสังหารอีกชุดรออยู่เบื้องหน้า” โม่ซางคงกล่าว
พลังจิตของมู่เฉียนซีนั้นสูงกว่าพวกเขามากนัก นางสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันที่อยู่ข้างหน้า พลันความคิดหนึ่งผุดขึ้น ‘…ไปหาพวกมันถึงที่ ไม่ต้องรอพวกมันอยู่ที่นี่’
เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ พวกมือสังหารเหล่านั้นรอยู่เป็นเวลานาน แต่เหยื่อก็ไม่มาเสียที พวกมันจึงได้ย้อนกลับมา
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เงาร่างหลายเงากระโดดลงมา ผู้เป็นผู้นำฉวยเอาดาบที่โค้งมนชี้ไปทางมู่เฉียนซี
“นายน้อยโม่ ผู้ที่เราต้องการฆ่าคือนางผู้นี้ พวกท่านจงอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยว ต่อให้อยากจะปกป้องนางมากเพียงใด พลังวิญญาณของพวกเจ้าก็ถูกใช้จนใกล้หมดสิ้นแล้ว ฉะนั้นอย่าได้เอาชีวิตเข้ามาทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์เลยเถอะ”
มู่เฉียนซีก้าวออกมาอย่างสง่าก่อนจะเอ่ยปากกล่าว “ข้าจะรับมือกับพวกเจ้าเอง พวกเจ้าอย่าลงมือกับพวกเขาก็พอแล้ว” เมื่อมู่เฉียนซีเดินออกไป สีหน้าของโม่ซางคงพลันเปลี่ยนไปในทันที “มะ… แม่นางมู่!”
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก พวกเขาคงจะรีบรับยาเม็ดนั่นและกินเข้าไปเพื่อฟื้นฟูตนเองให้ไวว่อง มาบัดนี้แม่นางมู่ที่เป็นเพียงขั้นราชาผู้เดียวต้องรับมือกับระดับขั้นจักรพรรดิตั้งหลายคน …นี่มันอันตรายแล้ว
“พวกเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บกันไปก่อนเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า”
มือสังหารยิ้มเยาะก่อนจะกล่าวว่า “แม่สาวน้อย เจ้ากล้าไม่เบาเลยนะ แต่ต่อให้เจ้าให้มีความกล้ามากกว่านี้เจ้าก็จะกลายเป็นผีใต้คมดาบข้าอยู่ดีนั่นแหละ”
“ตายซะ!” ดาบเล่มนั้นวาดผ่านอากาศฟาดลงมา ทว่าเงาร่างบางของมู่เฉียนซีกลับหลบหลีกไปได้อย่างรวดเร็วราวกลับกลุ่มหมอกควันเบาบางที่มีบางสิ่งตีแหวกมันออกไป …ความเร็วของนางรวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
นางได้รับรู้เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวและศึกษาเกี่ยวกับมันอยู่เป็นเวลานานแต่กลับไม่มีเวลาได้ฝึกฝน มาบัดนี้ เจอเข้ากับพวกมือสังหารเข้า ถือโอกาสลองวิชาเสียหน่อยเป็นไร
“สาวน้อย อย่าได้คิดว่าเจ้าเคลื่อนไหวรวดเร็วแล้วจะรอดตายไปได้นะ!”
กลุ่มมือสังหารพุ่งกระโจนเข้าไป มู่เฉียนซียิ้มเยาะทันที “อย่าได้คิดว่าพวกเจ้ามีคนเยอะแล้วข้าจะไม่มีผู้ช่วย” “เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมาซะ”
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว เหอะ ในเมื่อพวกเจ้ากล้าที่จะลงมือฆ่านายท่านของข้า ข้าจะบี้ให้พวกเจ้ากลายเป็นชิ้น ๆ”
เงาร่างสีขาวส่องแสงวาบ จากนั้นพลันปรากฏร่างของแมวสีขาวตัวใหญ่เท่าภูเขาตัวหนึ่งตรงหน้าพวกเขา
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงตะโกนก้อง บริเวณสมรภูมิการต่อสู้ย่อม ๆ ถูกมันทำให้ล้อมรอบไปด้วยวงไฟ มันกล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้าน “อื้ม รู้สึกดียิ่งนัก ข้าไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานมากแล้ว” “เฮ้ย! นั่นมันสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม”
“มีสองตัว!”
ทั้งฝ่ายศัตรูและฝ่ายเดียวกันต่างนิ่งอึ้งตะลึงลาน ด้วยเพราะนางได้ทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถึงสองตัว อีกทั้งยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามที่หาได้ยากยิ่ง
“สาวน้อย อย่าได้คิดว่ามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวแล้วพวกมันจะสามารถปกป้องเจ้าได้”
“พวกเจ้า ไปกันสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนั่นเอาไว้ อย่างให้เข้ามาวุ่นวาย” “ส่วน และเจ้า ล้อมฆ่านางเด็กนี่ซะ!”
ในฐานะมือสังหารมากประสบการณ์ เขาสามารถตอบรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้โดยไม่ลนลานและใช้ยุทธวิธีรับมือได้อย่างสมควร
เพียงแค่กันสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนั้นเอาไว้ พวกเขาจะมีโอกาสรวบรวมกำลังมุ่งเข้าไปที่ตัวของสาวน้อย ขอแค่เพียงสามารถฆ่านางได้ เช่นนั้นแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหวั่นกลัวอะไรกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยัน “ฝันไปเถอะ หากคิดฆ่าข้า ตามให้ทันก่อนแล้วค่อยปากเก่ง”
“มังกรวารีพิฆาต!”
“ทักษะเทียนซวน!”
จักรพรรดิระดับต่ำผู้หนึ่งคิดลอบโจมตีมู่เฉียนซี ทว่าเมื่อถูกพลังเทียนซวนเข้าไปเต็มเปา เขาถึงกับบาดเจ็บอย่างหนักเลยทีเดียว
“หึ! ได้ลิ้มรสทักษะวิญญาณการสู้ข้ามขั้นของข้า เป็นยังไงบ้างล่ะ ?”
“บ้าไปแล้ว เจ้าเป็นเพียงระดับราชาแต่กลับสามารถข้ามขั้นฆ่าคนระดับจักรพรรดิได้ เจ้ามีทักษะวิญญาณอะไรกันแน่ ?”